13 มี.ค. เวลา 03:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

ทำไมปีนี้ SCB จ่ายปันผล สูงสุดในรอบ 10 ปี

ไฮไลต์หลักของหุ้นปันผลปีนี้ คือ บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB เจ้าของธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารเอกชนใหญ่สุดของไทย ประกาศจ่ายปันผลจากกำไรสุทธิอีก 7.84 บาทต่อหุ้น
หลังจากปลายปีที่แล้ว SCB จ่ายเงินปันผลจากกำไรสะสมไป 2.5 บาทต่อหุ้น
ทำให้จากผลประกอบการปี 2566 SCB จะจ่ายเงินปันผลทั้งหมด 10.34 บาทต่อหุ้น
โดยจำนวนเงินปันผลนี้ คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลต่อปี สูงถึงเกือบ 10% ต่อปีเลย
นับได้ว่าเป็นการจ่ายปันผลสูงสุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา
แล้วทำไมปีนี้ SCB ถึงจ่ายปันผลเพิ่มขึ้น มากขนาดนี้ ?
MONEY LAB จะย่อยเรื่องการเงิน การลงทุน ให้เข้าใจง่าย ๆ
1
หากเราย้อนไปดูข้อมูลการจ่ายเงินปันผล ของ SCB
ย้อนหลัง พบว่า
ปี 2560 จ่ายปันผล 5.50 บาทต่อหุ้น
ปี 2562 จ่ายปันผล 6.25 บาทต่อหุ้น
ปี 2564 จ่ายปันผล 5.50 บาทต่อหุ้น
ปี 2566 จ่ายปันผล 10.34 บาทต่อหุ้น
จะเห็นว่าในปี 2566 SCB จ่ายปันผลมากกว่าปีก่อน ๆ มาก
1
หากเราไปลองวิเคราะห์ว่า ทำไม SCB ถึงเลือกจ่ายปันผลมากขึ้น ก็สามารถอธิบายได้ด้วย 2 เหตุผล
1. ธนาคารมีความแข็งแกร่ง และมีเงินกองทุนอยู่ในระดับสูง
ปัจจุบันวิกฤติโควิดได้ผ่านพ้นไป และสถานการณ์ได้กลับสู่ภาวะปกติแล้ว
ทำให้เงินส่วนที่เคยกันเอาไว้เพื่อรองรับความเสี่ยง มีการผ่อนคลายลง จึงสามารถนำมาจ่ายปันผลเพิ่มมากขึ้นได้
ซึ่งความแข็งแกร่งของธุรกิจธนาคาร เราวัดได้จาก
เงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง หรือ Capital Adequacy Ratio (เรียกย่อ ๆ ว่า CAR)
เงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง คือ สัดส่วนของเงินที่สถาบันการเงินเตรียมไว้ เพื่อรองรับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น
หลังจากสถาบันการเงินนำเงินฝากของประชาชน ไปลงทุนหรือปล่อยกู้แล้ว
1
ถ้า CAR มีค่ามาก หมายถึง ธนาคารได้กันเงินไว้สูงเพื่อรองรับความเสี่ยง ที่อาจจะเกิดขึ้น
โดยธนาคารแห่งประเทศไทย กำหนดให้ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ต้องคงสัดส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง ไว้ที่ 8.5% สำหรับสถานการณ์ปกติ และ 12% ในกรณีที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจ
จากข้อมูลล่าสุด คือวันที่ 31 ธันวาคม 2566
SCB มีเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง เท่ากับ 18.8%
ซึ่งหมายความว่า SCB กำลังมีเงินสดสำรองไว้มากเกินไป
2. บริษัทอยากทำให้ผลตอบแทนของผู้ถือหุ้นสูงขึ้น
ผลตอบแทนของผู้ถือหุ้น หรือ Return on Equity
(เรียกย่อ ๆ ว่า ROE)
1
คำนวณได้จาก
กำไรสุทธิ / ส่วนของผู้ถือหุ้น
ROE เป็นอัตราส่วนที่ใช้วัดประสิทธิภาพของบริษัทว่า สามารถนำเงินในส่วนของผู้ถือหุ้น ไปลงทุนแล้วสร้างผลตอบแทนได้ดีแค่ไหน
ถ้า ROE สูง หมายความว่า บริษัทนำเงินที่มีอยู่ไปลงทุน แล้วสามารถสร้างผลตอบแทน คืนให้กับผู้ถือหุ้นได้มาก นั่นเอง
1
โดยปัจจัยที่ทำให้ ROE สูงขึ้น มีอยู่ 2 อย่าง
- กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น
เมื่อบริษัททำธุรกิจ แล้วมีกำไรมากขึ้น แต่ส่วนของผู้ถือหุ้นอาจจะยังเท่าเดิม หรือเพิ่มขึ้นไม่มาก
เมื่อนำมาคำนวณแล้ว ROE ก็จะสูงขึ้น
- ส่วนของผู้ถือหุ้นลดลง
อีกวิธีที่ทำให้ ROE สูงขึ้นได้ โดยที่กำไรสุทธิไม่จำเป็นต้องเพิ่มขึ้น คือการทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นลดลง
ซึ่งการที่จะทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นลดลง ก็สามารถทำได้ผ่านการจ่ายเงินปันผลที่มากขึ้น
เมื่อเงินปันผลถูกจ่ายออกจากกำไรสะสม ที่อยู่ในส่วนของผู้ถือหุ้นแล้ว ส่วนของผู้ถือหุ้นก็จะลดลง
1
ดังนั้น การจ่ายปันผลมากขึ้น จึงเป็นอีกวิธี ที่จะช่วยเพิ่ม ROE ในระยะสั้น
1
แต่ในระยะยาวแล้ว การจะเพิ่ม ROE ให้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ก็ควรมาจากกำไรสุทธิที่เติบโต
1
โดยทาง SCB ก็มีแผนในการสร้างกำไรให้เพิ่มขึ้น ในระยะยาว ผ่านธุรกิจย่อย ที่ถูกเรียกว่า GEN ต่าง ๆ อีกด้วย
หากไปดูที่สัดส่วนรายได้จากการดำเนินงานของแต่ละธุรกิจ ในปี 2566 จะพบว่า
- GEN 1 ธุรกิจธนาคาร สร้างรายได้ 81%
- GEN 2 บริการทางการเงินเพื่อผู้บริโภคและดิจิทัล สร้างรายได้ 16%
- GEN 3 แพลตฟอร์มและสินทรัพย์ดิจิทัล สร้างรายได้ 3%
ตอนนี้ รายได้ส่วนใหญ่ยังมาจากธุรกิจ GEN 1 แต่ในอนาคต SCB มองว่า ส่วนของธุรกิจ GEN 2 และ GEN 3 จะมาเป็นความหวังใหม่ ในการสร้างกำไรให้บริษัท เพื่อเติบโตต่อไปได้ในระยะยาว
อ่านมาถึงตรงนี้ ก็เชื่อว่าเราน่าจะเข้าใจแล้วว่า ทำไมปีล่าสุด SCB ถึงจ่ายเงินปันผลมากที่สุด ในรอบ 10 ปี
แต่สำหรับการจ่ายปันผลในรอบปีต่อไป SCB จะยังจ่ายได้มากเท่าเดิมอยู่ไหม
1
คำตอบก็คงขึ้นอยู่กับว่า การเติบโตของกำไรในอีก 1 ปีหลังจากนี้ SCB จะทำได้ดีแค่ไหน..
References
-คำอธิบายและวิเคราะห์งบการเงิน สำหรับไตรมาส 4/2566 บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน)
โฆษณา