[วศ. นฤพนธ์ เพ็งอ้น] คนคล้อยตามกฏของดิน, กฏของฟิสิกส์ & กฏของฟ้าคล้อยตามโมเดิร์นฟิสิกส์ เต๋าและธรรมชาติ#NP เต๋า ☯️: คนคือสิ่งมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่บนโลก และโลกคือที่อยู่ของสิ่งมีชีวิตหนึ่งเดียวในเอกภพ เพ

สำรวจ
ลงทุน
คำถาม

มีบัญชีอยู่แล้ว?หรือ

•

12 มี.ค. 2024 เวลา 15:58 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

คนคล้อยตามกฏของดิน, กฏของฟิสิกส์ & กฏของฟ้าคล้อยตามโมเดิร์นฟิสิกส์ เต๋าและธรรมชาติ#NP

เต๋า ☯️: คนคือสิ่งมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่บนโลก และโลกคือที่อยู่ของสิ่งมีชีวิตหนึ่งเดียวในเอกภพ เพราะโลกนี้มี 5 ธาตุของอี้จิ้ง☯️,

คนคล้อยตามดิน เพราะดินเป็นที่อยู่อาศัยหลักของมนุษย์ คนไม่อาจอยู่ในน้ำและบนฟ้า ได้ตลอดเวลา เหมือนอยู่บนดิน และดินมีแรงโน้มถ่วง 9.81 เมตรต่อวินาทีกำลังสอง (m/s²)

กฏของดินที่ยิ่งใหญ่,

วิทยาศาสตร์ : กฏของนิวตัน

(Newton’s laws)

#นฤพนธ์ เพ็งอ้น

แปลเรียบเรียงและตีความ

วิทยาศาสตร์

กฎข้อที่ 1 กฎของความเฉื่อย (Inertia) "วัตถุที่หยุดนิ่งจะพยายามหยุดนิ่งอยู่กับที่

ตราบที่ไม่มีแรงภายนอกมากระทำ ส่วนวัตถุที่เคลื่อนที่จะเคลื่อนที่เป็นเส้นตรงด้วยความเร็วคงที่

ตราบที่ไม่มีแรงภายนอกมากระทำเช่นกัน

กฏของนิวตัน

(Newton’s laws)

อู๋จี๋ คือ ความว่างเปล่าไม่มีที่สิ้นสุด

ไท่จี๋ เกิดจากความว่างเปล่าไม่มีที่สิ้นสุด

ไท่จี๋เป็นมารดาของหยินและหยาง

ไท่จี๋ เมื่อมันเคลื่อนไหว มันก็แยกจากกัน

ไท่จี๋ เมื่อมันนิ่ง มันก็รวมกัน

#Naruepon Pengon Translate and compile

อู๋จี๋ คือ ความว่างเปล่าไม่มีที่สิ้นสุด ไท่จี๋ เกิดจากความว่างเปล่าไม่มีที่สิ้นสุด ไท่จี๋เป็นมารดาของหยินและหยาง ไท่จี๋ เมื่อมันเคลื่อนไหว มันก็แยกจากกัน ไท่จี๋ เมื่อมันนิ่ง มันก็รวมกัน #Naruepon Pengon Translate and compile

เต้าเต๋อจิง☯️ บทที่ 9 การถอยหลัง เมื่อประสบผลสำเร็จ เป็นหนทางแห่งสวรรค์

เมื่อสะสมทองและหยกเพียงพอต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน ก็หยุดสะสมทองและหยก

รักษาสภาพหยุดนิ่งของการสะสมทองและหยก

ถ้ายังสะสมทองและหยก

ย่อมมีการเคลื่อนที่ของทองและหยก

#นฤพนธ์ เพ็งอ้น

แปลเรียบเรียงและตีความ

“บ้านที่เต็มไปด้วยทองและหยกไม่มีใครปกป้องได้”

้เมื่อผู้คน มากระทำการหยิบฉวยทองและหยก ทำให้ทองและหยกมีการเคลื่อนที่

“ไห่” แปลว่า “หยุด” ซึ่งหมายถึงการปฏิเสธ

หากเพียงพอแล้ว จะไม่ปฏิกิริยาการเคลื่อนที่ของทองและหยก

#นฤพนธ์ เพ็งอ้น

แปลเรียบเรียงและตีความ

เต๋า☯️ เล่าจื้อ “กล่าวว่า

อู๋เหวย” มนุษย์ไม่ต้องทำอะไร หรือให้อยู่เฉย ๆ (หยุดนิ่ง)

แต่การปฏิบัติของมนุษย์เป็นไปแบบผันแปรเป็นเส้นตรงตามกฎแห่งธรรมชาติ

ความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์แปรผันตรง และกลมกลืนกับธรรมชาติ

#นฤพนธ์ เพ็งอ้น

แปลเรียบเรียงและตีความ

ปัจจุบัน การหยุดนิ่งชั่วคราว ในระบบจราจรสากล ใช้สัญลักษณ์☯️ แปดเหลี่ยม #นฤพนธ์ เพ็งอ้น แปลเรียบเรียงและตีความ

เต๋า☯️สภาวะจิตที่สมดุลเป็นหนึ่งเดียวกับเต๋า☯️

บทที่22 เต้าเต๋อจิง☯️ ความจริงใจ คือ สิ่งสำคัญ ความจริงใจ คือ ศรัทธาเป็นหนึ่งเดียวกับเต๋า☯️

หากผู้ใดไม่จริงใจ ไม่ศรัทธาก็เสมือนมีแรงภายนอกมากระทำ จึงไม่เป็นหนึ่งเดียวกับเต๋า☯️

#นฤพนธ์ เพ็งอ้น แปลเรียบเรียงและตีความ

กฎข้อที่ 2 กฎของแรง (Force) “ความเร่งของวัตถุจะแปรผันตามแรงที่กระทำต่อวัตถุ

แต่จะแปรผกผันกับมวลของวัตถุ”

เล่าจื๊อกล่าวว่า

ความเฉลียวฉลาดยิ่งมากเท่าใดความโง่เขลาก็ตามมาด้วยเช่นกัน

นีคือการแปรผันกัน

#นฤพนธ์ เพ็งอ้น

แปลเรียบเรียงและตีความ

เต๋า ☯️

บทที่ 5 คุณธรรมของสูบลม

จงทำตนให้ว่างเหมือนสูบลม มีสูบลมไม่เคลื่อนไหวย่อมมีความว่างและความไร้

มวลของสูบลม,

ความเร่ง = 0, F= 0

ครั้นสูบลมเคลื่อนไหว

(กระบอกสูบด้วยความเร่งมากให้แรงมากขึ้น)

กลับให้พละกำลัง

ยิ่งพูดมากคำก็ยิ่งไร้ประโยน์

ยิ่งพูดมากคำยิ่งเหน็ดเหนื่อย

มิสู้เก็บคุณค่านั้นไว้แต่เพียงภายในกระบอกสูบ, F = ma

#นฤพนธ์ เพ็งอ้น

แปลเรียบเรียงและตีความ

วิทยาศาสตร์ :

แรงของกระบอกสูบคำนวณได้จาก

แรง มีหน่วยเป็น kg ,

พื้นที่หน้าตัดกระบอกสูบ มีหน่วย cm²,

แรงดันลมอัด มีหน่วย kg/cm²

สูตร F = A x P

พื้นที่หน้าตัดของลูกสูบ(cm²) คูณ

แรงดันของลมอัด(kg/cm²)

แรงจากด้านดันออกของกระบอกสูบ ก็สามารถคำนวณพื้นที่หน้าตัดของขนาดรู

แรงด้านดึง นำพื้นที่หน้าตัดของลูกสูบ มาลบพื้นที่หน้าตัดของแกนสูบ

สมมติการคำนวณ

แรงจากกระบอกลมขนาด 80 mm. แกน 20 mm.

แรงดันในระบบ 5 kg/cm²

พท. หน้าตัด 60 mm. (A1) = ¶r² = 3.1428*3*3 = 28.2852 cm²

พท. หน้าตัด 60 mm. - พท. หน้าตัดแกน 20 mm. (A2) = 28.282-(3.1428*1*1) = 25.1424 cm²

ดังนั้น แรงที่ได้จาก pressure 6 kg/cm2

ด้านดันกระบอกสูบ = 28.2852 * 5 = 141.4125 kg

ด้านดึงกระบอกสูบ = 25.1424 * 5 = 125.712 kg

#นฤพนธ์ เพ็งอ้น

แปลเรียบเรียงและตีความ

เต๋า ☯️ "กระแสแห่งจิตสำนึก" กระแสความคิด มโนภาพ ดุจดังสายน้ำแห่งจิตสำนึกที่ลึกกว่า ธรรมชาติของจิตใจ" ล้วนมาจากพลังแห่ง 'ความรัก' เฉกเช่น ทารกแรกเกิด (มวลน้อย)เมื่อมีแสงสว่าง ก็มองด้วยความรักตลอดเวลา(อัตราเร่ง) เมื่อทารกเติบใหญ่ความรักบริสุทธิ์ก็ลดน้อยลง ผกผันกับยามแรกเกิด มนุษย์แสวงหาความสงบสุขและกลับสู่ธรรมชาติดั้งเดิมของในจิตใจตน

#นฤพนธ์ เพ็งอ้น แปลเรียบเรียงและตีความ

กฎข้อที่ 3 กฎของแรงปฏิกิริยา

“แรงที่วัตถุที่หนึ่งกระทำต่อวัตถุที่สอง ย่อมเท่ากับ

แรงที่วัตถุที่สองกระทำต่อวัตถุที่หนึ่ง แต่ทิศทางตรงข้ามกัน”

(Action = Reaction)

อี้จิ้ง☯️ 🆚 ทวิลักษณ์ สรรพสิ่งเกิดจากคู่ตรงข้าม

เต๋า ☯️ เมื่อฝ่ายหนึ่งมีนิสัยดี (+)

อีกฝ่ายหนึ่งก็มีนิสัยไม่ดี( -)

ฝ่ายหนึ่งว่าการปกครองนี้ดี

อีกฝ่ายหนึ่งก็ว่าปกครองนี้ไม่ดี

เมื่อฝ่ายหนึ่งไม่รู้สึกว่าถูกปกครอง (การปกครองโดยประชาชน)

อีกฝ่ายหนึ่งก็จะรู้สึกว่าถูกปกครอง

#นฤพนธ์ เพ็งอ้น แปลเรียบเรียงและตีความ

บทที่ 36 สรรพสิ่ง คือ ทวิลักษณ์, แรงปฏิกิริยาคู่ตรงข้าม

หากคุณทำให้ความปรารถนาของคุณอ่อนแอ

คุณต้องทำให้ความปรารถนานั้นแข็งแกร่ง

ถ้ารับแรงปฏิกิริยาจากสิ่งใด

ก็ต้องให้แรงปฏิกิริยากับสิ่งนั้น

ความอ่อนแอ

สามารถชนะความแข็งแกร่ง

หากคุณต้องการเขียนบันทึกลงสมุดประจำวัน

คุณต้องเปิดสมุดประจำวันขึ้นมา

#นฤพนธ์ เพ็งอ้น

แปลเรียบเรียงและตีความ

"กฎของฟ้า" 🆚 ฟิสิกส์สมัยใหม่

ดินคล้อยตามฟ้า

หรือ โลกคล้อยตามจักรวาล

ทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ

แสดงให้เห็นว่าผู้สังเกตที่อยู่ในกรอบอ้างอิงเฉื่อยที่กำลังเคลื่อนที่

{เต๋า☯️สภาวะจิตที่สมดุลเป็นหนึ่งเดียวกับเต๋า☯️บทที่22 เต้าเต๋อจิง☯️ ความจริงใจ คือ สิ่งสำคัญ ความจริงใจ คือ ศรัทธาเป็นหนึ่งเดียวกับเต๋า☯️}

ผู้สังเกตอยู่ในกรอบอ้างอิงเฉื่อยกำลังเคลื่อนที่สัมพัทธ์กันด้วยอัตราเร็วคงที่

ไม่อาจทำการทดลอง ว่าผู้สังเกตคนใดมี "การเคลื่อนที่สัมบูรณ์"

มีสมมุติฐาน

1. อัตราเร็วแสงในสุญญากาศ

มีค่าเท่ากันสำหรับผู้สังเกตทุกคน

เต๋า☯️ เป็นเหมือนสุญญากาศ และมืดมนและคลุมเครือไม่สามารถมองเห็นได้

และเต้าเต๋อจิง☯️บทที่ 14 "ถ้าคุณหลีกหนี =ยี่ ไม่ได้ยิน=ซี เปลี่ยนแปลงไปมาเป็นหนึ่งอันเดียวกัน=รูปไม่มีรูปและรูปไม่มี=เกิด, ดับ

(มีพลังงานมืดในสุญญากาศที่ควบคุมจักรวาล)

#นฤพนธ์ เพ็งอ้น แปลเรียบเรียงและตีความ

2. กฎทางฟิสิกส์ไม่แปรเปลี่ยนภายใต้การแปลงกรอบอ้างอิงเฉื่อย

ทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป

อ้างสมการหนึ่ง

ที่มาแทนที่กฎแรงโน้มถ่วงของนิวตัน

ทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป

ใช้เรขาคณิตเชิงอนุพันธ์

และแคลคูลัสเมตริกซ์ ,

วิเคราะห์ tensorหรือแคลคูลัสชี่เป็นส่วนขยายของเวกเตอร์แคลคูลัสเพื่อเขตเมตริกซ์

{เทนเซอร์ทีมีข้อมูลความโค้งงอของพื้นผิว ความโค้งของกาลอวกาศสามารถสังเกตได้โดยใช้สมการ การเบี่ยงเบนตาม เส้นจีโอเดสิกเทนเซอร์ความโค้งแสดงถึงแรงไทดัลที่วัตถุแข็งเคลื่อนที่ไปตามเส้นจีโอเดสิก}

ในการอธิบายความโน้มถ่วง(gravity) ทำให้วัตถุกายภาพมีน้ำหนักและทำให้วัตถุตกสู่พื้นเมื่อปล่อย

กฎของทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปเหมือนกันสำหรับ

ผู้สังเกตทุกคน แม้ว่าผู้สังเกตแต่ละคนเคลื่อนที่ด้วยความเร่ง

เมื่อเทียบกับผู้สังเกตคนอื่น

ทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป

ความโน้มถ่วงไม่ได้เป็นแรง

(อย่างในกฎความโน้มถ่วงของนิวตัน = กฏของดินที่ยิ่งใหญ่)

แต่เป็นผลจากการโค้งของปริภูมิ-เวลา (spacetime

หรืออาจแปลว่าปริภูมิก็ได้)

เช่น การเคลื่อนที่ของดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ

ไม่มีแรงดึงดูดระหว่างดาวแต่อย่างใด

แต่เป็นเพราะ

มวลและพลังงานทำให้เกิดการโค้งงอของปริภูมิ-เวลา

และการโค้งนี้ส่งผลต่อเส้นทางการโคจรของดาวเคราะห์รอบดวงอาทิตย์

และดวงจันทร์โคจรรอบโลก

ทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปเป็นทฤษฎีเชิงเรขาคณิตที่ถือหลัก

มวลและพลังงานทำให้เกิดการโค้งงอของปริภูมิ-เวลา

และการโค้งนี้ส่งผลต่อเส้นทางการเคลื่อนที่ของอนุภาคอิสระรวมทั้งแสง

กฏของเต๋า

จิตของสมองคล้อยตามเต๋า ☯️

เราอาจจะทำนายถึงสถานะ

ทางควอนตัมของอนุภาคได้ก่อนจะเริ่มสังเกตการณ์ รวมทั้งเข้าควบคุมการเปลี่ยนแปลงสถานะนั้นให้ย้อนกลับไปได้อีกด้วย

จิตเดิมจึงคล้อยตามเต๋า☯️

ดุจดังทารกแรกเกิด เสมือนรู้จักเต๋า☯️ แต่ไม่รู้จักชื่อของเต๋า เพราะเต๋าที่มีชื่อ คือ การสมมติ

#นฤพนธ์ เพ็งอ้น

การทดลองเพื่อทดสอบทฤษฎีโดยยิงรังสีจากคลื่นไมโครเวฟ

ไปยังคิวบิตนำไฟฟ้ายิ่งยวด

ซึ่งเป็นอนุภาคที่ใช้ในควอนตัมคอมพิวเตอร์ เพื่อให้อนุภาคดังกล่าวเกิดการเปลี่ยนสถานะไปอยู่ในระดับพลังงานต่าง ๆ

และใช้วิธีสังเกตการณ์ทางอ้อมผ่านคลื่นไมโครเวฟ เพื่อดูว่าจะสามารถตรวจจับสัญญาณที่บ่งชี้ล่วงหน้าว่า อนุภาคกำลังจะ "กระโดด" เปลี่ยนสถานะ

(Superposition)

หรือกำลังจะเกิด

ควอนตัมลีป

(Quantum leap)

ขึ้นได้หรือไม่ ?

ผลการทดลอง

สามารถตรวจจับสัญญาณดังกล่าว

จึงตรวจพบว่ามีอนุภาคโปรตอนออกมา

ก็แสดงว่าอนุภาคที่ทดลองกำลังเข้าสู่สถานะพื้น (Ground state)

โปรตอนหายไปอย่างกะทันหันแสดงว่าอนุภาคที่ทดลองกำลังเข้าสู่สถานะกระตุ้น (Excited state) ที่มีพลังงานสูงกว่า

ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่การกระโดดข้ามสถานะอย่างฉับพลัน

แต่เป็นการเลื่อนไหลเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วต่อเนื่อง ในพริบตา

ทำให้รู้สึกเหมือนการก้าวกระโดด

เราสามารถควบคุมการให้พลังงานกับอนุภาคที่กำลังจะกระโดด ทำให้มันถอยกลับไปอยู่ในสถานะพื้นตามเดิมได้

เท่ากับว่าเราช่วยชีวิตแมวของชโรดิงเงอร์ที่กำลังเปลี่ยนสถานะไปสู่ความตาย

ให้คืนสู่สถานะปลอดภัยและมีชีวิตอยู่ได้

เรานำไปใช้พัฒนาควอนตัมคอมพิวเตอร์ โดยใช้ตรวจจับอนุภาคที่กำลังจะเกิดควอนตัมลีป ซึ่งเป็นที่มาของการประมวลผลผิดพลาด

เราประยุกต์ใช้ทำนายเหตุภูเขาไฟระเบิด

เราอาจจับสัญญาณการสั่นสะเทือนที่ส่งมาล่วงหน้าได้ แต่บอกไม่ได้ว่ามันจะระเบิดขึ้นเมื่อไหร่กันแน่

ควอนตัมทางกายภาพ คือ

พฤติกรรมของสสารหรือพลังงานที่อยู่ในระดับอะตอม

หรือต่ำกว่า ที่ เล็ก ๆ และ เย็น ๆ

(รวมทั้งสสารมืดและพลังงานมืด)

พื้นฐานธรรมชาติ

ความไม่แน่นอน (Probabilistic)

ความจริงที่เราเห็นเป็นแค่

'ค่าเฉลี่ย' ของภาพลวงตา

วัตถุที่วางอยู่นิ่ง ๆ

เราลองหลับตา ความเป็นไปได้ที่จะไม่เป็นศูนย์ วัตถุนั้นจะขยับไปทางซ้ายเล็กน้อย หรือขวาเล็กน้อย โดยที่ไม่แรงอะไรมากระทำ

เต๋า☯️ สรรพสิ่งล้วนเป็นภาพลวงตา, เต๋า☯️ ที่แท้จริงมิอาจตั้งชื่อได้

#นฤพนธ์ เพ็งอ้น

แปลเรียบเรียงและตีความ

เราไม่สามารถสังเกตุการเคลื่อนที่ที่มีขนาดน้อยมาก ๆ

ได้ในชีวิตประจำวัน

แต่สามารถวัดได้จริงในห้องปฏิบัติการ

กลศาสตร์ควอนตัม (Quantum Mechanics)

เป็นส่วนหนึ่งของ

ควอนตัมทางกายภาพ

เป็นทฤษฎีควอนตัมของสสาร ที่อธิบายธรรมชาติในระดับอะตอมและนิวเคลียส กับทฤษฎีสนามเชิงควอนตัม (Quantum Field Theory)

โดยการสร้างทฤษฎีการแผ่รังสีของวัตถุร้อน การทดลองได้แสดงให้เห็นว่า วัตถุยิ่งร้อน

แสงที่เปล่งจะยิ่งมีความเข้มมาก แล้ววัตถุจะค่อยๆ เปลี่ยนจากสีแดงไปเป็นสีเหลือง แล้วเปลี่ยนเป็นสีฟ้า เมื่ออุณหภูมิยิ่งเพิ่มสูงขึ้นๆ

มีตัวแปร ตำแหน่ง โมเมนตัม ตัวดำเนินการ (operator) และเมื่อยกกำลังสองของฟังก์ชันคลื่น (wave function)

ก็มีโอกาสการพบอิเล็กตรอน

ตามระยะทางและเวลา ในพื้นที่สุ่ม

หาความชันของฟังก์ชันคลื่น ถ้าความชันมีค่ามาก โมเมนตัมก็ยิ่งมีค่ามาก ถ้าความชันของฟังก์ชันคลื่นมีค่าน้อย โมเมนตัมก็จะมีค่าน้อยด้วย

ปัจจุบันทฤษฎีสนามควอนตัมก็ยังเป็นทฤษฎีฟิสิกส์ที่แม่นยำที่สุด เพราะคำพยากรณ์ต่างๆ ของทฤษฎีสอดคล้องกับผลการทดลองถึงทศนิยมตำแหน่งที่ 12

พฤติกรรม

'การซ้อนทับควอนตัม' (Quantum superposition)

คือ ความเป็นไปได้ที่ระบบจะมีสถานะที่แตกต่างกันสองสถานะในเวลาเดียวกัน

เช่น อะตอมของสารกัมมันตภาพรังสี

มีโอกาส 50/50

จะอยู่ในสถานะทั้งสลายตัว

และยังไม่สลายตัวไปพร้อม ๆ กัน

ทฤษฎีกล่าวว่า

สุญญากาศมิได้ว่างเปล่า แต่มีสนามแม่เหล็กไฟฟ้าขนาดเล็กที่แปรปรวนตลอดเวลา (vacuum fluctuation) และสนามนี้เอง ที่เป็นต้นเหตุให้อิเล็กตรอนปล่อยแสงออกมาตามธรรมชาติแล้ว และทำให้พลังงานของอิเล็กตรอนเปลี่ยนไปเล็กน้อยด้วย (Lamb’s shift) และเมื่อค่าที่คำนวณได้สอดคล้องกับผลการทดลอง นั่นแสดงว่า vacuum fluctuation มีจริง

ทฤษฎีควอนตัมสนาม

อธิบายว่า เหตุใด อนุภาคในธรรมชาติมี 2 ชนิด คือ fermion, เฟอร์มิออน และ boson, โบซอน

เหตุใดอิเล็กตรอนเมื่อปะทะกับโพซิตรอนจึงได้รังสีแกมมา

เหตุใดโฟตอนทุกอนุภาคจึงมีสมบัติเหมือนกัน

(เพราะมันถูกสร้างโดยสนามแม่เหล็กไฟฟ้าเดียวกัน) ทฤษฎี QED จึงสามารถอธิบายไม่เพียงแต่พฤติกรรมของอิเล็กตรอนเท่านั้น

แต่ยังอธิบายครอบคลุมสมบัติของอนุภาค muon, tau meson ฯลฯ และปฏิอนุภาคของอนุภาค

ทฤษฎี QED อธิบายได้เฉพาะกลุ่มอนุภาค lepton ที่มีอันตรกริยานิวเคลียร์แบบอ่อนและอันตรกริยาแม่เหล็กไฟฟ้า จึงไม่สามารถอธิบายอนุภาคประเภท hadron ซึ่งได้แก่ โปรตอน นิวตรอน และเมซอน ฯลฯ ดังนั้นในกรณีของอนุภาค hadron นักฟิสิกส์จึงต้องใช้ทฤษฎีใหม่ชื่อ quantum chromodynamics (QCD)

อันตรกริยาระหว่าง quark ใน hadron ในกรณี QED อันตรกริยากระทำระหว่างอนุภาคที่มีประจุเกิดจากการแลกเปลี่ยน photon ใน QCD อันตรกริยากระทำระหว่าง quark เกิดจากการแลกเปลี่ยน gluon แม้ทฤษฎีทั้งสองจะมีอะไรๆ หลายอย่างที่คล้ายกัน แต่ความแตกต่างที่สำคัญคือ quark และ gluon ไม่อยู่ในสภาพอิสระ แต่ photon อิเล็กตรอน muon ฯลฯ สามารถอยู่ในสภาพอิสระได้

ทฤษฎี QED และ QCD จึงเป็นเสาหลักสองเสาของทฤษฎี Standard Model ซึ่งได้รับการพิสูจน์ว่าถูกต้องอย่างดีเลิศ แต่นักฟิสิกส์ก็ยังไม่พอใจ เพราะได้พบว่า ทฤษฎี Standard Model ไม่สามารถทำนายสมบัติเช่น ประจุ มวล และสปินของอนุภาคต่างๆ ได้ และนักฟิสิกส์ต้องวัดค่าเหล่านี้จากการทดลอง ซึ่งถ้าเป็นทฤษฎีที่วิเศษจริงๆ ค่าเหล่านี้ต้องหาได้จากทฤษฎี QED &QCD

ทฤษฎี String

สามารถแทนที่ทฤษฎีควอนตัม ได้

จากการคำนวณโดยการแทนอนุภาคที่เป็นจุดด้วยวัตถุที่เป็นเส้น (string) ขนาดเล็กยิ่งกว่าเล็ก

โดยที่เชือกนี้สบัดไปมาได้

เอกภพจะเพิ่มเป็น 10 มิติ

ทฤษฎีแรงโน้มถ่วง

สามารถรวมกับฟิสิกส์ควอนตัมได้

#นฤพนธ์ เพ็งอ้น

อ้างอิง - เล่าจื้อ, เต้าเต๋อจิง☯️ 81บท

- Will, Clifford M (August 1, 2010).

"Space-Time Continuum". Grolier Multimedia Encyclopedia.

ที่มา NASA/ESA