ข้าวเหนียวมูน จากพระเอก มาเป็นพระรองโดยไม่รู้ตัว
ถ้าได้ลองกิน ข้าวเหนียวมะม่วง เชื่อว่าหลายคนต้องอยากซื้อมะม่วงสุกกลับไปฝากคนที่บ้าน เพราะมันอร่อย แต่ท่านผู้กินรู้ไหมว่า จุดชี้วัดชัยชนะ คือ ข้าวเหนียวที่กินกับมะม่วง ในที่นี้ถูกเรียกว่า ข้าวเหนียวมูน
ย้อนกลับไปในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ และชวนท่านผู้กิน เปิดตำรา “กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน”
ตัดมาท่อนหนึ่งความว่า “สังขยาหน้าตั้งไข่ ข้าวเหนียวใส่สีโศกแสดง เป็นนัยไม่เคลือบแคลง แจ้งว่าเจ้าเศร้าโศกเหลือ” แปลไทยเป็นไทยว่า มีการพูดถึงข้าวเหนียวที่คลุกเคล้ากับน้ำกะทิ มาตั้งแต่ยุคก่อน พูดถึง แสดงว่าเริ่มกินแล้วนะตอนนั้น
ต่อเนื่องมาในรัชกาลที่ 5 จึงได้เริ่มมีการเอ่ยถึงเมนูมะม่วง ที่ถูกจับมากินกับข้าวเหนียว ถือเป็นการมิกซ์แอนด์แมตซ์ได้อย่างลงตัว โดยใช้ชื่อเรียกเจ้าข้าวเหนียวผสมกะทินี้ว่า “ข้าวเหนียวมูน”
โดยข้าวเหนียว จะเลือกใช้ข้าวเหนียวพันธุ์เขี้ยวงู เพราะเรียงเม็ดและเหนียวนุ่ม
และส่วนคำว่ามูน นั้น ต้องสะกดด้วย น หนูนะ ซึ่งแปลตามพจนานุกรมว่า การกองๆ สุมๆ ติ๊ต่างได้ว่า เป็นการเอาข้าวเหนียวมาวางเป็นกองๆ
และตั้งแต่ข้าวเหนียวมูนถูกจับไปตัดต่อพันธุกรรม ให้กลายเป็นของหวาน ก็กลายเป็นพระรอง ในจานของพระเอกโดยไม่รู้ตัว ใครจะว่ายังไงไม่รู้แต่ผมชอบข้าวเหนียวทุเรียน เพราะทุกอย่างมีเรื่องราว
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
