15 มี.ค. เวลา 01:00 • ธุรกิจ

4 ข้อคิด ก่อนเริ่มจดทะเบียนบริษัท

วันนี้ Zero to Profit เลยอยากจะชวนทุกคนมาลองทบทวน ตอบคำถามตัวเองกันสักนิดว่าก่อนเปิดบริษัทเราต้องเข้าใจเรื่องอะไรบ้าง เรามาดูไปพร้อมๆ กันค่ะ
📌 1. ต้องวางแผนให้ดี
จดทะเบียนจัดตั้งบริษัท วุ่นวายแค่ตอนจัดเตรียมเอกสาร หาผู้ถือหุ้นอย่างน้อย 2 คน ตาม พ.ร.บ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 23) พ.ศ. 2565 มาตรา 6 กับเตรียมตังค์ไปจ่ายค่าธรรมเนียมจดทะเบียน ภายในวันเดียวเราก็ตั้งบริษัทได้แล้ว
มาดู Checklist ที่ต้องตอบให้ได้ก่อนจดทะเบียนบริษัท มีอะไรบ้าง
👉 ค่าใช้จ่ายที่เลี่ยงไม่ได้ เมื่อจดทะเบียนบริษัท
เมื่อจดทะเบียนบริษัทแล้ว สิ่งที่บริษัทเลี่ยงไม่ได้ คือ การทำบัญชี เพราะ พ.ร.บ. การบัญชี พ.ศ. 2543 มาตรา 8 กำหนดให้บริษัทเป็นผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชี และยื่นงบการเงิน โดยงบการเงินนี้ก็ต้องได้รับการตรวจสอบและแสดงความเห็นจากผู้สอบบัญชีรับอนุญาตด้วย ทำให้บริษัทจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น อย่างค่าจ้างทำบัญชี ค่าจ้างปิดงบ และค่าจ้างสอบบัญชี ถ้าหากธุรกิจของเรายังไม่ใหญ่มาก หรือ ยังไม่พร้อมมีค่าใช้จ่ายพวกนี้เพิ่มขึ้นก็อาจจะไม่คุ้มที่จะจดทะเบียนบริษัท
👉 วางแผนธุรกิจให้ดี
สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่ง คือ การวางแผนธุรกิจ ที่มีความเป็นไปได้ แผนที่เราวางไว้จะนำเราไปสู่ความสำเร็จหรือไม่ มีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน [ภาพประกอบที่1]
👉 วางโครงสร้างบริษัทและระบบงานภายในบริษัท
จดทะเบียนบริษัทแล้ว ทุกอย่างต้องทำตามกฎหมาย อย่างเช่น มุมของบัญชีและภาษี ลองถามตัวเองกันก่อนค่ะ เราพร้อมไหม? ถ้าทำบัญชีและภาษีของบริษัทให้ถูกต้องตามกฎหมาย เพราะเดิมเราอาจทำบัญชีแบบเอกสารไม่ครบบ้าง ไม่ถูกต้องบ้าง แต่ถ้าจดทะเบียนบริษัทแล้ว จะทำแบบเดิมไม่ได้นะคะ เพราะเอกสารนี่แหละค่ะเป็นตัวสำคัญมากๆ ที่ต้องทำให้ถูกต้องและครบถ้วน
📌 2. แบ่งสัดส่วนการถือหุ้นให้ชัดเจน
ตามกฎหมายแล้ว เรื่องสัดส่วนเงินลงทุนในหุ้น เกี่ยวข้องกับ เงินปันผลที่ได้รับ เพราะ เงินลงทุนถือเป็นสัดส่วนที่จะมาคำนวณเงินปันผลที่ผู้ถือหุ้นจะได้รับกัน และใครมีสัดส่วนเงินลงทุนมาก ก็ถือว่ามีอำนาจในการตัดสินใจในบริษัทมากเช่นกัน
ลองมาดูตัวอย่างที่ว่า เงินลงทุนเกี่ยวข้องกับเงินปันผลยังไง ?
บริษัท Zero to Profit มีผู้ถือหุ้นที่นำเงินมาลงทุน ดังนี้
สมมติบริษัทมีกำไรสะสม แล้วประกาศจ่ายปันผล จำนวนเงิน 100,000 บาท เราลองมาดูว่าแต่ละคนจะได้เงินปันผลเท่าไหร่กัน
ดังนั้น นาย A ได้เงินปันผลเยอะ เพราะ ถือเงินมาลงทุนในบริษัทมากกว่า นาย B
จากตัวอย่างจะเห็นได้ว่าเงินลงทุนเกี่ยวข้องกับยังไงแล้วใช่ไหมล่ะคะ แล้วไม่ได้เกี่ยวข้องแค่เรื่องเงินลงทุนอย่างเดียว อาจจะมีเรื่องผลตอบแทนอื่น เช่น เงินเดือน ค่าจ้างเป็นจ๊อบๆ ถ้าอยากรู้เกี่ยวกับการแบ่งผลตอบแทนเพิ่มเติม ตามไปอ่านได้ที่ เปิดบริษัท แบ่งเงินกันอย่างไร แต่อย่าลืมว่าต้องคุยเรื่องการถือหุ้นหรือผลตอบแทนอื่นๆกันให้เคลียร์นะคะ ไม่งั้นระวังจะมีปัญหากันภายหลัง
📌 3. จดบริษัทเพื่อประหยัดภาษี ไม่ใช่ความจริงเสมอไป
หลายคนชอบเข้าใจผิดเรื่องจดทะเบียนบริษัทจะช่วยให้ประหยัดภาษีได้มากกว่า ความจริงแล้วก็ไม่ใช่เสมอไป ถ้าเราเข้าใจผิดๆ ทำไม่ถูกต้อง ก็อาจจะไม่ได้ช่วยให้ประหยัดภาษี
ตามคู่มือของสรรพากร เอกสารที่สามารถเป็นรายจ่ายได้ในทางภาษีอากร ได้แก่ ใบเสร็จรับเงิน /ใบกำกับภาษี (กรณีจด VAT)
แต่ถ้าบางกรณีค่าใช้จ่ายที่บริษัทจ่ายจริง แต่ผู้รับเงินไม่มีหลักฐานการรับเงินที่เพียงพอต่อการทำบัญชี สรรพากรกำหนดให้บริษัททำเอกสารประกอบการทำบัญชีได้
📌 4. ความรับผิดอาจไม่จำกัด ถ้าเป็นกรรมการ
“กรรมการ” ถือเป็นตัวแทนของผู้ถือหุ้น มีหน้าที่ ความรับผิดชอบ ในการดูแลและบริหารบริษัท ให้เป็นไปเพื่อประโยชน์ที่ดีที่สุดของผู้ถือหุ้น
เมื่อเป็นกรรมการบริษัท แล้วเกิดบริหารผิดพลาดจนทำให้บริษัทเสียหาย บริษัทหรือผู้ถือหุ้นมีสิทธิฟ้องให้กรรมการเป็นผู้ชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นได้เช่นกัน รวมถึงการทำธุรกรรมต่างๆ กับสถาบันการเงิน มักให้กรรมการจะเป็นผู้ค้ำประกัน ซึ่งแปลว่า หนี้สินของบริษัทที่สุดท้ายแล้ว กรรมการเป็นผู้ใช้หนี้สินทั้งหมด
เรื่องยากไม่ใช่จดทะเบียนบริษัท แต่เป็นเรื่องหลังจากจดทะเบียนบริษัทไปแล้ว ไม่ว่าจะเรื่องระบบหลังบ้าน การจัดการเอกสารบัญชีและภาษี เป็นไปตามที่ตามกฎหมายกำหนด พร้อมกับต้องรับมือกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น อย่างค่าทำบัญชี ค่าปิดงบ และค่าจ้างผู้สอบบัญชี รวมถึงทำความเข้าใจเรื่องจดทะเบียนบริษัทเพื่อประหยัดภาษีให้ถูกต้อง ถ้าเข้าใจผิดการจดทะเบียนบริษัทก็ไม่ช่วยให้เราประหยัดภาษีได้ และสุดท้ายต้องคุยเรื่องเงินลงทุนและแบ่งสัดส่วนผู้ถือหุ้นกันให้เคลียร์ก่อนจดทะเบียนบริษัท จะได้ไม่มีปัญหากันภายหลังค่ะ
ปรึกษาปัญหาบัญชีธุรกิจ หาโปรแกรมบัญชีที่ใช่สำหรับธุรกิจคุณ ติดต่อ
Line: @zerotoprofit หรือhttps://lin.ee/36U1ks0Y
ติดตาม Zero to Profit ช่องทางอื่นได้ที่
โฆษณา