14 มี.ค. เวลา 14:07 • หุ้น & เศรษฐกิจ

ว่าด้วยเรื่องสินค้าจีนเข้ามาตีตลาดไทย แล้วผู้ผลิตไทยจะรอดไหมเนี้ย

เอาจริงๆ ป้จจุบันนี้เด็กจบใหม่หางานยากมาก เนื่องจากตลาดแรงงานเปลี่ยน และสาขาที่จบมาบางที่ก็ไม่มีตลาดรองรับ นอกจากนี้ยังต้องมาแย่งงานกับมนุษย์เงินเดือน มนุษย์โรงงานที่ตกงานเนื่องจาก การปรับโครงสร้างองกรค์
การปรับโครงสร้างองค์กร จะเรียกง่ายๆ ก็คือการเอาคนออกลดค่าใช้จ่าย ขับเคลื่อนองค์กรด้วยคนจำนวนน้อย แต่งานเยอะขึ้น เงินเดือนเท่าเดิม
ทำไมผู้ประกอบการไทย ต้องทำแบบ นั้น สาเหตุหนึ่งอาจมาจากการเข้ามาของสินค้าจีนก็เป็นได้
เพราะสินค้าจีนมาราคาถูก กว่าสินค้าไทย แม้ว่าสินค้าไทยตอนนี้ ส่วนใหญ่จะมีคุณภาพมากกว่าสินค้าจีนที่นำเข้ามา เพราะมีการควบคุมตามกฎหมาย แต่สินค้าไม่ได้คุณภาพจากต่างประเทศกลับล้นทะลักเข้ามาแทน
สินค้าจากจีนมีราคาถูกกว่าเพราะหลายปัจจัย อาทิ การทำข้อตกลงทางการค้าเช่น Asean-China Free Trade Agreement (ACFTA) ที่ยกเลิกอัตราภาษีภายใต้ข้อตกลงสำหรับสินค้าหลายรายการ ทำให้สินค้าจากจีนสามารถนำเข้ามาในไทยโดยไม่ต้องเสียภาษี
นอกจากนี้ สินค้าจากจีนยังมีการส่งตรงจากโรงงาน ทำให้ไม่มีค่าคอมมิชชั่นหรือกำไรจากตัวแทนจัดจำหน่าย ซึ่งช่วยลดราคาลงได้
สำหรับดุลการค้าของไทยกับจีนในปีนี้ ข้อมูลล่าสุดระบุว่า ไทยขาดดุลการค้ากับจีนถึง 1,272,234 ล้านบาทในปี 2566 และในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2565 ไทยขาดดุลการค้ากับจีน 242,750 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนถึงการนำเข้าสินค้าจากจีนที่มีมูลค่ามากกว่าการส่งออกของไทยไปจีน และยังมีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกปี
แน่นอนว่าสินค้าจีนตอนนี้ถูกผลักดันเข้ามาทางช่องทางออนไลน์ผ่าน e -commerce platform เป็นจำนวนมาก แถมไทยเราด้นใจดี งนเว้นการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม จำหรับสินค้าออนไลน์ที่ไม่เกิน 1500 บาท เมื่อติดปีให้เสือจีนบินอย่างไงอย่างงั้น
นอกจากนี้สินค้าส่งออกของเรายังเป็นสินค้าโลกเก่า อย่างสินค้าทางการเกษตร สินค้าที่ไม่ต้องพึ่งเทคโนโลยีมากนัก ทำให้ประเทศอื่นๆ พัฒนาและแข่งขันกับเราได้ง่าย เพราะไม่ต้องพึ่งเทคโนโลยีอะไรมาก
เราควรเร่งปรับปรุงสินค้าส่งออกให้เป็นสินค้าทางเทคโนโลยีมากขึ้น สร้างความได้เปรียบ จะเอาแต่ ขายฝัน ผ้าขาวม้าไทยไม่ได้ ต้องพัฒนาสินค้าตัวอื่นด้วย เราจะต้องเพิ่มความซับซ้อนของสินค้า สร้างมูลค่า ไม่ใช่แค่ขายเอาปริมาณเพราะในอนาคต ทรัพยากรของเราก็ลดลงเรื่อยๆ ดินก็เสื่อมสภาพเพราะใช้ปุ๋ยเคมีมากไป
สินค้าเกษตรเพียงอย่างเดียวคงไม่สามารถเอามาเลี้ยงคนไทยทั้งประเทศได้
คู๋แข่งของเราอย่างเวียดนามก็มีการพัฒนาสินค้าส่งออกเป็นสินค้าอิเล็กโทรนิคมากขึ้น มีการเชิญชวนนักลงทุนจากต่างประเทศมาลงทุน นำความรู้มาให้คนในประเทศ สร้างสินค้าที่มีความซับซ้อน แถมค่าแรงถูกค่าไฟถูก ต่างจากเมืองไทยที่ค่าไฟแพง ค่าแรงแพง ค่าครองชีพก็สูงขึ้นทุกวัน จนไม่คุ้มค่าในการมาลงทุนตั้งโรงงานในประเทศไทย หันหน้าไปหาเพื่อนบ้านดีกว่า
อีกเรื่องคือเราอาศัยคู่ค้าเดิมอย่างสหรัฐและจีนมากเกินไป และทั้งสองประเทศนี้ไม่ถูกกัน แม้ว่าการส่งออกของไทยไปยังสหรัฐฯ ในปีล่าสุดมีมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 287,067.9 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งขยายตัว 5.5% ก็ตาม
แต่สหรัฐเองก็มีตัวเลือกมากมาย นอกจากสินค้าจากประเทศไทย ปัจจุบันเพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนสินค้าและการลงทุน นายกถึงได้เดินสายไปทั่ว จนเขาเรียกว่า " the sale man " กันหมดแล้ว
ต้องหันมามองตัวเองกันใหม่ ว่าจะส่งเสริมเศรษฐกิจอย่างไร ให้คนมีกินมีใช้ และสินค้าไทยแข่งขันกับสินค้าจีนราคาถูกกว่าได้ นะครับเจ้านาย
โฆษณา