🌳“หน่อไม้” อาหารแสลง หรือคิดไปเอง?

“หน่อไม้” มักอยู่ในรายชื่ออาหารที่ผู้หลักผู้ใหญ่มักไม่แนะนำให้ลูกหลานรับประทาน รวมถึงตัวเองด้วย ด้วยความเชื่อว่า หน่อไม้อันตราย เป็นอาหารแสลง ก่อให้เกิดโรคอันตราย เป็นแผลก็จะยิ่งทำให้แผลแย่ลง โดยเฉพาะหลังผ่าตัด รวมถึงยังเป็นสาเหตุของโรคอันตรายอย่าง “โรคมะเร็ง” อีกด้วย
แต่อันที่จริงแล้ว ความเชื่อเหล่านี้ เป็นความจริงมากน้อยแค่ไหน ?
หน่อไม้ เป็นหน่ออ่อนของไผ่ที่แตกจากเหง้าใต้ดินมีลักษณะสีเหลืองอ่อน รสสัมผัสกรุบกรอบ ราคาย่อมเยา สามารถนำมาปรุงอาหารได้อย่างหลากหลาย ทั้งต้ม ผัด แกง ทอด และยังเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย ไม่ใช่เพียงในประเทศไทยเท่านั้น
🔥หน่อไม้ อันตรายจริงหรือ?
หน่อไม้ มีทั้งประโยชน์ และโทษ หากเลือกกินอย่างเหมาะสม ก็สามารถให้ประโยชน์ต่อร่างกายได้ แต่หากินหน่อไม้ไม่ถูกวิธี ไม่มีความระมัดระวังในการกิน ก็อาจเป็นโทษต่อร่างกายได้จริงๆ
หน่อไม้ที่เราบริโภคกัน มีอยู่หลายประเภท
💢หน่อไม้ดิบ
หน่อไม้ดิบหรือหน่อไม้ที่ยังปรุงไม่สุก อาจได้รับพิษจากสารไซยาไนด์ ซึ่งมีอยู่ในหน่อไม้ตามธรรมชาติ และทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย หากเข้าสู่ร่างกายในปริมาณน้อย สามารถขับออกทางปัสสาวะได้ แต่ถ้าได้รับในปริมาณมาก สารไซยาไนด์จะจับตัวกับสารในเม็ดเลือดแดง (hemoglobin) แทนที่ออกซิเจนทำให้เกิดอาการขาดออกซิเจน หมดสติและอาจทำให้เสียชีวิตได้
ดังนั้น จึงควรหลีกเลี่ยงการบริโภคหน่อไม้ดิบ การบริโภคหน่อไม้ที่ต้มสุกจะทำให้ผู้บริโภคปลอดภัยจากการได้รับสารไซยาไนด์ แต่หากอุณหภูมิและระยะเวลาในการต้มไม่เหมาะสมก็ไม่สามารถลดปริมาณสารชนิดนี้ได้ อย่างไรก็ตาม เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภคก่อนที่จะนำหน่อไม้ไปบริโภคควรปรุงให้สุก ด้วยการต้มหน่อไม้ในน้ำเดือดนานอย่างน้อย 10 นาที ซึ่งสามารถลดปริมาณสารไซยาไนด์ลงได้ถึงร้อยละ 90.5
💢หน่อไม้ดอง
หน่อไม้เป็นอาหารอีกหนึ่งชนิดที่นิยมนำมาหมักดองเพื่อการเก็บรักษาอาหารเอาไว้ให้ได้นานยิ่งขึ้น โดยมักทำการดองเอาไว้ในปิ๊บเป็นเวลาหลายเดือน หากขั้นตอนการหมักดองไม่สะอาดเพียงพอ จะเกิดเป็นเชื้อแบคทีเรีย Clostridium botulinum เจริญเติบโตอยู่ในหน่อไม้ที่อยู่ในปี๊บ หากทำมาปรุงอาหารด้วยความร้อนที่ไม่เพียงพอ อาจได้รับเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดอาการ
คลื่นไส้ ท้องเสีย อาเจียน ท้องเสีย หากสารพิษโบทูลินเริ่มซึมจากระบบทางเดินอาหาร เข้าสู่กระแสเลือดและระบบประสาท อาจส่งผลกระทบต่อการทำงานของกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น กล้ามเนื้อหนังตา ลูกตา ใบหน้า การพูดการกลืนผิดปกติ กล้ามเนื้อแขนขาอ่อนแรง หายใจไม่ออก และอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
นอกจากนี้ หน่อไม้ที่สะอาด และปรุงสุกด้วยความร้อน ปลอดภัยในการบริโภคก็จริง แต่ยังมีคนบางประเภทที่ไม่ควรบริโภคหน่อไม้มากจนเกินไป ได้แก่
🔶1.ผู้ป่วยโรคเก๊าท์ เพราะหน่อไม้มีสารพิวรินสูง อาจจะทำให้กรดยูริกที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคเก๊าท์สูงขึ้น
🔶2.ผู้ป่วยโรคไต ไม่ควรรับประทานอาหารที่มีกรดยูริกมากเกินไป (เช่น หน่อไม้) เพราะอาจมีปัญหาในการขับกรดยูริกส่วนเกินออกไปร่างกายไม่ได้
💢หน่อไม้ ปลอดภัยกว่าที่คิด
แม้ว่าจะมีผู้ป่วยบางกลุ่มที่ไม่ควรบริโภคหน่อไม้ แต่ในคนที่มีสุขภาพปกติดี รวมถึงผู้ป่วยเหล่านี้ สามารถรับประทานหน่อไม้ได้
1.ผู้ป่วยเบาหวาน หน่อไม้ไม่มีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดแต่อย่างใด
2.ผู้ป่วยโรคตับ ไม่ว่าจะเป็นไวรัสตับอักเสบ หรือตับแข็ง ก็สามารถรับประทานหน่อไม้ได้ ไม่มีผลกระทบต่ออาการของโรค
3.ผู้หญิงที่มีประจำเดือน มีระดูขาว หน่อไม้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการเกิดระดูขาวในผู้หญิงแต่อย่างใด
4.ผู้ที่มีแผล หลังผ่าคลอด หลังผ่าตัด หน่อไม้ไม่ได้มีส่วนทำให้แผลอักเสบ หายช้า หรือติดเชื้อใดๆ เช่นกัน
5.หน่อไม้ ไม่ได้เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งแต่อย่างใด (ยกเว้น หน่อไม้ฝรั่ง ที่สารแอสพาราจีน (Asparagine ) ซึ่งมีอยู่ในหน่อไม้ฝรั่งและอาหารอีกหลายชนิด เป็นตัวการที่ช่วยให้เซลล์มะเร็งเต้านมแพร่กระจายและเจริญเติบโตลุกลามไปทั่วร่างกายได้มากยิ่งขึ้น)
🔥ประโยชน์ของหน่อไม้
หน่อไม้มีกากใยอาหารที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ ลดความเสี่ยงอาการท้องผูก นอกจากนี้ยังมีแคลอรี่ต่ำ จึงสามารถรับประทานได้ และเหมาะสำหรับคนที่กำลังควบคุมน้ำหนัก นอกจากนี้ยังมีโปรตีน โพแทสเซียม วิตามินเอ และแคลเซียมอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ควรตระหนักว่า หน่อไม้ที่กินแล้วมีประโยชน์ ต้องเป็นหน่อไม้ปรุงสุก หน่อไม้ดอง (ที่สะอาด) มีคุณค่าทางสารอาหารต่ำกว่า แต่ไม่ได้มีอันตรายต่อร่างกายมากอย่างที่กลัวกัน และไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ควรรับประทานหน่อไม้มากเกินไป ควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม และเลือกรับประทานอาหารอย่างหลากหลายจะดีกว่า
😊😊โรคเก๊าท์สามารถฟื้นฟูเยียวยาได้ ขอแค่เราตั้งใจ ใส่ใจที่จะดูแลค่ะ นอกจากใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารช่วยเร่งแล้ว หากเราสามารถควบคุมพฤติกรรมเสี่ยงร่วมด้วยได้ ก็จะทำให้การฟื้นฟูเร็วขึ้น ใส่ใจร่างกายแต่เนิ่นๆ การมีสุขภาพดี ก็ไม่ใช่เรื่องยากแล้วค่ะ
💖 ดูแลปัญหากลุ่มกระดูกและเก๊าท์ ด้วยสารอาหารบำบัดจากธรรมชาติ "ดีเก๊าท์" ถูกค้นคว้าและวิจัย โดยนำสารสกัดจากธรรมชาติที่มีคุณค่า มีส่วนสำคัญในการดูแลและหยุดโรคเก๊าท์ ลดกรดยูริก ขับกรดยูริกที่สะสม และผลึกยูริก ที่เกาะอยู่ตามเนื้อเยื่อและข้อต่ออย่างมีประสิทธิภาพ จึงช่วยลดอาการ ปวด บวมแดง ที่เกิดจากการ อักเสบตามข้อต่างๆ ทั้งยังช่วยฟื้นบำรุงไต ทำให้ระบบไต มีขบวนการขับกรดยูริกได้เองตามกลไกธรรมชาติ ได้แบบถาวรค่ะ
👉สนใจผลิตภัณฑ์ ฟื้นฟูดูแล โรคเก๊าท์ ด้วยสารสกัดจากสมุนไพรธรรมชาติ
☎️สอบถามโทร. 099-463-2566
หรือคลิกลิ้งค์เพื่อแอดไลน์
👇👇👇👇👇👇
#dkout #ดีเค๊าท์ #เก๊าท์ #ดีเก๊าท์ #เก๊าต์ #ปวด #บวมแดง #ดูแลเก๊าท์ #โรคเก๊าท์ #ไต #ไตวาย #กรดยูริกสูง
โฆษณา