16 มี.ค. 2024 เวลา 06:30 • กีฬา

🔥เจาะลึก inside โปรเจค Back to the Future

โปรเจค Back to the Futureทำไม ไมเคิล เอ็ดเวิดส์ ถึงกลับมาร่วมงานกับ FSG แล้วมันมีความหมายอย่างไรต่อ ลิเวอร์พูล?
สวัสดีครับ ต้องบอกก่อนว่าบทความแปลนี้มาจาก เจมส์ เพียซ และ ไซม่อน ฮูเปอร์ จาก The Athletic แปลเรียบเรียง และ ขยายความอธิบายเพิ่มรายละเอียดบางส่วนโดยผม isoon นะครับ เป็นเบื้องลึกเหตุการว่าทำไม ไมเคิล เอ็ดเวิด ที่ปฏิเสธจะกลับมาทำงานกับ ลิเวอร์พูล มาตลอดทำไมถึงยอมกลับมา แล้วทิศทาง ลิเวอร์พูล หลังยุค เจอร์เก้น คลอป จะเป็นยังไงต่อ
🔴 ไมเคิล เอดเวิดส์ ยืนกราน: จะไม่มีการกลับไปที่ ลิเวอร์พูล
ที่ผ่านมาอดีตผู้อำนวยการด้านกีฬาของ ลิเวอร์พูล ปฏิเสธข้อเสนอของ ไมค์ กอร์ดอน ประธานของกลุ่มเฟนเวย์ สปอร์ตส์ กรุ๊ป (FSG) เจ้าของสโมสร
แม้กระทั่งเมื่อสองสัปดาห์ก่อน เอ็ดเวิร์ดสก็ยืนกรานว่าโอกาสที่จะกลับมาทำงานกับสโมรฟุตบอลอีกครั้งนั้นไม่มี เค้ามีความสุขกับเวลาที่มีให้ครอบครัวมากขึ้นและชีวิตที่สโลว์ไลฟไม่ต้องเครียดในฐานะที่ปรึกษาของบริษัท Ludonautics ธุรกิจที่ปรึกษาด้านกีฬาที่ก่อตั้งโดยอดีตผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของลิเวอร์พูล เอียน เกรแฮม เมื่อปีที่แล้ว
แต่ FSG และ Gordon ก็ไม่ยอมแพ้ พวกเขายื่นข้อเสนอทางเลือกที่จะโน้มน้าวใจของ เอ็ดเวิร์ดส์ และสุดท้ายเอ็ดเวิร์ดส์ ก็ได้รับแต่งตั้งอย่างเป็นทางการในฐานะซีอีโอฝ่ายฟุตบอลของ FSG(ประธานกรรมการบริหารด้านฟุตบอล (CEO of Football) ) ซึ่งเป็นตำแหน่งพิเศษที่สร้างขึ้นสำหรับเขาโดยเฉพาะ
โดย เอ็ดเวิร์ดส จะทำหน้าที่ดูแลงานบริหารเกี่ยวกับฟุตบอลให้กับบริษัทในเครือของ FSG ทั้งหมด โดยจะทำหน้าที่แทน ไมค์ กอร์ดอน ที่จะลดบทบาทตัวเองลงทั้งนี้เชื่อว่าการมาของ เอ็ดเวิร์ดส เค้าจะรับผิดชอบบทบาทที่หลากหลายซึ่งครอบคลุมความรับผิดชอบนอกเหนือจากที่ ลิเวอร์พูล สำคัญ คือการระบุและดำเนินการซื้อสโมสรฟุตบอลแห่งที่สองสำหรับสร้างกลุ่มสโมสรในเครือข่าย FSG ให้เสร็จสิ้น งานนี้ยังมาพร้อมกับเงินเดือนหลายล้านปอนด์
ซึ่งสื่อต่างประเทศมองกันว่านี่เป็นย่างก้าวสำคัญที่ทำให้ FSG เปิดโปรเจ็ค multi-club model แบบเดียวกับกลุ่ม City Football group หรือกลุ่ม Red bulls ในปัจจุบัน ในอดีตก็เกือบๆจะเปนงี้แล้ว (ประธานสโมสรโรม่าในอดีตอย่าง เจม ปัลล็อตต้า หรือ กลุ่มทุน เรดเบิร์ด เจ้าของ เอซี มิลาน ก็มีหุ้นใน FSG )
🔴FSG โน้มน้าวให้ เอดเวิดส์ กลับมาได้อย่างไร?
เหตุการณ์ต้องย้อนไปในช่วงสุดสัปดาห์แรกของเดือนมีนาคม ไมเคิล เอดเวิดส์ กำลังอยู่ในเมือง บอสตัน ที่สหรัฐอเมริกา เพื่อเข้าร่วมการประชุม MIT Sloan Sports Analytics Conference ประจำปีครั้งที่ 18 ซึ่งเป็นการรวมตัวของบุคคลที่มีชื่อเสียงในด้านการวิเคราะห์กีฬา ธุรกิจ และเทคโนโลยีจากทั่วโลก
เอ็ดเวิร์ดส์ ในวัย 44 ปีสวมกางเกงยีนส์เทรนเนอร์ และเสื้อฮู้ดสีเขียว นั่งฟังเพื่อน และ หุ้นส่วนทางธุรกิจของเขา เอียน เกรแฮม ซึ่งกำลังขึ้นพูดอภิปรายในหัวข้อ “การเปลี่ยนแปลงฟุตบอลผ่านการวิเคราะห์ขั้นสูง” ซึ่งงานประชุมนั้นเป็นโอกาสในการพูดคุยเพื่อหาลูกค้าของ Ludonautics เนื่องจากหลายสโมสรในสหราชอาณาจักรได้ลงทะเบียนใช้บริการแล้ว การประชุมสุดยอดดังกล่าวจึงเปิดโอกาสให้ เอ็ดเวิดส์ และ กอร์ดอน เปิดการรุกเข้าสู่ตลาด เมเจอร์ลีกซอคเกอร์ ใน อเมริกา
หลังงานประชุมเมื่อถูกถามโดยนักข่าวสหรัฐ รวมทั้งจากหนังสือพิมพ์ บอสตัน โกลพ ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ของจอห์น ดับเบิลยู เฮนรี่ ผู้ก่อตั้ง FSG เกี่ยวกับการกลับมายังลิเวอร์พูล นักข่าวจากหนังสือพิมดังกล่าวก็ถูก เอ็ดเวิร์ดส์ ไล่ออกมา
มีเรื่องราวคล้ายกันเมื่อต้นสัปดาห์นั้นที่งาน Financial Times’ Business of Football Summit ในลอนดอน ซึ่ง เอดเวิดส์ ได้พบปะพูดคุยกับ เจอร์รี่ คาร์ดินาเล่ เจ้าของเอซี มิลาน ผู้ก่อตั้ง RedBird Capital ซึ่งมีหุ้นใน FSG ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์
ในบริเวณล็อบบี้ของงาน เอ็ดเวิร์ดส์ ซึ่งพูดคุยกับนักข่าวและผู้เข้าร่วมคนอื่นๆ อย่างอารมณ์ดีเป็นเวลาหลายชั่วโมง ก็ได้แสดงความโกรธต่อรายงานของสื่อที่เผยแพร่เมื่อวันก่อนว่าเขาต้องการอำนาจในการดำเนินการด้านฟุตบอลมากขึ้น เพื่อพิจารณาในกลับไปที่ ลิเวอร์พูล
เอดเวิดส์ บอกว่าเค้าไม่มีแพชชั่น หรือ เหตุผล อะไรกับภารกิจในการทำสโมสรฟุตบอลอีกแล้ว และไม่กระตือรือร้นที่จะกลับไปสู่โลกนั้น เอ็ดเวิดส์ บอกว่าลิเวอร์พูล จะไม่ได้รับเวอร์ชันที่ดีที่สุดของเค้าหากเค้ากลับมาเพราะเค้าหมดแพสชั่นและไม่มีความท้าทายในงานกับ สโมสรฟุตบอลอีกแล้ว
เอ็ดเวิดส์ บอกว่าเค้ากำลังตื่นเต้นกับการทำงานที่ Ludonautics มันเป็นสิ่งใหม่สำหรับเค้าเป็นความสดใหม่ในการทำงาน เค้าได้พูดโดยละเอียดถึงสิ่งที่ Ludonautics ทำและอธิบายว่าบริษัทยังช่วยวิเคราะห์และสร้างแบบจำลองผู้จัดการที่เหมาะสมและผู้เล่นเหมาสมให้กับสโมสรต่างๆด้วย
เอดเวิดส์ บอกว่าเขาปฏิเสธงานมากกว่า 10 งานในช่วงสองปีนับตั้งแต่เขาเดินออกจาก แอนฟิลด์ ทั้ง เชลซี และแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ต่างต้องการให้เขาไปทำงานด้วย รวมถึงกลุ่ม 777 Partners ที่กำลังเดินเรื่องเทคทีม เอฟเวอตั้น ก็อยากได้เค้าไปทำงานแต่เค้าก็ปฏิเสธหมดเพราะไม่มีแพสชั่นใรการทำสโมสรฟุตบอลอีกแล้ว
มีการโทรติดต่อมาจากสโมสรชั้นนำหลายแห่งในยุโรปโดยหวังว่า เอดเวิดส์ จะช่วยทีมพวกเขาเหมือนที่ เอดเวิดส์ ทำที่ ลิเวอร์พูล ในแง่ของการสรรหาบุคลากรคุณภาพมาสู่สโมสรและทำให้ ลิเวอร์พูล แข็งแกร่งขึ้นมาเป็นทีมหังแถวของยุโรป แต่ เอดเวิดส์ ก็แจ้งว่าเค้าไม่สนใจที่จะเป็นผู้อำนวยการกีฬาในตอนนี้
🔴จุดเปลี่ยนการส่งสัญญานจาก ไมเคิล เอดเวิดส์
แต่หลังจากนั้นในเวลาต่อมา เอ็ดเวิร์ดส์ ได้บอกกับเพื่อนร่วมงานของเค้าว่า เค้าบอกกับผู้สื่อข่าวว่าเขาไม่สนใจที่จะกลับมาทำงานเก่า (Dof)ที่ ลิเวอร์พูล แต่เค้าไม่เคยปฏิเสธการทำงานให้กับ FSG ในตำแหน่งอาวุโสกว่านี้
จากนั้น เอดเวิดส์ ก็บินตรงจาก ลอนดอน
ไปบอสตัน และสิ่งที่เห็นได้ชัดเจนก็คือ เค้ามีทัศนคติต่องานที่ FSG จะมอบให้เปลี่ยนไปอย่างมากหลังจากการพูดคุยกับ กอร์ดอน และ เฮนรี แบบเจอหน้ากัน
กอร์ดอน และ เฮนรี เพิ่งเสร็จจากงานสุดสัปดาห์ประจำปีของพันธมิตร FSG ในเมือง โบนิตาสปริงส์ รัฐฟลอริดา พร้อมด้วยการนำเสนอที่น่าสนใจ ข้อเสนอบนโต๊ะแตกต่างอย่างมากจากข้อเสนออื่นๆ ที่เอ็ดเวิร์ดส์ปฏิเสธไปก่อนหน้านี้
มันเกี่ยวข้องกับการที่ เอ็ดเวิร์ดส์ ที่รับช่วงต่อจาก กอร์ดอน ในฐานะผู้มีอำนาจตัดสินใจในแต่ละวันของ FSG ในเรื่องฟุตบอลทั้งหมด กอร์ดอน ซึ่งมีฐานอยู่ในบอสตัน ซึ่งจะยังคงอยู่ในคณะกรรมการบริหารของ FSG ซึ่ง กอร์ดอน ต้องการลดบทบาทของเค้ากับลิเวอร์พูลลงมานานแล้ว และเค้าอยากหาคนที่อยู่ใน เมอร์ซีย์ไซด์ หรือใกล้กับ เมอร์ซีย์ไซด์
มาดูแลการดำเนินงานด้านฟุตบอล ซึ่งสุดท้าย กอร์ดอน ก็เลือก เอ็ดเวิร์ดส์ ซึ่งอาศัยอยู่ไม่ไกลจาก เชสเชียร์ และการจากไปของคล็อปป์ ในช่วงซัมเมอร์นี้ถือเป็นจังหวะที่เหมาะสมที่สุดที่จะทาบทาม เอดเวิดส์
🔴 ภารกิจครั้งใหม่แบะบทยาทใหม่ของ ไมเคิล เอดเวิดส์
การดูแลโปรเจคสร้าง Multi Club ในเครือ FSG บทบาทนี้ถือเป็นสิ่งใหม่สำหรับ เอดเวิดส์ ในการทำงานได้มีความรับผิดชอบและอำนาจที่หลากหลายเปนความท้าทายสำหรับเค้า รวมถึงค่าตอบแทนที่เค้าได้ค่อนข้างสูง
หากจะเปรียบเทียบกันแล้ว งานใหม่ของเอ็ดเวิร์ดส์ถูกมองว่าเทียบเท่ากับที่ เซอร์ เดฟ เบรลส์ฟอร์ด ผู้อำนวยการฝ่ายกีฬาของ INEOS ได้รับมอบหมายให้ทำที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
เมื่อทุกอย่างลงตัว เอ็ดเวิด จึงถูกแต่งตั้งอย่างเป็นทางการในวันอังคารที่บอสตัน
ไมค์ กอร์ดอน ยอมรับว่าการขยายขอบเขตบทบาทเฉพาะนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการโน้มน้าวใจเอ็ดเวิร์ดส์
“เป็นที่แน่ชัดเมื่อเราติดต่อเขาในว่าขอบเขตอำนาจที่กว้างขึ้นจะเป็นปัจจัยสำคัญในการจูงใจเอดเวิดในการกลับมาสู่ FSG ”
ไมค์ กอร์ดอน กล่าวในแถลงการณ์ที่ออกโดย FSG
ในขณะเดียวกัน Edwards กล่าวว่า
“เค้ารู้สึกใจอ่อนกับความปพยายามที่พวกเขาแสดงออกมาว่าต้องการร่วมงานกับผมอีกครั้ง”
“นี่ไม่ใช่ข้อเสนอที่ผมมองจะสามารถข้ามไปได้ เมื่อพิจารณาจากประวัติของพวกเขาในด้านกีฬาและธุรกิจ มันสำคัญสำหรับผมที่ถ้าผมกลับมา มันมีความท้าทายและโอกาสใหม่ๆ ด้วยเหตุนี้ หนึ่งในปัจจัยที่ใหญ่ที่สุดในการตัดสินใจของผมคือความมุ่งมั่นที่จะได้มาและดูแลสโมสรเพิ่มเติม ซึ่งจะทำให้พื้นที่นี้ขององค์กรของพวกเขาเติบโตขึ้น"
“เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน การลงทุนและการขยายพอร์ตโฟลิโอเครือข่ายสโมสรฟุตบอลในปัจจุบันเป็นสิ่งจำเป็น”
ซึ่งข่าวการแต่งตั้ง เอดเวิด ไม่ได้นำเสนอโดยเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ ลิเวอร์พูล หรือฟีดโซเชียลมีเดียของ ลิเวอรพูล แต่ถูกประกาศตรงจาก FSG แสดงให้เห็นว่านี่คือการแต่งตั้งของ FSG ไม่ใช่การแต่งตั้งของลิเวอร์พูล
🔴โปรเจค Back to the future
จากมุมมองของ FSG การกลับมาของ Edwards มีความคล้ายคลึงกับ Theo Epstein ที่กลับมาสู่ตำแหน่งเมื่อเดือนที่แล้วในฐานะที่ปรึกษาอาวุโสของ บอสตั้น เรดซอค ทีมเบสบอลในเครือ FSG
Theo Epstein นำทีมเบสบอลเมเจอร์ลีกเบสบอลของ FSG บอสตัน เรดซอกซ์ คว้าแชมป์เวิลด์ซีรีส์ในปี 2547 และ 2550 ตลอดระยะเวลาเก้าปีในตำแหน่งผู้จัดการทั่วไป (ตำแหน่งโดยประมาณเทียบเท่ากับผู้อำนวยการฟุตบอล) ซึ่ง เอ็ดเวิร์ดส์ มีโปรไฟล์และผลงานที่คล้ายกันกับที่ลิเวอร์พูล โดยที่ทีม ลิเวอร์พูล ของ เอดเวิดส์ และ คล็อปป์ คว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีกในปี 2019 และพรีเมียร์ลีกในอีก 12 เดือนต่อมา
ผู้บริหารระดับสูงของ FSG ได้พูดคุยเกี่ยวกับโปรเจค "back to future" ว่าคือการดึงตัวกลับมาของผู้บริหารที่เชื่อถือได้ ซึ่งได้พิสูจน์ความสามารถซึ่งมีประวัติความสำเร็จ และ การตัดสินใจที่ถูกต้องที่ผ่านมาในการทำทึมในเครือ FSG ให้กลับมาในบทบาทและมีอำนาจที่กว้างขึ้น
ไมค์ กอร์ดอน ได้ส่ง อีเมล ถึงทีมงานลิเวอร์พูลเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา และ The Athletic ก็ได้เห็น อีเมล นั้นโดย เป็นที่น่าสังเกตว่าเค้าเน้นย้ำถึงความสำคัญของโมเดล Multi Club สำหรับความสำเร็จระยะยาวของ FSG
“โลกฟุตบอลมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มันมีความซับซ้อนมากขึ้น และสร้างความท้าทายมากมาย”
“เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันระดับสูง เราต้องระบุทุกช่องทางที่เรามีอยู่เพื่อให้ได้เปรียบ ด้วยเหตุนี้ ไมเคิลจะใช้ทุกเครื่องมือตามต้องการ และได้ระบุการเข้าซื้อกิจการของสโมสรอื่น เป็นช่องทางหนึ่งที่จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับการดำเนินงานโดยรวมของเรา และขับเคลื่อนความทะเยอทะยานในการแข่งขันของเรา”
“มันเป็นโปรเจ็คที่เค้า(เอดวิดส์)จะทำงานอย่างใกล้ชิดกับกลุ่มเจ้าของทั้งหมดของเรา รวมถึงผม(กอร์ดอน) ด้วย ในอีกไม่กี่สัปดาห์และเดือนข้างหน้า
การสร้าง Multi Club สิ่งนี้ไม่ได้จะพรากโฟกัสไปจากความใส่ใจ ความเอาใจใส่ และที่สำคัญที่สุดคือการลงทุนใน ลิเวอร์พูล ในความเป็นจริงเรามองว่ามันเป็นเส้นทางที่จะช่วยให้สโมสรของเราแข็งแกร่งขึ้นในอนาคต”
นั่นคือเนื้อหาในอีเมลของ ไมค์ กอร์ดอน
ในอีเมลถึงทีมงาน กอร์ดอน กล่าวว่า เอ็ดเวิร์ดส์ เป็น “หนึ่งในคนที่มีความคิดที่ฉลาดที่สุดในโลกฟุตบอล” ซึ่งมีแนวทางที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล… สอดคล้องกับแนวทางของเราที่ FSG”
ซึ่งในเนื้อหาที่ กอร์ดอน อ้างถึง เอดเวิดส์ ที่ทำงานในโครงการนี้ในว่าจะทำงานร่วมกันโดยมีประโยคว่าในอีก "สัปดาห์และเดือนที่กำลังจะมาถึง" ยังชี้ให้เห็นว่า แม้ว่าวันที่เริ่มต้นอย่างเป็นทางการของเค้าจะเป็นวันที่ 1 มิถุนายน แต่เขามีแนวโน้มที่จะได้รับข้อมูลสำคัญในการตัดสินใจของ FSG ก่อนหน้านั้น
🔴เพราะ คลอปป์ ไป เอดเวิดส์ จึงกลับมา?
The Atletic ก็ยอมรับว่า ด้วยความสำเร็จของ คลอปป์นับตั้งแต่ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้จัดการทีมในปี 2015 กุนซือชาวเยอรมันรายนี้มีอิทธิพลมากขึ้นในทุกด้านของสโมสรในช่วงก่อนที่ เอ็ดเวิร์ดส์ จะออกจากทีม โดยมีบทบาทสำคัญในทุกเรื่องตั้งแต่การสรรหานักเตะไปจนถึงการเตรียมการปรีซีซั่น ในบางครั้ง มีความขัดแย้งของ คลอปป์ กับ เอ็ดเวิร์ดส์
ในเรื่องต่างๆ เช่น การต่อสัญญาผู้เล่น และการเก็บรักษาพนักงานในสนามฝึกซ้อม โดยทั้งคู่รู้สึกว่าพวกเขาควรจะเป็นคนที่มีอำนาจตัดสินใจขั้นสุดท้าย
แต่ เอดเวิด ก็ยืนยันมาตลอดว่าการที่เค้าลาออกในปี 2022 เป็นเพียงความปรารถนาที่จะหยุดพักหลังจากรับใช้มานานกว่าทศวรรษ ซึ่งทำให้เขาต้องลาออกจากตำแหน่ง เขารู้สึกว่ามันเป็นจุดสิ้นสุดของวงจรแล้ว
แต่ว่า จูเลียน วอร์ด และจอร์จ ชมิดท์เก ผู้อำนวยการด้านกีฬาชั่วคราวซึ่งจากไปเมื่อช่วงปลายตลาดฤดูหนาวปีนี้ เน้นย้ำว่าความสมดุลของอำนาจในทีม ลิเวอร์พูลบทบาทพวกเค้าคือ “ผู้ช่วยของคล็อปป์” และ “ผู้ให้บริการคลอปป์” เท่านั้น
ซึ่งการจากไปของ คลอป FSG มองว่าเป็นเวลาที่เหมาะสมที่ต้องรีเซ็ทระบบ โดยเปลี่ยนจากที่เน้นอำนาจไปที่ผู้จัดการทีมส่วนใหญ่ FSG ต้องการวางโครงสร้างบริหารที่เหมาะสมโดยวางอำนาจฝ่ายบริหารไว้เหนือผู้จัดการคนใหม่
🔴การตั้งผู้อำนวยการฟุตบอล และ การหาผู้จัดการทีมคนใหม่คือภารกิจเริ่มต้น
งานแรกของเอ็ดเวิด คือ การแต่งตั้ง ผู้อำนวยการกีฬาคนใหม่ให้กับลิเวอร์พูล หนึ่งในทีมที่มี FSG เป็นเจ้าของนั่นเอง ซึงเป้าหมายแรกคือ ริชาร์ด ฮิวจ์ส ของ บอร์นมัธ ที่ เอดเวิดส์ ซึ่งเล็งแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยการ
งานที่สองคือ หาผู้สืบทอดตำแหน่งของคล็อปป์ โดยมีชาบี อลอนโซ่ โค้ชของไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น เป็นเป้าหมายหลักแต่ต้องแย่งกับ บาเยิร์น มิวนิค
จบสองภารกิจนี้ เอดเวิดส์ จะไปลุยเรื่อง Multi Club
ทำไม เอ็ดเวิด ถึงเล็ง ริชาด ฮิวจ์
เอ็ดเวิร์ดและฮิวจ์มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันตั้งแต่สมัยอยู่ด้วยกันที่พอร์ทสมัธช่วงปี 2002 ถึง 2009 เอดเวิดส์เป็น Chief Analyst ส่วน ฮิวจ์ เป็นนักเตะ จริงๆ ฮิ้วจ์ ต้องการอำลา บอนมัทธ์ อยู่แล้วเค้าได้ทำหนังสือแจ้ง บอนมัท ตั้งแต่ปลายปีแล้วว่าจะแยกทางกับทีม และเพื่อนร่วมงานของ ฮิ้วจ์ เชื่อเสมอว่างานต่อไปของเขาจะเชื่อมโยงกับ เอ็ดเวิร์ดส์
ซึ่ง ฮิ้วจ์ ก็ยังติดสัญญา Gardening กับ บอนมัท(บางเพจในไทยแปลซะตรงตัวเลยว่าติดทำสวน 555 จริงๆมันเป็นศัพท์ในวงการกีฬาอารมณ์สัญญาเงื่อนไขระยะเวลาในการไแเริ่มงานใหม่ ฝรั่งเค้าเลยเปรียบเปรยประมานไปทำสวนรองานใหม่อะไรประมานนี้นะครับ ไม่ใช่ไปทำสวนจริง)
เริ่มงานได้คือ 1 มิถุนา ซึ่งจะมีการแต่งตั้งผู้จัดการคนใหม่และทีมงานฝึกสอนทั้งหมด รวมทั้งการเสริมทีพในตลาดซื้อขาย และการรักษาอนาคตของผู้เล่นคนสำคัญเช่นเวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และเทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ซึ่งจะหมดสัญญาในช่วงซัมเมอร์ปี 2025 ซึ่ง
The Athletic คาดการว่าน่าจะมีการเตรียมแผนตั้งแต่ก่อนเริ่มงานอย่างเป็นทางการ
ฮิวจ์ มีความสามารถพูดได้หลายภาษา และมีความสัมพันธ์ที่ดีกับอินากิ อิบาเนซ เอเยนต์ของ ชาบี้ อลอนโซ่ ซึ่งเป็นเอเย่นของของอันโดนี่ อิราโอล่า เฮดโค้ชบอร์นมัธคนปัจจุบันด้วย
เอ็ดเวิร์ดเคยให้สัมภาษณ์ว่า "ผู้บริหารที่ดีจะต้องมีเส้นสายที่ลึกมากพอ มีความใกล้ชิดกับบรรดาเอเยนต์ของนักเตะที่อยู่ในตลาด"
ซึ่ง ริชาร์ด ฮิวจ์ นอกจากจะได้ชื่อว่าเป็นคนที่คุยได้หลายภาษาแล้วเขายังรู้จักกับบรรดาเอเยนต์ของนักเตะในวงการแทบจะทุกคน
และ ฮิวจ์ ยังอยู่ในตำแหน่งที่ดีในการแก้ไขอนาคตของฟาน ไดจ์ค โดยต้องติดต่อกับนีล เฟวิงส์ เอเยนต์ของนักเตะชาวดัตช์ ซึ่งเป็นตัวแทนของแม็กซ์ อารอนส์ และฟิลิป บิลลิง ผู้เล่นบอร์นมัธด้วย
ต้องมาดูกันล่ะครับว่าการก้าวสู่ยุคใหม่และการกลับมามนครั้งนี้ของ ไมเคิล เอดเวิดส์ ลิเวอร์พูล ยุคหลังจาก คลอปป์ จะเป็นอย่างไร แต่สิ่งนึงที่แฟนลิเวอรพูลอาจจะพอสบายใจได้คือ
ในอีเมลอำลาของ ไมค์ กอร์ดอน ถึงทีมงานหลังจากบริหารทีมลิเวอร์พูลมาเป็นเวลา 12 ปี กอร์ดอนเขียนว่า: "ผมจะไม่มอบความรับผิดชอบเหล่านี้อย่างง่ายๆ และผมรู้ว่าไม่มีใครมีความสามารถมากไปกว่าไมเคิลที่จะแบกรับภาระเหล่านั้น"
By isoon
———————————————————————
ฝากติดตามช่อง Youtube : isoon Channel มีคลิปให้ดูทุกวันครับ
โฆษณา