18 มี.ค. เวลา 12:00 • บันเทิง

บันทึก Ado "Wish" The First World Tour, London

การได้รับชมคอนเสิร์ตของ Ado เป็นหนึ่งในประสบการณ์และความทรงจำที่ดีที่สุดของชีวิต ผมสรรหาคำพูดอะไรมาบรรยายความรู้สึกของผมไม่ได้ ในฐานะติ่งคนหนึ่ง ต้องบอกเลยว่าฟินมาก ๆ ประหนึ่งความฝันของแฟนคลับคนหนึ่งเป็นจริงขึ้นมา ผมจึงอยากจะบันทึกความทรงจำนี้ไว้ให้ตัวเอง เพราะเป็นประสบการณ์หนึ่งที่ไม่อยากจะลืม
ผมจะบันทึกแบบประสบการณ์ส่วนตัวมาก ๆ แน่นอนว่าคงจะมีสปอยด์คอนเสิร์ตนี้ แต่เมื่อผมเขียนเป็นภาษาไทย มันคงไม่มีปัญหาอะไร เนื่องจาก Ado ไปเล่นที่ไทยเป็นที่แรกไปแล้ว นอกจากนั้นคงมีอ่านไม่มากนัก ผมอยากบันทึกเป็นการส่วนตัว เพราะมันเป็นประสบการณ์ส่วนตัวมาก ๆ และเป็นความทรงจำที่พิเศษสำหรับผมในฐานะปัจเจกบุคคล
ผมกดซื้อบัตรคอนเสิร์ตตอนที่อยู่ที่ญี่ปุ่นเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว Crunchyroll เปิดช่วง Pre-sale ออกมา และบัตรหมดไปอย่างรวดเร็ว ผมเข้าใจจากคำพูดของคนที่เจอกันที่คอนเสิร์ตว่ามันมีคนเขียนโปรแกรมมาซื้อบัตรจำนวนมากเพื่อมาขายต่อ ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นปัญหาอย่างมาก แม้ว่าจะมีมาตรการป้องกันเรื่องการขายบัตรต่อในราคาที่สูง แต่ก็มีหลายจุดที่ควบคุมยากอยู่ครับ
ผมอยากไปดูที่ไทย เนื่องจากมันเป็นประเทศบ้านเกิดของผม อีกทั้งยังเป็นประเทศแรกที่ Ado เดินทางออกนอกญี่ปุ่นด้วย ผมเป็นแฟนคลับคนไทย ก็คงอยากจะไปคอนเสิร์ตที่กรุงเทพ แต่เนื่องจากผมไม่อยู่ไทยในช่วงนั้น และการเดินทางกลับไทยในช่วงนั้นไม่ใช่ตัวเลือก ผมจึงตกลงกดบัตรโชว์ที่กรุงลอนดอน ผมชั่งใจอยู่นานมากว่าจะเอาบัตรแบบไหนก่อนที่จะเปิดขาย สุดท้ายผมได้ General Admission มาตอนนี้คิดว่าซื้อ VIP น่าจะดีกว่า เพราะมันไม่ต้องรอข้างนอกนาน มันหนาวนะครับ 5555 แต่ก็คิดว่า ตอนนั้นก็ต้องรีบตัดสินใจ
ผมศึกษาอยู่ที่กลาสโกว์ ดังนั้นผมจะต้องเดินทางลงมาจากกลาสโกว์เข้ากรุงลอนดอน มีตัวเลือกอยู่สองทางครับ จะนั่งรถไฟหรือจะขึ้นเครื่องบินมา ราคาไม่ต่างกันมาก แต่เครื่องบินใช้เวลาเร็วกว่า ผมขี้เกียจจะมานั่งเครียดเรื่องตัวแปรของการเดินทางโดยเครื่องบิน เพราะกว่าจะเดินทางไปสนามบิน จากสนามบินเข้าที่พัก มันก็กินเวลามากเหมือนกัน ผมจึงเลือกการเดินทางโดยรถไฟ เมื่อเดินทางมาถึงกลาสโกว์ ผมก็จองบัตรรถไฟทันที เลยได้ราคาที่ถูกมาก ๆ เทียบกับจองใกล้ ๆ วันเดินทาง
หลังจากนั้นไม่นาน ผมต้องจองโรงแรม เพราะคอนเสิร์ตเลิกดึก จะเดินทางกลับกลาสโกว์เลยคือนั้นคงจะไม่ใช่เรื่องที่ดี พักหน่อยสักคืนน่าจะดีกว่า ผมจองโรงแรมที่ถูกมาก ๆ ใกล้สถานี King’s Cross ซึ่งเหมาะสมสำหรับผมในหลายรูปแบบ เนื่องจากเมื่อผมเรียนปริญญาโทที่ลอนดอนสอง-สามปีที่แล้ว ที่พักของผมก็อยู่ใกล้ ๆ กับ King’s Cross ดังนั้นผมจึงอุ่นใจมากกว่าที่จะกลับไปอยู่แถวที่เดิม เพราะรู้จักสถานที่นั้นดีกว่าที่อื่น ๆ
Troxy, London
เมื่อวันเดินทางมาถึง วันที่ 13 มีนาคม ผมเดินทางไปขึ้นรถไฟที่สถานี Glasgow Central เดินทางสี่ช่วงโมงครึ่งไปยังสถานี Euston การนั่งเฉย ๆ ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอะไรสำหรับผม ได้นั่งหลับเอาแรงหน่อยหนึ่งด้วย เมื่อถึงแล้วก็จัดการเข้าโรงแรมเล็ก ๆ ถูก ๆ เอาของเข้าไปเก็บ เปลี่ยนเครื่องกันหนาวให้เหมาะสม เพราะอากาศที่ลอนดอนอุ่นกว่าที่กลาสโกว์ และรีบเดินทางไปที่ Troxy โดยทันที ตอนนั้นก็ห้าโมงแล้ว ลุ้นอยู่ว่าจะซื้อของทันไหม สรุปไม่ได้ซื้อของอะไรกลับมาเลยครับ
เมื่อไปถึงก่อนประตูเปิดสองชั่วโมง แถวก็ยาวมาก ๆ แล้ว มันยาวมากเกินคาดครับ ผมเคยไปเปิดดูว่า Troxy รับคนได้เท่าไหร่ เขาว่าประมาณสามพันคน คนข้างหน้าผมคุยกันว่า มันสามพันคนจริงเหรอ เพราะมันดูเยอะกว่าสามพันคน ตอนต่อแถวอยู่ก็ได้ยินคนคุยกันประมาณว่าเขามาจากที่ไหนกันบ้าง บางคนบินมาจากยุโรปภาคพื้น เช่นสวีเดน เพราะบัตรเผื่อปล่อยให้เขาวันนั้นเลย เขาเลยจองเครื่องบินที่พักวันนั้น และเดินทางมาเลย แบบนั้นก็มี ถือว่ามีคนมาจากหลากหลายประเทศครับ
หัวแถวอยู่อีกฟากนึงของตึก แล้วขนอีกสอง-สามรอบ
ต้องบ่นหน่อยหนึ่ง ระบบบบริหารจัดการคิวของ Troxy ทำได้ไม่ดีเลยครับ ดูแล้วไม่ใช่คนของทางญี่ปุ่นแน่นอน มันมีความโกลาหน ตอบคำถามไม่ค่อยได้ คิวจขดกันแบบงง ๆ จนสุดท้ายรวมกันเป็นแถวใหญ่ ๆ แถวเดียว ผมที่มาถึงเร็วพอสมควรแอบรู้สึกว่าไม่ค่อยแฟร์ เพราะมันกลายเป็นความ คนมาหลังผมกลับได้เข้าก่อน อะไรประมาณนั้นครับ แล้วก็ ต่อแถวข้างนอกมันหนาวมาก ผมที่ไม่ได้กินข้าวมาเพราะรีบก็หิวมาก ๆ เหมือนกันครับ
แต่พอเดินเข้าคอนเสิร์ต ความเหนื่อยก็หายไปทันทีครับ มีแต่ความตื่นเต้น ผมเข้าไปในโรง ด้านซ้ายมีต่อแถวซื้อของ ขวามีถ่ายรูปกับป้าย ผมแวะเข้าไปเซฟฟี่กับป้ายสองรูป แล้วรีบเดินเข้าไปในโรงเลยทันที เพราะผมเป็นคนเตี้ยเมื่อเทียบกับชาวตะวันตกแล้ว กลัวว่าจะโดนบังแบบไม่เห็นอะไรเลย ตัวเองก็อุตส่าห์มาถึงขั้นนี้แล้ว ก็อยากจะเห็นเงาของ Ado ให้ชัดที่สุดเท่าที่จะทำได้
เซลฟี่ไว ๆ กับป้าย
ผมเป็นหนึ่งในผู้โชคดีไม่กี่คนนะครับ ผมคิดแบบนี้ หนึ่ง ผมโชคดีที่สามารถกดบัตรคอนเสิร์ตทัน สอง ผมโชคดีที่ได้เห็นเงาของ Ado อย่างชัดเจนตลอดทั้งโชว์ แค่เพียงเท่านี้ก็คุ้มค่าความเหนื่อยและความลุ้นแล้วครับ ผมเคยดูคอนเสิร์ต Campanella และ MARS มาแล้ว ยิ่งตื่นเต้นเพราะรู้ความโหดจัดของ Ado ในการแสดงสด
ก่อนการแสดงเริ่ม ป้ายห้ามถ่ายรูปปรากฏอยู่อย่างชัดเจน ผมเห็นประเด็นที่เกิดขึ้นที่ Brussel แล้วก็เข้าใจได้ ผมยินดีที่เห็นแฟนคลับหลาย ๆ คนยินดีกับการแถลงโดยคุณ George Michaels ผู้จัดการที่เชิญ Ado มาแสดงที่ยุโรป เขาขึ้นมาพูดต้อนรับเราก่อนคอนเสิร์ตเริ่ม และอธิบายอีกครั้งเรื่องกฎของการรับชมการแสดง เราส่งเสียงร้องเฮด้วยความเคารพของกฎห้ามบันทึกภาพ และเนื่องจากเราห้ามบันทึกภาพ ผมจึงต้องมาบันทึกเป็นตัวอักษรแทน
ผมคิดว่า Troxy ไม่ใช่โรงที่ใหญ่ครับ เมื่อเทียบกับที่อื่น ๆ แล้ว น่าจะเลือกที่มันใหญ่กว่านี้ เพราะเป็นการแสดงให้คนทั้งเกาะอังกฤษ ผมไม่แน่ใจเรื่องเหตุผลในการเลือกที่นี่เป็นที่ทำการแสดง มันรับคนได้ไม่เยอะ เวทีไม่ได้ใหญ่มาก คนเบียดกันอยู่พอสมควร แต่ก็มีพื้นที่ให้หายใจหน่อยครับ
ผมบอกว่าผมเป็นคนที่โชคดีไม่กี่คนที่เห็นเวทีชัด เพราะผมลองหันหลังไปแล้วเห็นคนมากมายที่ผมจิตนาการไม่ออกมาเขาจะเห็นเวทีกันได้อย่างไร ระหว่างนั้นผมคิดยังไงไม่รู้หันไปทักหนุ่มคนหนึ่งเป็นภาษาอังกฤษว่า มองไม่ค่อยเห็นเนอะ เขาก็ตอบกลับมา แล้วถามว่าผมมาจากไหน ผมบอกว่า เป็นคนไทย เขาบอกว่า อ้าว ผมก็คนไทย ปรากฏว่าน้องเขาเรียนปริญญาตรีที่อังกฤษ พูดไทยไม่ค่อยชัดแล้ว ผมว่ามันบังเอิญดี ทักใครไม่ทัก ไปทักเจอคนไทยด้วยกัน
มีคนดูคอนเสิร์ตด้วยมันก็สนุกนะครับ ผมเดินทางมาคนเดียว ไม่เหงาหรอก แต่หากมีคนให้กรี๊ดด้วยมันก็มันส์ไม่น้อย
ไม่นานนัก Ado ก็ขึ้นเวที เข้ากรง และเราได้เห็นเงาอันเป็นเอกลักษณ์ของนาง ไม่รีรอชักช้า Ado เริ่มการแสดงทันที เราส่งเสียงร้องกันนักมาก ๆ ครับ แตกต่างจากที่ญี่ปุ่นที่ผู้ชมจะอยู่เงียบ ๆ บางทีก็ยิงมิกซ์กันบ้าง แต่ที่นี่เราแหกปากร้องเพลงกันตามวัฒนธรรมครับ ซึ่งเราก็ยิ่งมิกซ์กันเหมือนกัน เหมือนว่าจะมีคนญี่ปุ่นมาเริ่มยิงมิกซ์ เราก็ยิงตาม ๆ กัน
น้ำตาผมจะไหลครับ ได้ยินเสียง Ado สด ๆ ครั้งแรก เหมือนฝันที่เป็นจริง แม้ว่าระบบเสียงของที่นี่จะไม่ค่อยดีเท่าที่คาดหวังไว้ แต่ก็ได้ยินชัดเจนครับ ไม่นานนัก Usseewa ก็ขึ้น น้องคนไทยข้าง ๆ ผมก็ฉุดกระชากผมด้วยความตื่นเต้น ผมก็ตื่นเต้นไปด้วย มันโหดเหลือเกินครับ เพลงนี้ฟังกี่ครั้งก็ขนลุก ด้วยความว่า นี่มันเป็นเพลงเดบิ้วนะ! ยังโหดจัดขนาดนี้!
Usseewa
ช่วงแรก ๆ ของคอนเสิร์ตเหมือน Ado วอร์มเสียงเฉย ๆ ซึ่งมีความเป็นมืออาชีพมากขึ้นไปเรื่อย ๆ ครับ แม้ว่าจะเริ่มด้วยเพลงยาก ๆ อย่าง New Genesis ต่อด้วย Usseewa แต่ก็ค่อย ๆ Build อารมณ์ของโชว์ไปเรื่อย ๆ ผมกุมมือไว้ที่หน้าอกแบบแฟนคลับที่ปราบปลื้มและภูมิใจ แน่นอนว่าผมเคยพูดเรื่องนี้ Ado ทำการแสดงสดทีไร ผมจะลุ้นว่านางจะไหวไหม แต่เมื่อผ่านไปสักพักก็เริ่มผ่อนคลายและ enjoy ไปกับคอนเสิร์ตครับ
อาจจะเริ่มเมื่อ Ado ขึ้นเพลวง Tot Musica เพลงประกอบ One Piece: Film RED ที่ขึ้นชื่อเรื่องความโหด และก็โหดเกินคาดครับ หน้าผมเหวออยู่เกือบตลอดทั้งเพลง นางเต็มทีกับโชว์ขนาดนี้เชียว! คนทั้งคอนเสิร์ตหลายคนคงพูดญี่ปุ่นไม่ได้ ดังนั้น ท่อนที่เป็นภาษารูน เราแหกปากกันอย่างเต็มที่ครับ โคตรมันส์ครับ อารมณ์มาเต็ม ขนลุกแล้วลุกอีก พลังเสียงระดับเทพมันเป็นแบบนี้นี่เอง
แต่อย่าเพิ่งอ้างอิงเทพ เพราะไม่นานนัก Aishite Aishite Aishite ขึ้น โอ้พระเจ้า! หลังจากกระโดดเต้น ๆ กัน ผมและหลาย ๆ คนนิ่งกันครับ เพราะเพลงนี้เป็นหนึ่งเพลงที่เราตั้งหน้าตั้งแต่รอคอย ผมอยากฟังเพลงนี้สดมากที่สุด และมันเป็นบุญหูมากครับ เกินความคาดหมาย ผมหลุดคำสะบดออกมามากมายหลายคำเลยครับ ขนลุกทั้งตัวทั้งที่ใส่เสื้อโค้ตอยู่ ปากอ้าค้างไว้ และเมื่อจบเพลง ผมรู้สึกตัวอีกที มือก่ายหน้าผากอยู่ โดยเฉพาะท่อนจบที่ Ado แสดงพลังเสียงของนางออกมาอย่างเต็มที่
Album Utattemita มี cover Aishite Aishite Aishite
อย่างหนึ่งในฐานะคนเล่นดนตรีคนหนึ่งนะครับ ผมคิดว่ามันน่าสนใจมาก เพราะนี่เป็นการแสดงสด ผมก็อยากจะรู้ว่าจะทำดนตรีสดของคุณ Kikuo เพลงนี้ออกมาอย่างไร การเรียบเรียงออกมาเพื่อการแสดงสดนั้นทำออกมาได้อย่างดีเยี่ยมครับ คงความบ้าคลั่งของเพลงเอาไว้ได้โดยใช้เครื่องดนตรีสดในบนเวทีและ sample เล็กน้อย เป็นกลิ่นอายความสดใหม่ที่คงจิตวิญญาณของเพลงไว้อย่างดีเยี่ยมครับ
การแสดงเพลง Aishite Aishite Aishite สดเพียงเพลงเดียวก็คือคุ้มค่าใช้จ่ายทั้งหมด เวลาที่เจียดมาดู และพลังงานความเหนื่อยทั้งหมดเลยครับ แค่เพลงเดียวคือคุ้มแล้ว การแสดงที่เหลือคือกำไรครับ และเราก็ได้โบนัสหลังจากนั้น คือการ cover เพลง Stay with me ของ Matsubara Miki การได้ยินเสียง Ado ร้องเพลงที่เป็นตำนานนี้คือเป็นบุญชีวิตมากครับ ไพเราะอย่างยิ่ง และยิ่งทำให้เห็นความกว้างขวางของ Ado ในการออกแบบและใช้เสียงในแต่ละเพลง
Mitsubara Miki
แสดงถึงความเป็นนักร้องมากความสามารถ ที่สามารถใช้และปรับเสียงของตัวเองเผื่อร้องและสื่ออารมณ์ของเพลงที่แตกต่างออกไปได้อย่างมากหลาย ผมว่า นี่คือหนึ่งในความอัจฉริยะของ Ado ในฐานะ Utaite ในคอนเสิร์ต MARS นาง cover เพลงมากมายที่ยังไม่ออกเวอร์ชั่นทางการ เช่น Unravel ที่ขึ้นชื่ออยู่แล้ว เพลงตำนานอย่าง Kazarijyanainoyonamidawa ที่ผมชอบเป็นพิเศษ มาครั้งนี้เราได้ Stay with me
ผมว่าการใช้เพลงนี้ใน World Tour นั้นเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องครับ เพราะหากจะพูดถึงเพลงญี่ปุ่นในวงความตะวันตก เราก็มักจะมองไปที่ City Pop และจะมีเพลงแนวนี้เพลงไหนเหมาะไปกว่า Stay with me มันคือ Fan Service ดี ๆ นี่เองครับ และผมชื่นชมมาก ๆ โอ้ย! ประทับใจ!
ด้วยความเป็น Ado นางร้องเป็นสิบเพลงรวดเดียว ผมไม่แปลกใจอะไรเพราะเริ่มชินแล้ว นางหยุดแล้วมาช่วง MC ซึ่งนางพูดภาษาอังกฤษด้วย น่ารักน่าเอ็นดูมาก ๆ ครับ คือนางพยายามอย่างมากที่จะพูดอังกฤษแม้ว่านางจะไม่รู้ภาษาอังกฤษก็ตาม พวกเราก็เอาใจช่วยนาง แต่พูดไปสักพักก็เปลี่ยนมาเป็นภาษาญี่ปุ่น ผมโชคดีที่ฟังญี่ปุ่นออกนิดหน่อย เลยพอจะรู้เรื่องบ้าง นอกจากจะได้ยินเสียงร้องของนางสดแล้ว ยังได้ยินเสียงพูดนางสด ๆ ด้วย ผมคุ้มแล้วครับ
ตอนพูดคุยกับคนดู Ado กล่าวเรื่องความภูมิใจของนางที่ได้ทำ World Tour และได้มาเล่นที่ยุโรปและลอนดอน นางมีทำท่าทำทางน่ารัก ๆ ให้เห็นด้วย เช่นการกระโดดดึ๋ง ๆ แบบเด็กน้อย แต่ใช้มือสะบัดผมแบบภาคภูมิใจและมั่นใจในแบบของนาง มันดูตลกดีครับ แบบเอ็นดู ผมคิดได้ว่า นางเต้นเยอะ ๆ มาก ๆ ในโชว์ ออกท่าทางเยอะ ๆ ผมคิดว่า หากเราไม่เคารพความเป็นส่วนตัวของนาง นางคงไม่กล้าทำอะไรแบบนั้นแน่ ๆ เพราะนางเป็นพวกขี้อาย การที่นางสามารถปกปิดตัวตนได้ มันทำให้เราได้โชว์ดี ๆ แบบนี้ครับ
Ado บอกว่า เพลงต่อไปเป็นเพลงสุดท้ายนะ (มาจนถึงจุดนี้ ช่วง Encore เป็นธรรมเนียมปฏิบัติไปแล้ว เราเลยไม่แปลกใจเท่าไหร่) แต่เราก็ทำเสียงเสียใจกันตามธรรมเนียม นางก็น่ารักมากนะครับ พูดประมาณว่า “เสียใจละสิ! น่าสงสารจังเลยน้า” เสน่ห์ของ Ado ไม่มีเพียงแต่ความสามารถในการขับร้อง แต่เสน่ห์ในความกวน ๆ แบบเป็นกันเองนี้ด้วยที่ทำให้เราติดอกติดใจ อยากที่จะสนับสนุน Ado ต่อไป
Show
เพลงสุดท้ายก่อน Encore คือ Show และสมแล้วที่ได้ขึ้นเป็นเพลงอันดับหนึ่งใน Billboard Japan ช่วงปลายปีที่ผ่านมา เพราะมันเป็นเพลงที่โคตรสนุกเลย Ado บอกว่าเพลงนี้ยากที่สุด แต่นางก็ร้องเพลงนี้สดอย่างเรียบง่ายไม่ต้องพยายามอะไรมากแต่ก็ถึงแก่น ผมได้เห็นปรากฏการณ์คนสามพันกว่าคนเต้นท่าเดียวกันโดยไม่ได้นัดหมายครับ และผมก็เป็นหนึ่งในพวกเขา 55555
Show เป็นเพลงที่สนุกสุดมันส์ และพลังงานในกลุ่มผู้ชมก็แสดงออกถึงความสนุกนั้นครับ เป็นความรู้สึกดี ๆ มาก ๆ บวกกับพลังเสียงของนางที่คงไว้ไม่แผ่วเลยมาจนถึงจุดนี้!
ไม่กี่นาที Encore ก็เริ่ม ตลกตรงนี้ว่า เหล่าคนดูเลือกไม่ได้สักทีว่าจะร้อง Encore แบบไหน บ้างก็ตะโกน Mou ikkai บ้างก็ en-co-ru บ้างก็ en-co-re ผมคิดว่า จะเอาแบบไหนก็เอาสักทางเถอะ ตลกดีครับ แต่ไม่นาน Ado ก็กลับมาด้วย Backlight
Backlight เป็นเพลงที่มีความหมายต่อผมมากเป็นการส่วนตัว ผมเคยเล่าไว้แล้วว่า จริง ๆ แล้วเพลงอย่าง Osmanthus ของ Kujira ft. Ado เป็นเพลงแรกที่ผมเคยฟังเสียง Ado ตอนที่ยังไม่รู้จัก Ado แต่ Backlight เป็นเพลงแรกที่ทำให้ผมรู้จัก Ado อย่างเป็นทางการ ตอนฟังเพลงนี้ครั้งแรก ผมชอบทันที แล้วสงสัยว่า นักร้องผู้หญิงคนนี้เป็นใคร ทำไมเก่งอะไรขนาดนั้น ดังนั้น ผมจึงกรี๊ดแตกแน่นอนครับ เมื่อเพลงนี้ขึ้นช่วง Encore
Backlight
ผมที่เป็นสายร็อคอยู่แล้ว เพลงนี้คือโดนใจ โยกหัวจนคอเคล็ด ผมยุ่งปิดหน้าปิดตาไปหมดเลย เป็นการแสดงที่โคตรมันส์ พลังเสียงที่คงที่ความขนลุก ต่อมาในช่วง Encore Ado ร้องเพลง Senbonzakura ซึ่งผมไม่เคยได้ยินนางร้องสดมาก่อน มันเป็นเพลงที่ผมชอบโดยส่วนตัวอยู่แล้ว เมื่อเพลงนี้ขึ้น มันยิ่งตื่นเต้นครับ น่าประทับใจมาก ๆ
ก่อนจะปิดท้ายคอนเสิร์ต นางมาพูดคุยกับคนดูอีกรอบ ขอบคุณพวกเรา และแสดงความประทับใจของนางที่ได้ทำตามความฝันของนาง และเน้นย้ำเรื่องเป้าหมายของ Ado ที่ต้องการสร้างชื่อเสียงวงการ Utaite และ Vocaloid ไปถึงระดับโลก ฝันของนางกำลังขับเคลื่อน และพวกเราก็เอาใจช่วยให้ฝันของนางเป็นจริง นางคุยเล่นทั่วไป เช่น เคยไปญี่ปุ่นบ้างไหม อยากให้ทุกคนไปญี่ปุ่นเรื่อย ๆ นะ มันเป็นประเทศที่ดีและสวยงามมาก แน่นอนว่าผมเห็นด้วย
Ado ปิดคอนเสิร์ตด้วย Odo ผมคิดว่าเป็นการตัดสินใจที่ดี เพราะเพลงนี้โคตรมันส์ และทำให้ผู้ชมอารมณ์ค้างกลับบ้านกันได้อย่างง่าย ๆ โยกสิครับ รออะไร ขาผมที่เริ่มตายแล้ว เพราะยืนนานมาก ๆ ก็ขยับเองอย่างไม่ได้ตั้งใจ แหกปากตาม ๆ กันไปอ่างสนุกสนาน อารมณ์และความมันส์ความสนุกเต็มเปี่ยม
Odo
ผมอยากจะบันทึกเอาไว้เป็นที่ระลึกเพราะไปซื้อ Merch ไม่ทัน เสียดายมาก ๆ แต่ก็ปลอบตัวเองว่า ของที่ตัวเองซื้อมาจากญี่ปุ่นมันแรร์กว่า ของที่ระลึกที่ได้กลับมาคือประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม ความทรงจำที่มีความหมาย และความประทับใจเกิดคำบรรยาย
ไอผมแม้จะชอบดนตรีมาก ๆ แต่ก็ไม่ใช่พวกที่ไปคอนเสิร์ตบ่อย ๆ เพราะไม่ชอบที่คนเยอะ ๆ เสียงดัง ๆ แต่คอน ฯ ของ Ado เป็นสิ่งที่พลาดไม่ได้เลยเมื่อมีโอกาส และผมก็คว้าโอกาสนั้นไว้ได้ แม้ว่าจะต้องใช้แรงกายแรงใจเยอะพอสมควรสำหรับคนติดบ้านติดห้องอย่างผม อีกทั้งต้องเดินทางคนเดียวด้วย
ผมรู้สึกขอบคุณ Ado ที่ผลิตผลงานคุณภาพด้วยความสามารถในการใช้เสียงระดับโหดจัด และขอบคุณตัวเองที่เกิดมาในยุคของ Ado 555555 สมกับที่เป็น Utaite อันดับหนึ่งในวงการครับ!
ต่อไปผมจะต้องหาโอกาสไปดู Ado ที่ญี่ปุ่นให้ได้ เพราะบรรยายกาศมันแตกต่างกันจากคอนเสิร์ตในยุโรปมาก ซึ่งนางขายบัตรคอนเสิร์ตที่สนามกีฬาแห่งชาติญี่ปุ่นหมดไปแล้ว เท่าที่ได้ยินจากข่าวคือ หนึ่งแสนสี่หมื่นใบหมดภายในไม่กี่นาที งั้นเอาไว้คราวหน้าก็แล้วกันนะครับ ผมลองคิดดู World Tour นางจบสิ้นเดือนมีนาคม แต่ต้องไปเล่นคอนเสิร์ตต่อทันทีสิ้นเดือนเมษายน พลังกายมันจะต้องขนาดไหนเชียว!
คืนนั้นนอนไม่ค่อยหลับเลย เพราะตื่นเต้นกับอารมณ์ค้าง ใจยังเต้นอยู่เลย กว่าจะนอนลงก็ดึกเกินควรแล้ว แต่โชคดีที่ตื่นทัน Check out ที่โรงแรม ออกไปเดินในลอนดินนิดหน่อยรอเวลารถไฟ มีเวลาไม่เยอะ แต่ก็มากพอที่จะใช้เดินตามรอยตัวเองเมื่อสองสามปีที่แล้วที่ผมเคยใช้ชีวิตที่ลอนดอน กลับไปที่หอนักเรียนเก่า สถานีรถไฟที่มีเปียโนที่ผมชอบมายืนฟังคนเล่น เดินแวะไปที่มหาวิทยาลัยที่ผมเคยเรียนอยู่ และค่อยขึ้นรถไฟกลับกลาสโกว์อีกสี่ชั่วโมงครึ่ง
เพื่อนบอก "หน้าตามีความสุขสุด" ซึ่งก็เป็นความจริง ไม่ค่อยเห็นหน้าตัวเองมีความสุขขนาดนี้เท่าไหร่ บันทึกเอาไว้ ๆ
Adomination!! All hail to Ado the Utaite!! ประทับใจมากครับ เทพธิดาเส้นเสียง หาคำมาบรรยายไม่ได้แล้ว มันเกินคำบรรยาย เอาเป็นว่า ติ่งฟินสุด ๆ ครับ 555555
โฆษณา