18 มี.ค. เวลา 15:16 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

เปิดโรดแมปสิงคโปร์ ลุยรีสกิลทักษะ เตรียมความพร้อมบรรดาผู้อาวุโส

หนึ่งในปัญหาหนักอกหนักใจของรัฐบาลทั่วโลกในเวลานี้ นอกเหนือจากการต้องวางแนวนโยบายและจัดสรรงบประมาณเพื่อปรับตัวเปลี่ยนผ่านให้ทันกับเทรนด์เทคโนโลยี ความยั่งยืน และสารพัดความไม่แน่นอนต่าง ๆ แล้ว การเตรียมแผนรับมือกับสังคมสูงวัย ก็ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องควรวางแผนเตรียมความพร้อมด้วยเช่นกัน
แน่นอนว่านอกจากเตรียมแผนให้ผู้สูงวัยและว่าที่ผู้สูงวัยได้ใช้ชีวิตวัยเกษียณอย่างปลอดภัยไร้กังวลแล้ว รัฐบาลทั่วโลกยังตระหนักดีว่า ภายใต้อัตราการเกิดที่ลดลง รัฐบาลยังจำเป็นต้องวางแผนให้ว่าที่ผู้สูงวัยมีทักษะในการทำงานและใช้เทคโนโลยีนวัตกรรมต่าง ๆ รวมถึงความสามารถในการทำงานร่วมกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่เป็นประโยชน์ต่อผู้สูงวัยและเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศต่อไปในอนาคต
ทั้งนี้ ท่ามกลาง ฃนานาประเทศที่กำลังวางกลยุทธ์รีสกิลประชากรอาวุโสอย่างขะมักเขม้น สิงคโปร์ ถือเป็นหนึ่งในประเทศที่ประกาศแผนพัฒนาในประเด็นดังกล่าวที่ค่อนข้างชัดเจน เป็นรูปธรรม และมีความกระตือรือร้นมากที่สุดประเทศหนึ่ง
ยืนยันได้จากล่าสุดในช่วงต้นปี 2024 ที่ผ่านมา รัฐบาลสิงคโปร์ ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีลีเซียนลุงได้อนุมัติงบประมาณบริหารประเทศประจำปีมูลค่ากว่า 1.3 แสนล้านดอลลาร์สิงคโปร์ โดยมีเป้าหมายหลักในการผลักดันให้ประเทศพัฒนาก้าวทันโลกยุคเศรษฐกิจดิจิทัลและความยั่งยืน รวมถึงให้ความช่วยเหลือในเรื่องค่าครองชีพ และโครงการยกระดับครอบครัวที่มีรายได้น้อย ซึ่งแผนทั้งหมดร่างขึ้นจากแนวทาง Forward SG ที่ต้องไม่มีใครถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง
ขณะเดียวกัน ภายใต้งบประมาณดังกล่าว ราว 4,000 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ จะได้รับการจัดสรรสำหรับ ชาวสิงคโปร์ทุกคนที่อายุ 40 ปีขึ้นไปในการเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ (รีสกิล) ภายใต้โครงการ SkillsFuture ของภาครัฐ
โดย ลอว์เรนซ์ หว่อง (Lawrence Wong) รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าวการกระทรวงการคลังแห่งสิงคโปร์ระบุว่า การดำเนินการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาประเทศในระยะยาวด้วยการลงทุนครั้งใหญ่เพื่อช่วยให้พนักงานวัยกลางคนสามารถยกระดับทักษะและสนับสนุนผู้ที่ถูกเลิกจ้าง ซึ่งจะเริ่มมีการดำเนินการในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้
ขณะเดียวกัน ภายใต้งบประมาณดังกล่าว ราว 4,000 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ จะได้รับการจัดสรรสำหรับ ชาวสิงคโปร์ทุกคนที่อายุ 40 ปีขึ้นไปในการเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ (รีสกิล) ภายใต้โครงการ SkillsFuture ของภาครัฐ โดย ลอว์เรนซ์ หว่อง (Lawrence Wong) รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าวการกระทรวงการคลังแห่งสิงคโปร์ระบุว่า การดำเนินการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาประเทศในระยะยาวด้วยการลงทุนครั้งใหญ่เพื่อช่วยให้พนักงานวัยกลางคนสามารถยกระดับทักษะและสนับสนุนผู้ที่ถูกเลิกจ้าง ซึ่งจะเริ่มมีการดำเนินการในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้
ขณะที่ ชาวสิงคโปร์ทุกคนที่อายุยังไม่ถึงเกณฑ์ก็จะได้รับสิทธิ์ในการรีสกิลตนเองเมื่อถึงวัย 40 ปีเช่นกัน
ยิ่งไปกว่านั้น รัฐมนตรีคลังสิงคโปร์ระบุว่า รัฐบาลจะมีการลงทุนมากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ภายใน 5 ปีข้างหน้า เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรม Computing AI และบุคลากรที่มีความสามารถ ยกระดับสถาบันการศึกษาด้านเทคนิค (Institute of Technical Education) สำหรับผู้ที่ต้องการอัพสกิล/รีสกิล ตลอดจนยกระดับโครงสร้างพื้นฐานจำเป็นเพื่อสร้างเครือข่ายบรอดแบนด์ระดับชาติจะได้รับการอัปเกรดเพื่อรองรับ AI และเทคโนโลยีสื่อเสมือนจริง (immersive media technologies)
บรรดานักวิเคราะห์มองว่า ภายใต้แผนการดังกล่าว สิงคโปร์มีเป้าหมายที่จะเป็นนครรัฐที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีระดับโลก และกำลังเปลี่ยนแปลงตัวเองให้กลายเป็นประเทศอัจฉริยะ โดยที่ภาครัฐเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญเบื้องหลังการผลักดันการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล และ เป็นหัวหอกในการริเริ่มในการบูรณาการเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน โดยเริ่มต้นจากกลุ่มเปราะบางอย่าง ผู้สูงวัย
เบื้องต้นมีการประเมินว่า เกือบครึ่งของประชากรวัยกลางคนของสิงคโปร์ยังขาดทักษะจำเป็นสำหรับโลกในยุค AI
ทั้งนี้ ภายใต้แผนการดังกล่าว ชาวสิงคโปร์วัย 40 ปีขึ้นไป จะสามารถเข้าร่วมคอร์สฝึกอบรมต่างๆ จำนวน 7,000 หลักสูตรตามที่กำหนดไว้ ทั้งทางออฟไลน์และออนไลน์ (ตามความสะดวก) รวมถึงหลักสูตรอนุปริญญานอกเวลาและเต็มเวลา
หลักสูตรหลังอนุปริญญาและระดับปริญญาตรี โดยครอบคลุมคลุมตั้งแต่พื้นฐานความรู้ด้านดิจิทัล การใช้งาน AI ซอฟท์แวร์ที่เกี่ยวข้อง ไปจนถึงทักษะ ซอฟท์สกิล (soft skill) เพื่อให้ชาวสิงคโปร์สามารถก้าวผ่านความไม่แน่นอนในโลกปัจจุบันและโลกอนาคตได้ทุกรูปแบบ อีกทั้งยังช่วยให้แรงงานรายได้น้อยมีทักษะที่จำเป็นเพื่อลดช่องว่างทางรายได้ สร้างสังคมที่เท่าเทียม
ผู้ที่เข้าเรียนครบตามเงื่อนไขที่กำหนดจะได้รับเครดิตที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์สำหรับการขึ้นค่าแรงภายใต้โมเดล Progressive Wage Model (โมเดลค่าแรงก้าวหน้า) ในภาคส่วนธุรกิจที่กำหนด เช่น ภาคค้าปลีก การรักษาความปลอดภัย และการทำความสะอาด เป็นต้น
ยิ่งไปกว่านั้น รัฐบาลสิงคโปร์ยังวางแผนมอบเงิน 5,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ ให้ผู้สำเร็จการศึกษาจากสถาบันการศึกษาด้านเทคนิค (ITE) ที่มีอายุ 30 ปีหากพวกเขาลงทะเบียนในโปรแกรมอนุปริญญา และจะเติมเงินอีก 10,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ให้กับ Central Provident Fund หากสำเร็จการศึกษา
นอกจากนี้ยังมีเงินลงทุนมูลค่า 100 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ในช่วงสี่ปีข้างหน้าใน Our SG Arts Plan ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อทำให้ศิลปะเข้าถึงได้มากขึ้นสำหรับคนสิงคโปร์ทุกคน และเติมเงิน 20 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์สำหรับกองทุน One Team Singapore
เพราะในอนาคตอันใกล้ คือยุคที่จะถูกนิยามโดย AI
เมื่อทราบดีว่าปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะมีบทบาทมากขึ้นในการรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคล ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่ภาครัฐของสิงคโปร์จะให้ความสำคัญกับการรักษาระบบนิเวศดิจิทัลที่ยืดหยุ่นและโปร่งใส ด้วยการวางแนวทางล่วงหน้าในเรื่องของการส่งเสริมความไว้วางใจ และให้คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสิงคโปร์ปรึกษาหารือกับสาธารณะ เกี่ยวกับการรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลในการพัฒนาและปรับใช้ระบบคำแนะนำและการตัดสินใจของ AI
เมื่อวางรากฐานของการใช้ข้อมูลด้วย AI แล้ว การเตรียมคนให้พร้อมคือกุญแจสำคัญที่จะทำให้ AI ทำงานโดยไม่แทนที่คน และการอนุญาตให้คน “ค้นพบสิ่งที่ตนหลงใหล” ด้วยความรับผิดชอบใหม่ๆ ที่ต้องใช้ “ความสามารถเฉพาะตัวของมนุษย์” เท่านั้น
“เพื่อให้ความมั่นใจกับชาวสิงคโปร์ทุกคนว่าเมื่อเรากลายเป็นสังคมที่ใช้ AI ทุกคนจะมีโอกาสเรียนรู้และเติบโต และไม่มีใครจำเป็นต้องกลัวการถูกแทนที่” หว่อง รัฐมนตรีคลังสิงคโปร์ย้ำ
นอกจากนี้ เพื่อให้มั่นใจว่า “ทุกคน” ถูกรวมเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของโลกยุค AI อย่างแท้จริง รัฐบาลยังเตรียมออกมาตรการจูงใจและแนวทางสนับสนุนให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กของสิงคโปร์เร่งกระตือรือร้นในการประยุกต์ใช้ AI และเทคโนโลยีนวัตกรรมต่าง ๆ มาปรับปรุงประสิทธิภาพ เพิ่มประสิทธิผลและเสริมสร้างศักยภาพยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของตนเอง
National AI Strategy จาก 1.0 สู่ 2.0
กลยุทธ์ AI แห่งชาติ หรือ National AI Strategy คือ แผนการใช้ AI อย่างลึกซึ้งเพื่อเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจสิงคโปร์ ซึ่งหลังจากที่เริ่มวางพื้นฐานจำเป็นสำหรับ AI ที่แข็งแกร่งเรียบร้อยแล้ว ก็คือการต่อยอดสู่ National AI Strategy 2.0 เพื่อสนับสนุนให้ชาวสิงคโปร์มองว่า AI เป็นเพื่อนเพื่อเพิ่มผลผลิตและยกระดับชีวิต แทนที่จะเป็นศัตรูที่คุกคามการดำรงชีวิต
โดยแนวทางการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของ กลยุทธ์ AI แห่งชาติ 2.0 มี 3 ประการหลักด้วยกันคือ การขยายขอบเขตของ AI จากการเป็นโอกาสสู่ความจำเป็นในการก้าวไปข้างหน้า จากการจำกัด AI อยู่แค่ขอบเขตของประเทศไปสู่การเป็นส่วนหนึ่งของพลเมืองโลก และจากการจำกัด AI ที่อยู่แค่แนวคิดหรือโครงการเฉพาะไปสู่ระบบที่ครอบคลุมภาคส่วนต่างๆ ทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม
ทั้งนี้ ผลการสำรวจเมื่อไม่นานมานี้พบว่า พนักงานสิงคโปร์ ราว 47% ในอุตสาหกรรมต่างๆ รวมถึงภาครัฐ ถูกขอให้ทำงานมากขึ้นในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากการเลิกจ้างหรือการหยุดจ้างงาน และสถานการณ์ต่อจากนี้ ที่ประชากรวัยแรงงานมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ การติดอาวุธด้วย AI จะช่วยทำให้การทำงานของวัยแรงงานที่มีอายุมากขึ้นสามารถทำงานได้เร็วขึ้นและมีผลงานที่เพิ่มขึ้นด้วยเวลาและทรัพยากรที่ใช้น้อยลง
“ในขณะที่ด้านหนึ่งเราแสวงหาโอกาสในด้าน AI และเทคโนโลยีนวัตกรรมอื่นๆ เราจะต้องมีรากฐานที่เหมาะสม จัดการความเสี่ยงได้ดี ไว้ที่ปลายอีกด้านหนึ่ง และต้องไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” รัฐมนตรีคลังสิงคโปร์กล่าว
โฆษณา