18 มี.ค. เวลา 16:30 • ความคิดเห็น
เป็นหนึ่งคนที่จริงๆ ชีวิตผูกพันกับพ่อแม่มากค่ะ ยิ่งไม่ได้แต่งงานก็ไม่มีห่วงอื่นมาแบ่งไป ไม่ต้องห่วงลูก ไม่ต้องห่วงหวงสามี ห่วงที่ผูกพันมากๆ เลยเป็นพ่อแม่ พี่น้องก็คลายออกไปหน่อย
ถามว่ากลัวไหม กลัวค่ะ กลัววันที่ต้องสูญเสียเขาไปตลอด... ถ้าเราจากไปก่อน เราก็ห่วงว่าเขาจะอยู่ยังไง แต่เราไม่เสียดายว่ายังไม่ได้ทำอะไร เพราะเรามั่นใจว่า ตลอดเวลาเราทำหน้าที่ลูกอย่างเต็มที่และดีที่สุด เรากล้าตาย อาจกังวลบ้างคนอื่นจะดูแลแบบไหน แต่ถ้าเขาจากไปก่อน.... เราเคยคิดว่าเราจะเหงาไหม เราจะอยู่ได้หรือเปล่า และเราก็รู้ว่า นั่นคือสิ่งที่ยังมาไม่ถึง ไม่ได้มีความหมายอะไรที่เราต้องกังวล... ความฟุ้งซ่านนั้นก็จบไปค่ะ
เคยบอกตัวเองว่า ชีวิตนี้ หน้าที่หนึ่งที่เกิดมาเป็นลูก เพื่อดูแลพ่อแม่ และอยู่เป็นเพื่อนเขาในเวลาของลมหายใจสุดท้ายของพ่อแม่ค่ะ จะอยู่ส่งเขาเองด้วยมือเรา รอปิดตาให้เขา อยากให้เขาเดินในทางสุขสงบในลมหายใจสุดท้าย เมื่อวันนั้นมาถึง ส่งท่านสองคนแล้ว....ก็หมดหน้าที่เรา แต่เราเลือกไม่ได้นะว่าใครจะตายแบบไหน เมื่อไหร่ ใครตายก่อนหรือหลัง... มันก็แค่ความคิดเช่นกันค่ะ ความคิดที่ ถ้าเรามีโอกาสทำ เราก็จะทำ
ก็เคยถามตัวเองเหมือนกันว่าต้องทำอะไรในโลกอีก.... ทุกบทบาทหน้าที่สมมุติในโลกในฐานะของตนในช่วงชีวิตนี้ ทำหมดแล้ว ดีที่สุดเท่าที่ทำได้ ไม่รู้สึกอยากกลับไปแก้ไขอะไร ไม่ใช่เพราะสมบูรณ์แบบ เราเป็นคนซกมก รั่วๆ ไม่ได้ฉลาดมาก เราไม่เคยทำอะไรได้สมบูรณ์แบบ แต่เราทำทุกอย่าดีที่สุด ตามกำลังสติปัญญาของเราในช่วงเวลานั้นๆแล้ว แม้เมื่อเวลาผ่านไปหวนดูจะรู้ว่า ไม่เข้าท่าก็ตาม.... เรื่องที่เคยโง่ เราฉลาดขึ้นมาได้บ้างนิดๆหน่อยๆ
ด้วยความที่ตั้งใจจะจากกับพ่อแม่แบบนี้ จากกันอยากสงบสุข และด้วยความที่อนาคตข้างหน้าเราไม่รู้อะไรเลย เราจึงเลือกทำวันนี้ให้ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้... เราลด ละ การทะเลาะ การขัดใจท่าน เพราะไม่เห็นประโยชน์อะไรกับการเอาชนะคนที่รักเราที่สุด ที่ท่านชรามากแล้ว อะไรยอมได้ก็ยอม ถึงไม่ยอมก็ไม่เถียง อือๆออๆไป
ดูแลท่านให้พร้อมด้วยปัจจัยสี่ อันสมควรแก่ฐานะท่าน ฐานะเรา เรากินอยู่อย่างไร พ่อแม่ก็ต้องได้กินอยู่แบบนั้นหรือดีกว่า พาท่านท่องเที่ยวเปิดหูเปิดตาบ้าง แม้จะไม่บ่อย เพราะตัวเองก็ไม่ค่อยเดินทางบ่อยนัก ไม่ใช่ขาเที่ยว เรามักจะพาพ่อกับแม่ไปหาอะไรอร่อยๆกินบ้าง คนแก่จะได้ไม่เบื่ออาหาร หรือถ้ามีโอกาส เราก็ทำให้ทานเอง.... เราว่าเวลาเราทำเอง พ่อแม่มีความสุขกว่าเราพาออกไปทานข้างนอกนะ
ดูแลท่านยามเจ็บป่วย เรากับน้องจะผลัดกันมาเฝ้าเวลาพ่อแม่ป่วย เราจะเป็นคนจัดคิวเลย ช่วงสำคัญที่สุดที่ต้องดูแล เราเป็นคนเฝ้าเอง
ให้อาหารกาย ดูแลกายท่านไม่พอ ดูแลใจท่านด้วยค่ะ เพราะรู้ว่าเราต้องจาก ทุกคนย่อมมีความทุกข์ สิ่งที่จะทำให้ทุกข์นั้นน้อยลงคือการปล่อยวางเป็น ซึ่งทำไม่ได้ ถ้าจิตไม่เคยฝึก....
เราเริ่มปฏิบัติธรรมตั้งแต่รู้ว่าเราตายจากพ่อแม่ได้ทุกเมื่อ ตั้งแต่เมื่อยี่สิบปีก่อน และเพราะเหตุนี้ ทำให้พ่อแม่ท่านเองก็เริ่มมอง และสนใจในสิ่งที่เราทำ จากคนไม่มีศรัทธา ก็มามีศรัทธา จากคนไม่เคยฟังธรรม ท่านก็มีโอกาสฟังธรรม จากไม่ได้พบบัณฑิตผู้ออกจากทุกข์
ท่านก็มีโอกาสได้เจอได้กราบไหว้ ได้ฟังและได้สนทนาด้วย ท่านใช้ช่วงเวลาชีวิตที่เหลือนับร่วมเวลาล่วงมาแล้วยี่สิบปีในการสะสมเสบียงบุญ เรายินดีเป็นสะพานให้ท่านได้สั่งสมบารมีตามกำลัง หลายอย่างที่ท่านทำ เราทำเองไม่ได้ เราให้ได้แค่ให้ปัจจัย แต่ศรัทธา แรงกายแรงใจคือท่านทั้งสองลงมือเอง
เราเคยบอกท่านว่า.... เราดูแลท่านไม่ต้องห่วงอะไรเลยเรื่องปัจจับสี่เพื่อให้ท่านได้มีโอกาสสะสมเสบียงในการเดินทางต่อหลังสิ้นอายุขัยนี้ เราอาจไม่ร่ำรวย ไม่ได้มั่งคั่ง เพราะเราไม่ได้เกิดมาแสวงหาสิ่งนั้น แต่เราเชื่อว่าเราไม่ยากจน
สิ่งที่เราทำได้เสมอ คือพาท่านไปฝึกจิตเจริญสติภาวนา ทั้งชักชวน ร้องขอ พาไป เพื่อรอลมหายใจสุดท้าย และเราก็ต้องฝึกเหมือนกัน.... เมื่อวันนั้นมาถึงก็ไม่รู้จะสอบผ่านไหมเหมือนกันค่ะ....ฝึกกันไปเรื่อยๆ 😊
โฆษณา