19 มี.ค. เวลา 11:03 • หุ้น & เศรษฐกิจ

Amazon (AMZN) บริษัทที่ลงทุนในงบวิจัยและพัฒนา มากที่สุดในโลก

1,948 เท่า ภายในระยะเวลาราว 27 ปี
📈 คือมูลค่าเงินลงทุนที่เพิ่มขึ้นมา ถ้าเราลงทุนในหุ้น Amazon (NASDAQ : AMZN)
ตั้งแต่วันแรกที่เข้าตลาด คือวันที่ 16 พฤษภาคม 2540 จนถึงวันที่ 8 มีนาคม 2567
🛒 Amazon.com เป็นบริษัทค้าปลีกออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากเป็นอันดับ 5 ของโลก ด้วยมูลค่ากว่า 1.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 64 ล้านล้านบาท
1
💡 สิ่งที่น่าสนใจก็คือ ในปี 2566 Amazon ลงทุนในการวิจัยและพัฒนาสูงถึง 85,620 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นจำนวนที่มากที่สุดในโลก และมากกว่าค่าใช้จ่ายในการวิจัยและพัฒนาของ 2 บริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลกรวมกัน
โดย Microsoft บริษัทอันดับ 1 ของโลก ลงทุนไปกับการวิจัยและพัฒนา 27,520 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
และ Apple ใช้งบวิจัยและพัฒนา 29,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
💡 หากมาดูสัดส่วนของค่าใช้จ่ายในการวิจัยและพัฒนา ต่อกำไรขั้นต้น ของทั้ง 3 บริษัท จะพบว่า
Amazon มีสัดส่วนสูงถึง 31.7 %
Microsoft มีสัดส่วน 17.3 %
Apple มีสัดส่วน 17.2 %
👨‍🏫 ซึ่งงบประมาณวิจัยและพัฒนาที่สูงมาก ก็สะท้อนมายังผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายของบริษัท นอกเหนือจากการเป็นผู้นำอันดับหนึ่งของโลกอีคอมเมิร์ซ
ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ของ Amazon ได้แก่
เว็บไซต์ ซื้อ - ขายสินค้าออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีสินค้ามากกว่า 30 หมวดหมู่ โดยสามารถซื้อขายสินค้าได้ทั่วโลกตลอด 24 ชั่วโมง และ “ไม่มีอะไรที่หาไม่ได้ใน Amazon”
1
☁️ AWS, Amazon Web Services
เป็นระบบประมวลผลบน Cloud ที่มีผู้ใช้บริการมากที่สุดในโลก จากการที่มีโซลูชันให้ผู้ใช้สามารถเลือกได้หลากหลายนับตั้งแต่การคำนวณ การจัดเก็บข้อมูล ไปจนถึงการทำ Machine Learning
📺 Amazon Prime
เป็นระบบสมาชิกที่ผู้ใช้สามารถเข้าถึงบริการต่างๆของ Amazon ได้ เช่น Prime Video บริการสตรีมมิงหนังและซีรีส์, Prime Music บริการสตรีมมิงเพลง และ Prime Wardrobe บริการส่งเสื้อผ้าให้ลูกค้าลองถึงบ้าน โดยมีระยะเวลา 7 วัน ก่อนตัดสินใจซื้อ หรือส่งสินค้าคืน
🔮 Amazon Ads
บริการโฆษณาสำหรับแบรนด์ หรือบริษัทต่าง ๆ บนแพลตฟอร์มของ Amazon
📊 สัดส่วนรายได้ของ Amazon ในปี 2566
🛒 ร้านค้าออนไลน์ 40 %
👨‍🏫 การบริการผู้ขายบนแพลตฟอร์ม 24 %
☁️ AWS 16 %
🔮 โฆษณา 8 %
📺 บริการ Subscription 7 %
🏪 ร้านค้าออฟไลน์ 5 %
🌎 สัดส่วนรายได้แบ่งตามภูมิภาค (รวมระบบ AWS)
อเมริกาเหนือ 61 % ภูมิภาคอื่น ๆ 23 %
รายได้จาก AWS 16 %
ที่มา : ir.aboutamazon.com, ข้อมูล ณ วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567
📚 Amazon.com ก่อตั้งโดยคุณ Jeff Bezos ในปี 2537 ซึ่งขณะนั้นทำงานที่บริษัทเฮดจ์ฟันด์ใน Wall Street ชื่อ DE Shaw หลังจากอ่านรายงานบทวิเคราะห์ที่คาดการณ์การใช้งานอินเทอร์เน็ตว่าในอนาคตจะเติบโต 2,300 % ต่อปี ทำให้เขามองเห็นโอกาสการทำธุรกิจผ่านช่องทางเว็บไซต์ จึงลาออกจากงานมาตั้งบริษัทเพื่อทำธุรกิจขายของออนไลน์ โดยเริ่มจากการขายหนังสือ
2
🌎 ชื่อ Amazon มาจากแม่น้ำแอมะซอน ในทวีปอเมริกาใต้ ที่คุณ Jeff Bezos เลือกชื่อนี้เพราะอยากให้บริษัท มีความหลากหลายและแปลกใหม่เหมือนแม่น้ำแอมะซอน
1
ต่อมาบริษัทก็ได้เพิ่มรายการสินค้าให้มากขึ้น รวมทั้งให้ผู้ขายทั่วไปใช้แพลตฟอร์ม Amazon ในการขายสินค้า ก่อนขยายไปยังธุรกิจด้านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ จนกระทั่งปี 2549 Amazon ได้ก้าวข้ามจากบริษัทอีคอมเมิร์ซมาเพิ่มการให้บริการระบบคลาวด์ ภายใต้ชื่อ Amazon Web Services หรือ AWS จนก้าวขึ้นมาเป็นบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ในปัจจุบัน
😊 กฎแห่งความสำเร็จของ Amazon (The Amazon Way)
Amazon มีหลักการทำธุรกิจ อยู่ 4 ประการ ซึ่งหลักนี้มักจะถูกกล่าวถึงในทุกครั้งของการประกาศงบการเงิน
🕺 การยึดลูกค้าเป็นที่ตั้ง
คือการใส่ใจลูกค้าอย่างจริงจังที่สุด ฟังความต้องการของลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ และหาสิ่งที่ตรงใจลูกค้าที่สุดอยู่ตลอดเวลา
💡 ความหลงใหลในการคิดค้น
Amazon ทุ่มงบประมาณในการวิจัยและพัฒนาอย่างมหาศาลในแต่ละปี เพื่อออกแบบขั้นตอน วิธีการ และผลิตภัณฑ์ที่ตรงใจ ตอบโจทย์จนกว่าลูกค้าจะพอใจ ทำให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการซ้ำอีกครั้ง
📈 ความมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศในการดําเนินงาน
เพื่อสร้างบริษัทที่มียอดขายสูงขึ้น ความสามารถในการทำกำไรสูงขึ้น ให้ผลตอบแทนจากเงินลงทุนอย่างแข็งแกร่ง
🕰️ การคิดระยะยาว
โฟกัสการต่อยอดธุรกิจในระยะยาวอยู่เสมอ และในจดหมายถึงผู้ถือหุ้นในทุก ๆ ปี Amazon จะมีการนำจดหมายถึงผู้ถือหุ้นของปี 1997 ซึ่งเป็นปีแรกที่บริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้น มาใส่ไว้ท้ายจดหมายเสมอ
📊 การเติบโตในช่วง 5 ปีย้อนหลัง (2562 - 2566)
รายได้ เติบโตเฉลี่ยปีละ 20.2 %
กำไร เติบโตเฉลี่ยปีละ 26.3 %
มูลค่าบริษัท เติบโตเฉลี่ยปีละ 27.9 %
📈 โอกาสของการเติบโตหลังจากนี้
☁️ การเป็นผู้นำใน Cloud Computing
AWS เป็นผู้นำอันดับ 1 ในตลาด Cloud Computing โดยครองสัดส่วน 31 % ในปี 2566
ซึ่ง Mordor Intelligence ก็ได้คาดการณ์ว่าขนาดตลาดของ Cloud Computing จะอยู่ที่ประมาณ 0.68 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2567 และคาดว่าจะสูงถึง 1.44 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2572 โดยเติบโตเฉลี่ยต่อปีถึง 16.40 %
1
☁️ ก็ต้องติดตามต่อไปว่า บริษัทอีคอมเมิร์ซที่ใหญ่ที่สุดในโลก จะสามารถนำ Cloud Computing มาสร้างการเติบโตของรายได้และกำไรต่อไปได้หรือไม่
ปิดท้ายด้วย ประโยคหนึ่งในจดหมายถึงผู้ถือหุ้นของ Amazon ในปี 1997 ซึ่งจะถูกนำมาใส่ไว้ท้ายจดหมายถึงผู้ถือหุ้นของบริษัทในทุก ๆ ปี เพื่อเน้นย้ำถึงหลักการสำคัญที่บริษัทจะคงไว้เสมอ
“It’s All About the Long Term”..
ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจ  
ผลการดำเนินงานในอดีต/ ผลการเปรียบเทียบ ผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นโดยอาศัยแหล่งข้อมูลสาธารณะ ซึ่งพิจารณาแล้วว่ามีความน่าเชื่อถือซึ่งปรากฏขณะจัดทำ ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงได้ในแต่ละขณะเวลา บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงความเห็นหรือประมาณการต่าง ๆ ที่ปรากฏโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
มูลค่าบริษัท ณ วันที่ 8 มีนาคม 2567
════════════════════                   
#เพราะการเงินเป็นเรื่องของทุกคน                   
════════════════════                   
Dime! เปลี่ยนเรื่องเงินให้เป็นเรื่องสนุก เพื่อความสุขอย่างเท่าเทียมของทุกคน                   
บริษัทหลักทรัพย์ เคเคพี ไดม์ ผู้ให้บริการแอปพลิเคชัน Dime! ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงการคลัง กำกับโดยสำนักงาน ก.ล.ต. ใบอนุญาตเลขที่ ลก-0007-02
โฆษณา