21 มี.ค. เวลา 15:48 • กีฬา
โซลเวิลด์คัปสเตเดียม

"เกาหลีใต้ 1-1 ไทย ความภูมิใจที่ต้องจารึก"

“ดุเด็ด เผ็ดมัน สะใจที่สุด!”
อะดรีนาลีนสูบฉีดไม่หยุด
หายใจไม่ทั่วท้อง น้ำในกระเพาะพุ่ง
จากจุดบนลงล่างไปมาตลอด
ถึงจะเป็นบอลไทยยุคใหม่
ภายใต้บังเหียนของโค้ช “อิชิอิ”
ที่ทำทีมดูดีขึ้นมากในเวลาไม่นานมานี้
แต่พอรู้ว่าต้องเจอของแข็งพลังโสมเกาหลีใต้
ก็แอบทำใจแล้วว่ายากแน่ แล้วบ้านเขาด้วย
บอลเปลี่ยนโค้ชอีก (ถึงจะขัดตาทัพก็เถอะ)
กระทั่งได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นตลอด 90 นาที
บนฟลอร์หญ้าแดนกิมจิ
ความรู้สึกดีๆ หลายอย่างก็พรั่งหรูออกมา
เลยอยากขอบันทึกไว้เป็นเรื่องราวระหว่างเกมเช่นเคย
.
.
.
“1. ครึ่งแรก – ความต่างชั้นในรายละเอียด”
- ต้องบอกว่าไทยเราเริ่มเกมมาได้ดีเกินคาด 10 นาทีแรก เล่นแบบไม่กลัว ทำเกมบุกรัวๆ ทั้งจากจังหวะที่เกาหลีพลาดให้และเราสร้างเองได้ แต่ก็ไม่ละเอียดพอ และต้องชมเขาที่พลาดมาก็จัดกระบวนรับได้ไวมาก เพรสเร็ว รับแน่น สังเกตเวลาเราได้บอลที เขาล้อมหน้าหลังเลย
- พอเข้านาที 10++ เท่านั้นแหละ ความแตกต่างในรายละเอียดถึงค่อยๆ ฉายภาพออก แม้ก่อนนี้เราจะได้บุก แต่เกาหลีเขาก็แสดงให้เห็นถึงความน่ากลัวในเกมสวนกลับ การ Transition เปลี่ยนจากรับเป็นรุกที่ทำได้ฉับไว น้อยจังหวะ เต็มไปด้วยเทคนิค ความแข็งแกร่งและความเร็วพร้อมทะลุทะลวงเมื่อมีโอกาส กลายเป็น “เชน สุพรรณ” ปราการหลังจากทรูแบงค็อกต้องตัดฟาล์ว โดนเหลืองตั้งแต่ต้นเกม เป็นเหตุให้ทีมชาติไทยไม่กล้าเร่งเกมบุกเท่าเดิม
ขณะที่ทัพโสมก็เริ่มตั้งเกมได้ ค่อยๆ เคาะทำเกมขึ้นมาเรื่อยๆ แต่ยังไม่มีไร และยังพลาดให้เรากดดันกลับบ้าง แต่ทั้ง 2 ฝ่ายก็ยังหาทางเจาะเข้าพื้นที่อันตรายไม่ได้ ยังคงคุมโซนดีกันทั้งคู่ บีบให้อีกฝ่ายทำได้แค่ถ่ายบอลไปมาไม่ก็สาดยาว ยิ่งเล่นกลายเป็นเกาหลีนี่แหละที่เพรสดีกว่าจนถึงแดนบน บีบให้เราต้องสาดออก แต่ก็มีอยู่จังหวะหนึ่งที่ผมชอบมากๆ คือเราแกะเพรสได้สวย ในจังหวะที่ “อุ้ม ธีราทร” ใช้ความสามารถเฉพาะตัวจ่ายให้ “เช็ก สุภโชก” ฝ่าวงล้อมออกมา โคตรดี!
โดยรวมช่วงนี้เรียกได้ว่าเป็นการเล่นกันแบบ “ชิงจังหวะ” สุดๆ อยู่ที่ใครจะพลาดมากกว่า ใดๆ ขอติเกมรุกเราหน่อย ยังมีปัญหาเรื่องทีเด็ดทีขาดเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือมาตายเอาตรงริมเส้นฝั่งขวาบ่อย เสียดายหลายจังหวะที่ “มิเคลสัน” เติมมาอย่างดี กลายเป็นตีรถเปล่า เมื่อ “เท่ เจริญศักดิ์” ทำเสียของบ่อย จังหวะสวนกลับที่ควรจะน่าลุ้นกว่านี้เลยบอดไปแบบใช่เหตุ นัดนี้ถือว่าสอบตก
- ทว่าพอเราเริ่มเปิดพื้นที่ให้เกาหลีทำเกมเท่านั้นแหละ จังหวะจะโคนต่างๆ ก็เริ่มมา เริ่มมีจังหวะทำชิ่ง ต่อบอลไปมา แสดงให้เห็นถึงคลาสระดับโลกที่ซ้อมและรู้ใจกันมาอย่างดี ยังเสียดายตอนแรกที่อยากเห็น “Son” เยอะกว่านี้ เพราะ 30 นาทีแรกแทบจะหายไปจากเกม
แต่ก็เสียดายได้ไม่นาน เพราะไม่นานนัก กัปตัน Tottenham ก็สร้างชื่อบนสกอร์บอร์ดทันที55+ ใน น.42 จังหวะเจาะริมเส้นทำชิ่งหลอกมิเคลสัน แล้วจ่ายคัตแบ็คกลับมาทำเอาแนวรับเราหลังหักกันเป็นแถบ ก่อนจะยิงเข้าไปง่ายๆ ลูกนี้ยังไงก็ต้องยอมครับ เป็นครึ่งแรกที่น่าเสียดายไม่น้อย อีกนิดเดียวจะจบเสมอแล้ว
2. “ครึ่งหลัง” แห่งความภาคภูมิใจ
- เริ่มมาก็ยังเหมือนฉายภาพซ้ำกับท้ายครึ่งแรก เพราะทัพช้างศึกยังบุกไม่ได้เลย เสียบอลง่าย ปล่อยเขาพับสนามรัวๆ ยิ่งดูยิ่งอึดอัด โดยเฉพาะ “เท่ เจริญศักดิ์” ที่ดูตีบตันไปหมด เข้าใจว่าเป็นศิษย์เก่าอิชิอิ แต่นัดนี้เล่นไม่ออกจริง และก็ไม่รู้ว่าเราคิดดังไปรึเปล่า เมื่อกุนซือเลือดซามูไรเหมือนได้ยิน ก็รีบเปลี่ยนเท่ออกแล้วเอา “แบงค์ ศุภณัฏฐ์” กองหน้าดาวโรจน์ ดีกรีลีกสูงสุด
เบลเยี่ยม จาก Oud-Heverlee Leuven ลงมาแทน
- ไทยเริ่มกระเตื้องขึ้นบ้าง มีหืออือกลับ จากจังหวะที่ “อาร์ม ศุภชัย” เบียดไต่ริมเส้นปาดมาให้ แต่ “เมสซี่เจ” ก็ยิงหลุดไปเองอีก ตลอดทั้งเกม เบียดสู้กับเกาหลีได้ลำบาก ด้วยอายุอานามที่เพิ่มขึ้นกับอาการบาดเจ็บรังควานไปมาจะทำให้ฟอร์มไม่เปรี้ยงเหมือนก่อน ใดๆ ก็ดีใจที่เห็นเขากลับมาสวมเครื่องแบบช้างศึกอีกครั้งนะ ยังคงเปี่ยมหัวจิตหัวใจนักสู้ กล้าพาบอลไปข้างหน้า กล้าลุยไม่เปลี่ยน
- และแล้วความพยายามก็เป็นผลสำเร็จ จากการเล่นเพียง “4 จังหวะ” ทุ่มจากข้างสนามมาเสร็จ “เช็ก สุภโชก” ฝากบอลไปที่ “ต้าวแบงค์” หันกลับมาตวัดออกขวาให้ “มิเคลสัน” กึ่งยิงกึ่งผ่าน ก่อนที่แบงค์คนเดิมจะวิ่งสอดแนวรับเกาหลีขึ้นมาแท็บอินเข้าไป กลายเป็นคนแรกที่ทลายกำแพงโสมแตกตลอดการแข่งฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสอง กลุ่ม C
ทำเอาผมและที่บ้านถึงกับกรี๊ดกันดังสนั่น พอรู้ว่าไม่ล้ำหน้าแน่ ก็ยิ่งเฮลั่นแบบหยุดไม่อยู่ แม้โดยรวมรูปทรงการเล่นเราจะยังสู้เกาหลีไม่ได้ และลูกนี้ก็มาจากการเล่นจังหวะฉาบฉวยที่สำเร็จ แต่ตอนนี้อะไรก็เอาหมดล่ะ ขอชมต้าวแบงค์จริงๆ ที่แสดงให้เห็นถึงคลาสบอลที่พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ทั้งการเล่นจังหวะเดียว คิดไวทำไว ทั้งยามมีบอลและไม่มีบอลก็วางตัวเองให้พร้อมสอดมายิงจนทำได้จริงๆ เยี่ยมมาก เห็นแบบนี้ก็อยากให้มีแข้งไทยส่งออกนอกอีกเรื่อยๆ นับว่าเป็นนักเตะไทยคนแรกในรอบ 26 ปีที่เจาะตาข่ายเกาหลีได้
- จากนั้นกลายเป็นกระตุกให้ทัพโสมโหมบุกแหลก ปรับสปีดเกมให้เร็วขึ้นเรื่อยๆ เริ่มทำเกมหลากหลายขึ้น ทั้งทำชิ่งเลาะกลาง ทั้งเจาะริมเส้น เลี้ยงจี้ตัดเข้าใน หรือครอสเข้าพื้นที่อันตราย พร้อมปรับแท็คติคเติมตัวรุกตามสูตร เปลี่ยนลงมาต่อเนื่อง แม้เราจะพยายามเพรสใส่ แต่เขาก็แกะเพรสได้ดี เล่นน้อยจังหวะ เข้าทำเร็วมาก สมแล้วที่เป็นทีมระดับโลก
- นับเป็นช่วงที่ “บีบหัวใจสุดๆ” สำหรับทีมชาติไทย ภาพที่เห็นคือแนวรับสีน้ำเงินลงมายืนแพ็คแน่นกันทั้งทีม ช่วยกันเล่น ช่วยกันไล่ จะเหนื่อยหอบแค่ไหนก็ต้องเคลียร์จังหวะอันตรายให้ได้ ซึ่งการรับเน้นๆ แบบนี้ก็ส่งผลให้เวลาจะบุกสวนกลับ ไม่มีตัวเติมขึ้นมาช่วยต่อ กลายเป็นเปิดโอกาสให้เหล่าโอปป้ารีบแย่งบอลแล้วกลับมาบุกใหม่
ยังดีว่า “ไมค์ ปฏิวัติ” นายด่านจากแบงค็อก ระเบิดฟอร์มเซฟอุตลุด จนต้องบอกเลยว่า “พี่คนนี้รับบอลแม่นมาก!” ยืนตำแหน่งเยี่ยม ช่วยเซฟชีวิตช้างศึกจากปากเหวไม่รู้กี่รอบ กลายเป็นยิ่งเล่นเกาหลียิ่งท้อ กดดันตัวเอง เร่งเข้าทำจนขาดเกินไปหลายจังหวะ จะเห็นได้ว่าบ่อยครั้งที่บอลกระฉอกไปเข้าทางแถวสองบริเวณหัวกะโหลก กลับยิงนก ออกไปแบบไม่มีลุ้น (เราก็โล่งไปอีกกก)
- เป็นอีกครั้งที่ไทยเราแสดงให้เห็นถึงการเติบโตอีกขั้น จากที่แต่ก่อนถ้าโดนนำ ก็พร้อมจะเดินคอตกรับสภาพ กองเชียร์เราๆ แทบจะปิดไฟนอนได้ แต่วันนี้ทุกคนสุดยอดดด พากันสวมหัวจิตหัวใจนักสู้ เกือบจะหลับ ก็ยังกลับมาได้ และไม่ยอมธาตุไฟแตกโดนยิงง่ายๆ อีก
โดยเฉพาะช่วงท้ายเกมหรือช่วงสำคัญ ชอบตั้งแต่ก่อนเกมที่อิชิอิแสดงความพิถีพิถันในการเรียกตัวนักเตะ ที่คัดเฉพาะคนที่ตนรู้ในฝีเท้ามาก่อนและเคยเล่นเอเชียนคัพด้วยกันมา เข้าใจแท็คติคกันเป็นอย่างดี ซึ่งเจ้า “บุ๊ค เอกนิษฐ์” ที่ไม่ได้เล่นรายการนี้ และยังไม่ได้โอกาสเท่าไหร่นักในเจลีกก็ต้องปัดตกไปถูกแล้ว รวมถึงความใส่ใจที่เดินมาดูอาการอุ้มถึงเปล แม้เกมจะยังเดือดอยู่ ตรงนี้ก็ประทับใจผมมาก เชื่อว่าแฟนบอลไทยหลายๆ คนก็เห็นด้วย
อย่างน้อยสีหน้า แววตาของทัพนักเตะ
และสต๊าฟฟ์โค้ชโสมขาวก็แสดงให้เห็นว่า
ทีมชาติไทยเองก็พร้อมสู้ไม่ถอย
สร้างความลำบากใจ
ให้ยอดทีมระดับโลกแบบพวกเขาได้
ขอเพียงเรารวมใจกันฮึดสู้
“ดีใจที่วันนี้เรามีแต้มกลับไปให้แฟนบอลชาวไทยครับ
เป็นเกมที่เหนื่อย แฟนบอลเขาก็กดดันตลอด
แต่เราก็พยายามที่จะเล่นเกมของเราให้ได้
พยายามไม่เสียประตู มาเจอกันเยอะๆ
วันที่ 26 มีนานะครับ (เกมเหย้า)
หวังว่าจะเป็นแมตช์ที่เป็นไปตามเราหวังครับผม
ไว้ไปเจอกันครับ!”
แบงค์ ศุภณัฏฐ์
หวังเป็นอย่างยิ่งว่าในเกมนัดหน้า
ที่จะกลับมาเจอกันอีก
ทุกคนจะส่งเสียงเชียร์กึกก้องไปทั่วราชมังฯ
วันนี้มีความสุขได้อีกครั้ง
เมื่อรู้ว่าบอลไทยในสายเลือดเรายังมีแวว
ค่อยๆ กลับมาเข้าฟอร์มแล้ว
ขอบคุณทีมงานอิชิอิและทัพช้างศึกมากๆ ครับ
ภูมิใจจริงๆ ,,, 👏👏🇰🇷🇹🇭
โฆษณา