23 มี.ค. เวลา 03:00 • ธุรกิจ

MISTINE แบรนด์เครื่องสำอางไทย ที่ยอดขายในจีน เยอะกว่าที่ไทย

“มิสทิน มาแล้วค่ะ” คือประโยคที่คนไทยนึกถึงเมื่อพูดถึง แบรนด์เครื่องสำอาง MISTINE
แต่ถ้าไปถามคนจีน สิ่งที่ทำให้พวกเขานึกถึงแบรนด์นี้ คือ “ครีมกันแดดฝาสีเหลือง”
รู้หรือไม่ว่า แค่ยอดขายครีมกันแดดอย่างเดียวของ MISTINE ในจีน ก็มากกว่า 6,000 ล้านบาทต่อปีแล้ว.. ซึ่งนี่ยังไม่นับรวมผลิตภัณฑ์อื่น ๆ
เรื่องราวของ MISTINE ในจีน เป็นอย่างไร
ทำไมชาวจีน ถึงชื่นชอบครีมกันแดดของ MISTINE ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
จุดเริ่มต้นของ MISTINE เจ้าของสโลแกน “มิสทิน มาแล้วค่ะ” คือในปี 1988 ซึ่งถือเป็นธุรกิจขายตรงเครื่องสำอาง ที่ประสบความสำเร็จมากในยุคนั้น
แม้ว่าช่วงที่ผ่านมา ความนิยมของ MISTINE ในสายตาของคนไทย จะลดลงเรื่อย ๆ แต่ในเวลาเดียวกันนั้น MISTINE ก็ได้รับความนิยมในหมู่คนจีน มากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นเดียวกัน
คนจีนที่มาเที่ยวไทย พากันซื้อเครื่องสำอาง MISTINE กลับจีนไป เพราะมองว่าทั้งคุณภาพดี และราคาถูก
จนมีการนำสินค้า MISTINE ไปขายต่อที่จีนด้วย
1
อย่างในปี 2010 มีพ่อค้าแม่ค้านำสินค้า MISTINE ไปขายบนเว็บไซต์ Taobao จนมีมากกว่า 4,000 รายการ ทั้งมาสคารา, อายไลเนอร์, แป้ง และลิปสติก
กระทั่งในปี 2016 ทาง MISTINE เลยตัดสินใจเข้าไปทำตลาดในจีนเอง โดยร่วมทุนกับพันธมิตรของจีน จัดตั้งบริษัท Better Way Shenzhen ขึ้นมา เพื่อทำธุรกิจที่จีนโดยเฉพาะ
และออกสินค้าตัวแรกคือ ลิปบาล์มเปลี่ยนสี ตามมาด้วยสินค้าอื่น ๆ เช่น แป้งผสมรองพื้น ซึ่งได้รับความนิยมพอสมควร
แต่จุดเปลี่ยนจริง ๆ ของ MISTINE ในจีน เกิดขึ้นเมื่อปี 2018 ที่บริษัทออกสินค้าใหม่มา นั่นคือ “ครีมกันแดด ขวดสีฟ้า ฝาสีเหลือง”
ครีมกันแดด MISTINE ฮิตมากในหมู่คนจีน และไม่นานก็ขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้นำของตลาดได้
ทีนี้คำถามก็คือ ทำไมครีมกันแดดแบรนด์ไทยอย่าง MISTINE ถึงฮิตมากในจีนได้ ?
ต้องบอกก่อนว่า ครีมกันแดดในจีน มีเจ้าตลาดหลักเป็นแบรนด์ต่างประเทศอยู่แล้ว 2 ยี่ห้อ คือ Lancôme และ ANESSA
เริ่มจาก Lancôme แบรนด์ฝรั่งเศสในเครือ L'Oreal ที่เข้ามาทำตลาดในจีนเมื่อปี 1993
1
ครีมกันแดด Lancôme ถูกใจคนจีน เพราะซึมง่าย ติดทน คุณภาพกันแดดดีมาก โดยขนาด 30 มล. ขายในราคาประมาณ 2,600 บาท (มล. ละ 87 บาท)
ต่อมาในปี 2008 ครีมกันแดด ANESSA ของเครือ Shiseido จากญี่ปุ่น ก็เข้ามาทำตลาดในจีน โดยขนาด 60 มล. ขายในราคาประมาณ 1,000 บาท (มล. ละ 17 บาท)
ด้วยความที่ครีมกันแดด ANESSA มีคุณภาพดีไม่แพ้กัน แถมยังกันน้ำ กันเหงื่อได้ดี แล้วยังราคาถูกกว่าแบรนด์ยุโรปมาก
ทำให้ ANESSA กลายมาเป็นครีมกันแดดยอดขายอันดับ 1 ในจีน
จะเห็นว่า Lancôme อยู่ในกลุ่มครีมกันแดดราคาสูง ส่วน ANESSA คือราคากลาง ๆ ทำให้มีโอกาสของครีมกันแดดราคาย่อมเยาอยู่
ซึ่งครีมกันแดดฝาสีเหลืองของ MISTINE ที่เปิดตัวในปี 2018 ตอบโจทย์ตรงนี้พอดี
โดย MISTINE ขนาด 60 มล. ขายในราคาแค่ประมาณ 400 บาทเท่านั้น (มล. ละ 6.7 บาท) ถูกกว่าแบรนด์ฝั่งยุโรปและญี่ปุ่นมาก
แต่นอกจากเรื่องราคาแล้ว สิ่งสำคัญเวลาคนเลือกซื้อสกินแคร์ก็คือ “คุณภาพ” โดยเฉพาะครีมกันแดด ที่ต้องทั้งกันแดดได้ดี และซึมง่าย
4
ซึ่งภาพลักษณ์สินค้าไทย ในสายตาของคนจีน ถือว่าค่อนข้างดี เพราะคนจีนเชื่อมั่นว่า สินค้าไทยคุณภาพดี และคนจีนจำนวนไม่น้อย ชอบของที่ Made in Thailand
1
อีกอย่างคือ คนจีนมองว่า ประเทศไทยเป็นเมืองร้อน งั้นครีมกันแดดของไทย ก็ต้องกันแดดได้ดี และทนน้ำ ทนเหงื่อ
อย่างการทำวิดีโอโปรโมตใน Douyin (TikTok เวอร์ชันจีน) ยังทำเป็นวิดีโอสไตล์ไทย ๆ และถูกใจคนจีนมาก จนมียอดวิว 40 ล้านครั้งในวันเดียว
1
จะเห็นว่า MISTINE ตอบโจทย์คนจีน ทั้งในแง่ของคุณภาพและราคา เลยทำให้ครีมกันแดดฝาสีเหลืองของ MISTINE ฮิตมากที่จีน นั่นเอง
โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z ที่รายได้ยังไม่เยอะมาก เพิ่งเริ่มใช้สกินแคร์บำรุงผิว และมองว่า ครีมกันแดด คือสินค้าจำเป็นที่ต้องใช้ทุกวัน
หลังจากนั้น MISTINE ก็มีการพัฒนาสูตรครีมกันแดดอยู่เรื่อย ๆ เช่น การใส่ฟิลเตอร์กันแดดตัวใหม่ รวมถึงการออกสินค้าใหม่ ๆ เช่น ครีมกันแดดฝาสีฟ้า ที่ก็ฮิตในจีนเช่นกัน
ทีนี้เรามาดูส่วนแบ่งการตลาดครีมกันแดดในจีน ปี 2022
- อันดับ 1 ANESSA สัดส่วน 11.5%
- อันดับ 2 MISTINE สัดส่วน 6.6%
- อันดับ 3 Lancôme สัดส่วน 5.3%
จะเห็นว่า ตอนนี้ส่วนแบ่งการตลาดของ MISTINE เป็นรองแค่ ANESSA เท่านั้น
ซึ่งมูลค่าตลาดครีมกันแดดของจีนในปี 2022 อยู่ที่ 93,200 ล้านบาท
ถ้าลองคำนวณคร่าว ๆ แล้ว ยอดขายครีมกันแดดของ MISTINE จะอยู่ที่ประมาณ 6,150 ล้านบาท เลยทีเดียว
โดยครีมกันแดดของ MISTINE ทำยอดขายสูงสุดในแพลตฟอร์มออนไลน์ ทั้งใน Tmall และ Douyin
- ยอดขายครึ่งแรกของปี 2023 ใน Tmall อยู่ที่ 3,800 ล้านบาท สูงสุดในหมวดครีมกันแดด
- ยอดขายปี 2023 ใน Douyin อยู่ที่ 301 ล้านชิ้น สูงสุดในหมวดครีมกันแดด
โดย MISTINE ทำการตลาดอยู่เรื่อย ๆ และจ้างดาราดังหลายคนมาเป็นพรีเซนเตอร์ครีมกันแดด
ล่าสุดก็คือ “จ้าวลู่ซือ” นักแสดงซีรีส์จีน ที่เรียกได้ว่าเป็นตัวท็อปของวงการบันเทิงจีน มาเป็นพรีเซนเตอร์ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดฝาสีเหลืองด้วย
นอกจากครีมกันแดดแล้ว MISTINE ก็ยังมีสินค้าตัวอื่นที่คนจีนนิยมใช้เช่นเดียวกัน
ตัวอย่างคือ คุชชัน ที่ตอนแรกขายแค่ในประเทศจีน แล้วฮิตมาก จนคนไทยบอกให้นำมาขายที่ไทยบ้าง
จุดเด่นของคุชชัน MISTINE ตัวนี้คือ เป็นคุชชันที่ทาแล้วผิวดูฉ่ำ สุขภาพดี แบบคุชชันเกาหลี แถมติดทนมาก ๆ ตามแบบฉบับเครื่องสำอางไทยนั่นเอง
ตรงนี้เลยตอบโจทย์คนจีน ที่สภาพอากาศมีทั้งหนาวจัดและร้อนจัด เลยชอบเครื่องสำอางที่ติดทนในทุกสภาพอากาศ
นั่นทำให้รายได้รวม ปี 2022 ของ MISTINE ในจีน ทะลุ 10,000 ล้านบาท แล้ว ตามเป้าที่บริษัทเคยวางไว้
ในขณะที่รายได้ของ MISTINE ในประเทศไทย ภายใต้ บริษัท เบทเตอร์เวย์ (ประเทศไทย) จำกัด
- ปี 2021 มีรายได้ 5,107 ล้านบาท กำไร 167 ล้านบาท
- ปี 2022 มีรายได้ 4,229 ล้านบาท กำไร 126 ล้านบาท
หรือก็คือ แค่เฉพาะรายได้จากการขายครีมกันแดดของ MISTINE ในจีน ก็มากกว่ารายได้ทั้งหมดของ MISTINE ในไทย เสียอีก..
โฆษณา