23 มี.ค. เวลา 14:08 • หุ้น & เศรษฐกิจ

แนะนำการสร้างพอร์ตลงทุนอย่างยั่งยืน

.
ก่อนหน้า บางคนนี้กำไรกันหลักหลายร้อย หลายพันเปอร์เซ็นต์
หลายคนรู้สึกชีวิตเปลี่ยน หลายคนกำลังภูมิใจกับผลงานที่ทำได้ รู้สึกว่าตนเองนั้นมีความสามารถในการลงทุน
หารู้ไม่ว่าตลาดขาขึ้นที่รุนแรงนั้น
มักสร้างความเข้าใจและความเชื่อมั่นให้นักลงทุนอย่างผิด ๆ
ประกอบกับความสามารถในการบริหารและกระจายความเสี่ยงที่ไม่ดี
เราจึงเห็นว่าการพลาดแค่ครั้งเดียว แล้วชีวิตของคุณจะเปลี่ยนไปนั้น ได้เปลี่ยนจริง ๆ (พอร์ตแตก)
สิ่งที่เหนือไปกว่าการมองเห็น Upside
หรือความน่าจะเป็นของราคาทรัพย์สินที่จะเพิ่มในอนาคต
นั้นคือการเห็นความเสี่ยง Downside ของทรัพย์สินที่ตัวเองถืออยู่ รวมถึงมีแผนการรองรับและทำตามแผนการที่วางไว้ (ทำล่วงหน้า) กรณีที่สิ่งต่าง ๆ ไม่เป็นตามที่คิด
หากคุณอยากเกษียณ มีเงินใช้ตอนแก่
แผนการเทรดแบบ ไม่รวยก็..…ไปเลย แบบที่หลาย ๆ คนใช้กันตอนนี้ อาจจะไม่พาเราไปถึงฝั่งฝันได้
.
แล้วเราจะทำยังไงหละ ?
เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้น
เราลองสมมุติว่า เราไม่มีเงินต้นเลยแม้แต่บาทเดียว
และเรามีเงินลงทุนเพิ่มทุกเดือน แค่เดือนละ 2,000 บาท
เป็นเวลา 30 ปีต่อจากนี้ ทั้งนี้ แม้เราไม่ได้มีความสามารถโดดเด่นอะไรเท่าไหร่
สามารถทำ return ได้ราว ๆ +12% ต่อปี (ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยของตลาดหุ้น)
เงินต้นที่เราเก็บได้ตลอด 30 ปี คือ 720,000 บาท
แต่ทรัพย์สินของเราจะมีมูลค่า 5,791,984 หรือเติบโตราว ๆ 8เท่า จากการลงทุน!
(พลังของการทบต้น)
อันนี้ยกตัวอย่างโดยให้เห็นว่า แม้จะใช้เงินจำนวนน้อย ก็เพียงพอให้หลายท่านเกษียณได้
ดังนั้นโดยธรรมชาติของสินทรัพย์ที่ดีมักจะเติบโตให้เราอยู่แล้ว
ถ้าเราอยู่รอให้มันเติบโตได้ โดยการอยู่รอดในตลาดให้นานพอ
สิ่งที่สำคัญมากกว่ารวยเร็ว จึงเป็นรวยนาน !
.
ไม่ว่าคุณจะเป็นเทรดเดอร์ หรือนักลงทุน ไม่ว่าจะใช้กลยุทธ์แบบไหนในการทำกำไร
ก็หนีไม่พ้นข้อนี้ เช่นเดียวกับที่เราเห็นมืออาชีพในตลาดหุ้นที่รอดในตลาดอย่างยาวนาน จะไม่ได้มุ่งมั่นที่จะสร้างผลตอบแทนเป็นหมื่นเป็นแสนเปอร์เซ็นต์ แต่พวกเขามุ่งมั่นที่จะอยู่ในตลาดให้นานที่สุดเพื่อให้พอร์ตลงทุนของเขาเติบโตอย่างยั่งยืน
เราจึงขอแนะนำ 4 ข้อเบื้องต้น ที่จะช่วยในการให้คุณอยู่รอดและเติบโตในตลาดได้อย่างยั่งยืนในตลาดได้
#หลีกเลี่ยงการรับความเสี่ยงที่เกินควร #ไม่จำเป็นหรือไม่คุ้มค่า
หลีกเลี่ยงลงทุนหรือเทรดในสินทรัพย์ที่ตามกระแส หุ้นปั่น เหรียญปั่น สินทรัพย์ที่มีราคาสูงเกินจริง หรืออาจมีมูลค่าเป็นศูนย์ได้ รวมถึงในสภาวะที่ความไม่แน่นอนสูงจน take action ไม่ถูก การอยู่เฉย ๆ ดูจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
=====
#การเข้าใจและยอมรับในความเสี่ยงของทรัพย์สินแต่ละชนิดรวมถึงโอกาสในการขาดทุนเสมอ
การลงทุนมีความเสี่ยงเสมอ และเราไม่สามารถควบคุมทิศทางตลาดได้ แต่เราสามารถที่จะเข้าใจธรรมชาติของการลงทุน
รู้ limit ของตัวเองว่ารับความเสี่ยงได้มากขนาดไหน และไม่ลงทุนมากเกินความเสี่ยงที่รับได้
เลี่ยงการ All-in ไม่ว่าจะมั่นใจขนาดไหนก็ตาม
รวมถึงการ ใช้ Leverage ที่สูงเกินรับได้
ซึ่งการใช้ Leverage เหมือนการขับรถไว
ขับรถไวได้ ทำให้ถึงที่หมายไวขึ้น แต่ไม่ใช่ขับไวตลอด ต้องรู้ว่าเราคุมอยู่ที่ระดับไหน ตรงไหนควรเบา ควรเร่ง
นอกจากนี้ยังควรศึกษาอดีตว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ ขึ้น สินทรัพย์ไหนได้ประโยชน์ เสียประโยชน์ การรู้ธรรมชาติของตลาด จะช่วยให้เรา take action ได้ว่าควรปรับพอร์ตลงทุนยังไง
=====
#บริหารความเสี่ยงไม่ให้โดยผลกระทบโดยตรงจากทุกเหตุการณ์ที่อาจจะเกิด
บริหารพอร์ตให้ความเสี่ยงที่เข้ามาไม่กระทบพอร์ตของเราโดยตรง และไม่กระจุกตัวอยู่ที่ส่วนไหนมากเกินไป
ทั้งการกระจายชนิดทรัพย์สินที่ลงทุนมากกว่า 1 ชนิด เช่น หุ้น ทอง คริปโต สินค้าโภคภัณฑ์ อสังหา บอนด์
รวมถึงใน 1 ทรัพย์สินที่ลงทุนควรกระจายลงไปหลายชนิดด้วย
เช่น หุ้นเล็กกับหุ้นใหญ่ - Alt Coin กับ BTC
และหากทำได้ดีกว่านั้นคือควรปรับให้แต่ละทรัพย์สิน
มีความเสี่ยงที่สัมพันธ์กันน้อยลง เช่น หากลงทุนในหุ้นโรงแรม และหุ้นสปา
แม้ทั้ง 2 จะเป็นหุ้นคนละอุตสาหกรรมกัน แต่ทั้งคู่มีความเสี่ยงจากการพึ่งพาเม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวเช่นเดียวกัน
แบบนี้ หากเม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวหายไปก็จะทำให้ส่งผลกับพอร์ตของเรามากขึ้น
=====
#ลดความเสี่ยง
การมีเงินสดสำรองเอาไว้เสมอ
กระจายจุดเข้าซื้อ ประเมินหามูลค่าพื้นฐานที่เหมาะสมของสินทรัพย์ด้วยหลาย ๆ วิธี (สำหรับสาย Fundamental)
ปรับความเสี่ยงในแต่ละทรัพย์สินที่ลงทุนให้เหมาะสมตามความผันผวน (volatility) ทรัพย์สินไหนผันผวนมากก็อาจจะถือเป็น position ที่เล็กลง
Hedge ทรัพย์สินด้วยสินค้าที่ความสัมพันธ์ตรงกันข้าม เช่น Inverse ETF, Future, Option เพื่อเป็นการป้องกัน downside ที่อาจเกิดขึ้นเสมอ (แต่ต้องติดตามพอร์ตสม่ำเสมอเช่นกัน )
=====
หากนึกภาพไม่ออกลองศึกษานักลงทุนหรือเทรดเดอร์ที่เราสนใจว่าแต่ละท่านมีการบริหารความเสี่ยงในแต่ละช่วงเวลาอย่างไร และประยุกต์นำมาใช้ ก็จะสามารถลดเวลาในการศึกษาเองได้
.
หวังว่าโพสต์นี้จะเป็นประโยชน์กับทุกท่านไม่มากก็น้อย ขอให้ทุกท่านเติบโตในโลกลงทุนอย่างมั่งคั่งและมั่นคงครับ
.
BottomLiner
#บทสรุปการลงทุน #mindset #วิธีเอาตัวรอดในการลงทุน #สร้างพอร์ตลงทุนให้แข็งแรง
โฆษณา