24 มี.ค. เวลา 22:55 • ท่องเที่ยว

ตะลอนทริป จาก ฉงชิ่ง ถึง อู๋ฮั่น ..

ฉงชิ่ง (Chong Quing) มหานครแห่งประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของจีน
เมืองฉงชิ่ง หรือ จุงกิง ( 重庆市) เมืองฉงชิ่ง หรือที่เรียกกันในอดีตว่า “จุงกิง (Chungking)” เป็นนครที่ตั้งอยู่ภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีน
.. เป็น 1 ใน 4 นครที่อยู่ภายใต้การบริหารโดยตรงของรัฐบาลกลาง เช่นเดียวกับปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และเทียนจิน แต่เป็นเทศบาลนครเพียงแห่งเดียวที่ไม่ได้ตั้งอยู่ริมชายฝั่งทะเล
คำย่ออย่างเป็นทางการของนครฉงชิ่ง คือ "ยฺหวี" (渝; Yú) ได้รับการอนุมัติโดยสภารัฐกิจสาธารณรัฐประชาชนจีนเมื่อวันที่ 18 เมษายน ค.ศ. 1997 มีที่มาจากชื่อเก่าของส่วนหนึ่งของแม่น้ำเจียหลิง ที่ไหลผ่านฉงชิ่งและไปบรรจบกับแม่น้ำแยงซี
ฉงชิ่งเคยเป็นนครปกครองโดยตรงในสมัยที่จีนเป็นสาธารณรัฐจีน โดยใช้เป็นเมืองหลวงในช่วงสงครามจีน–ญี่ปุ่นครั้งที่สอง (ค.ศ. 1937–1945)
นครปกครองโดยตรงฉงชิ่งได้จัดตั้งขึ้นใหม่เมื่อวันที่ 14 มีนาคม ค.ศ. 1997 เพื่อเป็นการช่วยพัฒนาตอนกลางและตะวันตกของจีน นครฉงชิ่งมีประชากรกว่า 30 ล้านคน มีพื้นที่ขนาดประมาณประเทศออสเตรีย
เมืองฉงชิ่งนั้นเป็นมหานครที่ใหญ่ที่สุดทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีน .. ถือเป็นเมืองศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ ศูนย์การผลิต และศูนย์กลางการขนส่ง ในบริเวณตอนบนของแม่น้ำแยงซีเกียง เป็นหนึ่งในเขตอุตสาหกรรมเก่าแก่ของประเทศ
.. เป็นศูนย์กลางการผลิตและศูนย์กลางการขนส่ง อีกทั้งยังเป็นแหล่งสินแร่ที่สำคัญโดยมีแร่ Strontium มากเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ และเป็นอันดับสองของโลก .. เป็น 1 ใน 13 มหานครเกิดใหม่ของจีน
ฉงชิ่งมีประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่โดดเด่น ด้วยภูมิหลังประวัติศาสตร์ที่เคยเป็นเมืองหลวงของจีนในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 เคยเป็นศูนย์กลางการทหารและการปกครองของจีนในอดีต
.. ย้อนไปในสมัยราชวงศ์ชิงที่เริ่มมีการเปิดประเทศ ด้วยที่ตั้งของเมืองที่อยู่ริมแม่น้ำแยงซีเกียง ทำให้เมืองแห่งนี้ได้กลายเป็นเมืองท่าแห่งแรกที่เปิดให้กับชาวตะวันตกเข้ามาค้าขาย
.. ทำให้บริเวณตัวเมืองมีความเจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นเมืองใหญ่ของมณฑลเสฉวน
ต่อมาในปี ค.ศ. 1937 ประเทศจีนได้ถูกกองทัพญี่ปุ่นรุกราน จึงได้ย้ายเมืองหลวงจากเมืองหนานจิงมาที่เมืองฉงชิ่งชั่วคราว
.. ซึ่งการได้เป็นเมืองหลวงนี้เองทำให้เมืองฉงชิ่งได้กลายเป็นเมืองแห่งอุตสาหกรรม การค้าขาย และการศึกษานับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
.. จนถึงในปี ค.ศ. 2010 เมืองฉงชิ่งก็ได้ถูกยกระดับให้เป็นเมืองระดับประเทศ เช่นเดียวกับปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และเทียนจิน
View from Eling Park : Chong Quing
View from Eling Park : Chong Quing
ฉงชิ่งเป็นเมืองที่แม่น้ำ 2 สายคือ “แม่น้ำแยงซีเกียง” และ “แม่น้ำเจียหลิง” ที่ไหลมาจาก “จิ่วจ้ายโกว” มารวมกันที่นี่ ... แผ่นดินที่อยู่ระหว่างแม่น้ำ 2 สายก่อนที่จะบรรจบกันก็คือตัวเมืองฉงชิ่งนั่นเอง
ทั้งแม่น้ำแยงซีและเจียหลิงบริเวณนี้เป็นแม่น้ำที่กว้างมาก ตลิ่งสูง แต่กลับมีน้ำน้อย .. บางฤดูกาลคงมีน้ำมากหรือถึงกับท่วมตลิ่งเป็นครั้งคราว ทำความเสียหายให้บ้านเมืองริมตลิ่งมากมาย
ฉงชิ่งในช่วงเวลาของจีนยุคใหม่.. ฉงชิ่ง ได้รับการพัฒนาให้เป็นเมืองศูนย์กลางการเมือง การปกครอง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม ในพื้นที่ทางตะวันเฉียงใต้ของประเทศ ถือเป็นเมืองเศรษฐกิจสำคัญในภูมิภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน
นครฉงชิ่งได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งภูเขาและสายน้ำ โอบล้อมด้วยแม่น้ำแยงซีเกียงและแม่น้ำเจียหลิง .. มีแหล่งท่องเที่ยวมรดกโลก 2 แห่ง แหล่งน้ำพุร้อนระดับโลก ภูเขาที่สูงชันและหุบเขาลึก ถ้ำใหญ่และวิถีชีวิตหมู่บ้านโบราณ อาหารรสเลิศ ทิวทัศน์ของสายน้ำและขุนเขาที่งดงาม
ฉงชิ่ง เป็นเมืองที่มีสาวงามมากที่สุดในโลก มีถนนยกระดับที่สลับซับซ้อนที่สุดในโลก จนระบบนำทางสับสน มีรถไฟวิ่งทะลุตึก มีถนนบนหลังคาตึก มีสถานีรถไฟความเร็วสูงมากมาย
.. และมีสถานีใต้ดินที่ลึกที่สุดในโลก ชื่อสถานีหงเหยียนชุนจ้าน (红岩村站) ลึกเท่ากับตึก 39 ชั้น ใช้เวลาเดินทางไปถึงจุดขึ้นรถต้องใช้เวลาถึง 10 นาที มีสะพานขนาดต่างๆรูปแบบต่างๆกว่า 14,000 แห่ง
ผาหินแกะสลักต้าจู๋
อุทยานหลุมฟ้า ประตูสวรรค์
.. มีธรรมชาติที่สุดแปลกประหลาด ทั้งภูเขาแปลกๆ เขาทะลุและถ้ำที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก ฟูหรงต้ง (芙蓉洞) และหน้าผาที่สวยงาม โดยเฉพาะในเวลากลางคืนจะคล้ายมาก หนุ่มๆสาวๆจึงชอบมาถ่ายรูปกัน
แม่น้ำฉางเจียงช่วงเมืองฉงชิ่งยังเป็นที่ตั้งของเขื่อน 3 ผา หรือซานเซี้ยะต้าป้า (三峡大坝) อันโด่งดังด้วย ฉงชิ่งยังมีหน้าผาที่แกะสลักเป็นพระพุทธรูปโม๋หยาสือเคอ (魔崕石刻) และพระพุทธรูปต้าจู๋สือเคอ (大足石刻) เวลาสร้างถนน เจอน้ำขวางจะสร้างสะพาน เจอเขาขวางจะเจาะเขา ชาวฉงชิ่งไม่เคยกลัวอุปสรรค
เราจะค่อยๆพาไปชมทีละสถานที่อย่างละเอียดในตอนต่อๆไปนะคะ
Photo : Internet
“ฉงชิ่ง”เมืองหญิงงาม
สุดยอดสาวงามทั้ง 4 สาวงามอมตะแห่งแผ่นดินจีนในอดีต
ไซซี .. เป็นหญิงงามในสมัยชุนชิว(770 ปี- 453 ปี ก่อนคริสตกาล) เธอได้รับฉายาที่ “อ.ถาวร สิกขโกศล” ผู้เชี่ยวชาญด้านจีน แปลความในภาคภาษาไทยว่า “มัจฉาจมวารี” ซึ่งหมายถึง “ความงามที่ทำให้แม้แต่ฝูงปลายังต้องจมลงสู่ใต้น้ำ” ส่วน อ.สุขสันต์ วิเวกเมธากร ผู้เชี่ยวชาญด้านจีนอีกท่านหนึ่งของเมืองไทย ให้ฉายาไซซีว่า “งามโฉม บรรโลมโสมสวาท”
หวางเจาจวิน .. เป็นหญิงงามในสมัยฮั่นตะวันตก(202 ปีก่อนคริสต์ศักราช - ค.ศ. 8) ได้รับฉายา(แปลโดย อ.ถาวร) ว่า “ปักษีตกนภา” อันหมายถึง “ความงามที่ทำให้แม้แต่ฝูงนกยังต้องร่วงหล่นจากท้องฟ้า” ส่วน อ. สุขสันต์ ให้ฉายาความงามของเธอว่า “งามพราก จากแผ่นดินผูกพัน
Photo : Internet
เตียวเสี้ยน .. เป็นหญิงงามในยุคสามก๊ก(ปลายสมัยฮั่นตะวันออก : ค.ศ. 220 - 280) ได้รับฉายา(แปลโดย อ.ถาวร) ว่า “จันทร์หลบโฉมสุดา” หรือที่หมายถึง “ความงามที่ทำให้แม้แต่ดวงจันทร์ยังต้องหลบเลี่ยงให้” ส่วน อ.สุขสันต์ ให้ฉายาเธอว่า “งามฆาต ขาดคุณธรรมทำอาสัญ”
หยางกุ้ยเฟย .. เป็นหญิงงามในสมัยถัง (พ.ศ. 1161-1450) ) ได้รับฉายา(แปลโดย อ.ถาวร) ว่า “มวลผกาละอายนาง” ซึ่งหมายถึง “ความงามที่ทำให้แม้แต่มวลหมู่ดอกไม้ยังต้องละอาย” ส่วน อ.สุขสันต์ ให้ฉายาเธอว่า “งามสั่น สะท้านเขตเภทภัยเมือง”
Photo : Internet
ไม่มีใครเคยเห็นวงพักตร์รูปโฉมโนมพรรณของพวกนาง .. แต่ภาพของนางได้ถูกถ่ายนำเสนอผ่านจินตนาการเป็นภาพวาดในสไตล์จีน ที่ตามเมืองท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะมีภาพพิมพ์ 4 หญิงงามที่พิมพ์มาจากภาพวาดอีกที .. ภาพพวกนี้หากใครถูกใจก็สามารถซื้อหาเป็นที่ระลึกกันได้
นั่นเป็นตำนานของ 4 สาวงามอมตะแห่งแผ่นดินจีนในอดีต ซึ่งบางเมืองที่เป็นถิ่นกำเนิด ถิ่นอาศัยของหญิงงามเหล่านั้น ก็จะชูเรื่องราวของพวกเธอมาเป็นหนึ่งในจุดขายทางการท่องเที่ยว อย่างที่เมืองซีอาน มณฑลส่านซี ที่มี อนุสาวรีย์หยางกุ้ยเฟย เป็นหนึ่งในจุดท่องเที่ยวดังของเมือง
“ปมด้อย” ของ 4 ยอดหญิงงาม ในตำนานจีน : ไซซี-หวางเจาจิน-เตียวเสียน-หยางกุ้ยเฟย
Photo : Internet
จากเรื่องราวของ 4 สุดยอดสาวงามมาถึงเรื่องของเมืองสาวงามในแผ่นดินจีนกันบ้าง
สมัยก่อนคนจีนเขายกให้หางโจวกับซูโจว เป็นเมืองแห่งหญิงงาม แต่เดี๋ยวนี้หากพูดถึงเมืองแห่งหญิงงาม ทอดตาทั้งแผ่นดินจีนจนตาไหม้เกรียมคงหนีไม่พ้นเมือง “ฉงชิ่ง” ซึ่งจากการสำรวจของสื่อจีนเมื่อไม่นานมานี้ได้เผยข้อสรุปถึงเมืองที่มีสาวงามมากที่สุด 3 อันดับแรก
อันดับ 3 คือ เมืองฉางซา(มณฑลหูหนัน) อันดับ 2 เมืองเฉิงตู(มณฑลเสฉวน) และอันดับ 1 คือ ฉงชิ่ง
ฉงชิ่ง นอกจากจะเป็นเมืองสำคัญแห่งดินแดนตะวันตกเฉียงใต้ในหลากหลายด้านแล้ว เมืองนี้จึงได้ชื่อว่าเป็น “ดินแดนแห่งสาวงาม” หรือที่คนไทยมักเรียกให้คล้องจองกันว่า “ฉงชิ่งเมืองหญิงงาม”
ว่ากันว่า .. ข้อเท็จจริงถึงความเป็นดินแดนสาวงามมีอยู่ว่า
“ฉงชิ่งเป็นเมืองในหุบเขา มีเมฆหมอกปกคลุมตลอดทั้งปี ปริมาณที่แสงแดดส่องลงมากระทบผิวกายจึงค่อนข้างน้อย สาวๆที่นี่จึงมีผิวพรรณดี นอกจากนี้เมืองฉงชิ่งยังมีลักษณะขึ้นๆลงๆ ตามสภาพภูมิประเทศที่เป็นหุบเขา มีทางเดินขึ้นๆลงๆ ผู้หญิงที่นี่ถึงหุ่นดี”
.. นอกจากนี้การนิยมกินอาหารที่มีรสเผ็ดร้อนก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่ง เพราะอาหารพวกนี้จะช่วยขับเหงื่อขัยไขมันออกทำให้ไม่อ้วน .
ส่วนเรื่องของหน้าตานั้นมาจากพันธุกรรมของคนในภูมิภาคแถบนี้ จะเห็นได้ว่าเมืองเฉิงตูที่คว้าตำแหน่งเมืองสาวงามอันดับสองที่ตั้งอยู่ใกล้ๆกันกับฉงชิ่งนั้นก็มีองค์ประกอบคล้ายๆกัน เพียงแต่ว่าเมื่อฉงชิ่งเขาล้ำหน้ากว่าเรื่องความทันสมัย สาวๆที่นี่จึงมีโอกาสเข้าถึงเครื่องสำอางค์ เครื่องประทินโฉม หรืออุปกรณ์เสริมความงามต่างๆ ที่เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยของผู้หญิงยุคใหม่ให้สาวๆเมืองฉงชิ่งจำนวนมากดูสวยงามสมคำร่ำลือ
โฆษณา