25 มี.ค. เวลา 11:13 • ท่องเที่ยว

Impression Wulong .. การแสดงสุดอลังการบนเวทีกลางแจ้งขนาดใหญ่

Impression Wulong .. การแสดงสุดอลังการที่พลาดไม่ได้
นอกจากทิวทัศน์ธรรมชาติอันงดงามในเมืองอู่หลงแล้ว .. โลกที่สวยงามแห่งนี้ยังนำเสนอการแสดงสดขนาดใหญ่สำหรับนักท่องเที่ยวอีกด้วย
การแสดงความยาว 70 นาทีพยายามแสดงให้ผู้ชมทุกคนเห็นถึงประเพณีท้องถิ่นและวิถีชีวิตอันเป็นเอกลักษณ์ของพื้นที่นี้ โดยมีหุบเขาธรรมชาติ ต้นไม้ ภูเขาในแหล่งมรดกโลกแห่งนี้เป็นฉากหลัง
รายการนี้กำกับโดยผู้กำกับชื่อดัง Yimou Zhang ซึ่งเป็นหัวหน้าผู้อำนวยการพิธีเปิดและปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่กรุงปักกิ่งครั้งที่ 28 เมื่อปี 2551
Yimou Zhang ได้สร้าง Impression Shows 7 รายการ และ Impression Wulong Show เป็นรายการที่ 5 หากคุณไม่เคยเพลิดเพลินกับผลงานชิ้นเอกอันน่าประทับใจอื่นๆ มาก่อน ขอให้ใช้โอกาสนี้เมื่อมาเยือนอู่หลง
เมื่อเดินทางมาถึงเมืองอวู่หลง .. สิ่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวได้รับการแนะนำให้ทำ คือ การไปชมการแสดง Impression Wulong
… ซึ่งผู้กำกับ ได้นำประวัติ ประเพณีและวิถีชีวิตดั้งเดิมของคนในฉงชิ่งมาเรียบเรียง กลั่นกรองออกมาเป็นเรื่องเล่า และนำเสนอผ่านการแสดงประกอบแสง สี แสง อันวิจิตรในหุบเขา
ลานกว้าง และซุ้มประตูทางเข้าที่เจาะลอดภูเขาทั้งลูก
ระหว่างทางมีการฉายสไลด์ … ภาพของคนลากเรือ อาชีพดั้งเดิมของชายในฉงชิ่งที่สืบทอดกันมาจากปู่ มาถึงพ่อ และลูกชาย .. รุ่นต่อรุ่น
อาจจะมีคำถามว่า คนลากเรือจึงเปลือยร่างกายล่อนจ้อน .. เหตุผลคือ เสื้อผ้าอาจจะก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิต และทำให้เกิดความล่าช้า เมื่อเสื้อผ้าเข้าไปพันกับเชือกที่ใช้ลากเรือ
เพื่อให้การลากเรือทำได้อย่างสอดคล้อง … มีการใส่ทำนองเพลงเป็นจังหวะเข้าไปในการสื่อสารระหว่างกลุ่มคนลากเรือ แทนการตระโกนบอกกันตามปกติ
… เพลงเหล่านี้หายไปทั้งหมดแล้วจากการที่อาชีพนี้หมดไปตามกระแสโลกาภิวัติ การเข้ามาของเรือเครื่อง และการสร้างเขื่อนยักษ์ “เขื่อนสามผา” ซี่งเป็นเขื่อนที่ใหญ่ที่สุดในโลกในปัจจุบัน
ปัจจุบันระดับน้ำสูงกว่าก่อนสร้างเขื่อนราว 100 เมตร .. ลบรอยเท้าบนผาหินที่สึกกร่อนจากการย่ำผ่านของคนลากเรือมานานหลายศตวรรษ
บางครั้งการลากเรือจะผ่านหมู่บ้านบางแห่ง .. กลุ่มชายลากเรือเปลือยต้องตะโกนดังๆเป็นสัญญาณให้ผู้คน(สาวๆ) รู้ว่า “คนลากเรือมาแล้วววววว”
เวทีการแสดงและอัฐจรรย์ที่นั่งของผู้ชมตั้งอยู่ในหุบเขา .. การแสดงดำเนินเรื่องผ่านการบอกเล่าของชายชราในภาษาฉงชิ่ง โดยมีหนุ่มอีกคนแปลเป็นภาษาจีนกลาง
องค์แรก : เป็นการบอกเล่าถึงอาชีพการหาบสิ่งของ ..
อันเกิดจากพื้นที่ส่วนใหญ่รายล้อมด้วยภูเขาสูง การเดินทางลำบาก และยิ่งลำบากมากขึ้นเมื่อมีสิ่งของที่ต้องนำไปด้วย
องค์ที่สอง : หม้อไฟฉงชิ่ง … อาหารประเภทหม้อไฟ ที่ได้ชื่อว่าอร่อยที่สุดในประเทศจีน เกิดจากวิถีชีวิตของคนลากเรือเช่นกัน
คนลากเรื่อชาวจีนในสมัยโบราณมีชีวิตที่แร้นแค้นยากจนมาก อาหารการกินก็ไม่ค่อยจะมีในช่วงที่ต้องระพกระเหินลากเรือผ่านที่ต่างๆ .. พวกเขาได้เก็นเศษเครื่องในสัตว์ที่ชาวมุสลิมโยนทิ้ง แล้วนำมาต้มใส่เศษผักที่พอจะหาได้เพิ่มเติม เพื่อให้ได้ปริมาณเพิ่มขึ้น
ต่อมาได้ใส่พริกและเครื่องเทศต่างๆลงไป เพิ่มเติมให้รสชาติดีขึ้น .. น้ำซุปที่เหลือก็เก็บไว้ และใส่เนื้อ เครื่องใน ผัก และเครื่องเทศเข้าไปในครั้งต่อๆมา … พวกเขาพบว่ายิ่งใช้น้ำซุปที่เหลือหลายครั้งเท่าใด ก็ยิ่งทำให้รสชาติของหม้อไฟอร่อยมากยิ่งขึ้นเท่านั้น
ในปัจจุบันยังม้านหม้อไฟที่ดำเนินวิธีการดั้งเดิมอยู่ ด้วยการเก็บน้ำซุปที่เหลือรวมๆอาไว้เป็นน้ำเชื้อ และนำไปให้ลูกค้ารับประทานต่อ .. ลูกค้าบอกว่าอร่อยที่สุด หากจะไปรับประทานต้องรอคิวยาวเป็นกิโลทุกวัน .. ไม่น่าเชื่อใช่มั๊ยคะ?
องค์ที่สาม : อาชีพหามเกี้ยว
ฉงชิ่งมีภูมิประเทศที่ล้อมรอบ และเต็มไปด้วยภูเขา … อาชีพหามเกี้ยวจึงเกิดขึ้น และเป็นวิถีชีวิตของคนที่นี่ แม้ในเวลาปัจจุบัน
องค์ที่สี่ : ผู้หญิงฉงชิ่ง หญิงที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก
ว่ากันว่า ผู้หญิงฉงชิ่งจะร้องไห้แค่ครั้งเดียวในชีวิต … ไม่บอกกคงเดากันไม่ถูก .. คือตอนที่เธอจะแต่งงาน
การแสดงเป็นการคุยกันระหว่างแม่กับลูกสาวที่กำลังจะแต่งงานออกเรือน เจ้าบ่าวก็คือคนลากเรือนั่นเอง …
ผู้เป็นแม่จะบอกกับลูกสาวว่า ชีวิตของคนลากเรือนั้นนอกจากจะยากจนแล้ว ยังต้องเสี่ยงอันตรายอยู่ทุกวัน เมื่อแต่งงานไปแล้วลูกจะต้องอดทน ช่วยทำงานทุกอย่างที่ทำได้ ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับสามี .. อย่าคิดว่าทนไม่ได้ ชีวิตต้องดำเนินไป ให้อดทน
หากลูกจะร้องไห้ ขอให้ร้องให้พอใจในวันนี้ .. เมื่อก้าวออกจากบ้าน อย่ากลับมาหาพ่อแม่เพราะทนชีวิตยากลำบากไม่ได้ เจ้าจะไม่ได้รับการต้อนรับ ..
องค์ที่ห้า (องค์สุดท้าย): ชีวิตคนลากเรือ
 
แม่น้ำแยงซีเกียง เป็นแม่น้ำสายยาวอันดับสองของโลก และได้ชื่อว่าโหดร้าย ด้วยความรุนแรงของสายน้ำจนก่อให้เกิดอันตรายและความสูญเสียทรัพย์สินและชีวิตมากมายอยู่เนืองๆ
อย่างไรก็ตามชีวิตของผู้คนทั้งเมืองยังผูกพันอยู่กับสายน้ำ ทั้งการใช้ดื่มกิน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการขนส่งสินค้าสำคัญๆ ..อันก่อให้เกิดอาชีพอีกอาชีพหนีง คือ อาชีพคนลากเรือที่อยู่คู่กับฉงชิ่งมาตั้งแต่โบราณ จนกระทั่งการเข้ามาถึงของเรือเครื่องและเขื่อนสามผา
ปัจจุบันระดับน้ำในเขื่อนสามผาสูงกว่าเดิมราว 100 เมตร กลบรอยเท้าที่เคยประทับอยู่บนแผ่นดินจนสึกกร่อน ไม่เหลือร่องรอยให้เห็น … อดีตที่สูญสิ้นไปตลอดกาล ไม่มีวันหวนกลับมาเหมือนเดิม
เพลงชาวเรือที่ใช้ในการลากเรือให้พร้อมเพรียง ปัจจุบันได้เลือนหายไป แต่เพลงเหล่านี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกประเภทที่ไม่มีตัวตน
โฆษณา