26 มี.ค. เวลา 17:15 • กีฬา

EP.27 มาร์ค ฟิช - แอฟริกาใต้ชาติพันธุ์คอเคซอยด์

- ประเทศแอฟริกาใต้ถือว่าเป็นหนึ่งในประเทศร่ำรวยของทวีปแอฟริกาและเคยเป็นชาติที่ได้เป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกเมื่อปี 2010 โดยแอฟริกาใต้ถือว่าเป็นประเทศที่มีทรัพยากรล้ำค่ามากมายนั่นจึงทำให้เป็นที่หมายปองของบรรดาผู้คนจากยุโรปที่อยากจะมาแสวงหาทรัพยากรในดินแดนทางตอนใต้ของกาฬทวีปแห่งนี้
- แม้ว่าหลายประเทศในทวีปแอฟริกาจะมีประชากรส่วนใหญ่เป็นคนผิวดำหรือพวกเผ่าพันธุ์นิกรอยด์ แต่สำหรับแอฟริกาใต้พวกเขามีประชากรที่มีทั้งคนผิวดำและผิวขาว แม้ตามหลักความเป็นจริงประชากรส่วนใหญ่ของแอฟริกาใต้คือคนผิวดำ แต่ในยุคสมัยอดีตอำนาจและการบริหารประเทศตกอยู่ภายใต้การปกครองของคนผิวขาวซึ่งเป็นพลเมืองส่วนน้อย
- คนผิวขาวเริ่มเข้ามาตั้งรกรากและถิ่นฐานในแอฟริกาใต้โดยมีจุดประสงค์ในการแสวงหาทรัพยากรและยังมีเรื่องของการล่าอาณานิคม โดยที่คนผิวขาวจากยุโรปที่เป็นกลุ่มหลักๆที่เข้ามาในแอฟริกาใต้ก็คือ คนเชื้อสายดัตช์จากประเทศเนเธอร์แลนด์รวมไปถึงผู้คนจากเกาะอังกฤษ
- เมื่อคนขาวอพยพเข้าในอยู่แอฟริกาใต้ พวกเขาก็ได้กลายเป็นกลุ่มคนที่มีอิทธิพลในการปกครองทันทีซึ่งก็สืบเนื่องมาจากความรอบรู้และการมีหัวก้าวหน้าซึ่งแตกต่างจากคนผิวดำซึ่งส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยที่จะมีการศึกษา โดยเมื่อคนผิวขาวมีอำนาจพวกเขาก็ได้ออกนโยบายถือผิว (Apartheid) ซึ่งพูดง่ายๆก็คือ การแบ่งแยกและกีดกันทางสีผิว
- นโยบายถือผิว ทำให้คนผิวดำซึ่งเป็นพลเมืองส่วนใหญ่ของแอฟริกาใต้ถูกกีดกันในสิทธิและเสรีภาพต่างๆเป็นอย่างมาก แต่เมื่อนโยบายถือผิวล่มสลายไปในช่วงต้นยุค 90 และ เนลสัน แมนเดลา ได้ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีของแอฟริกาใต้ ทำให้ดินแดนแห่งนี้ได้ถูกหล่อหลอมให้ผู้คนภายในประเทศเกิดความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันและไม่ว่าจะเป็นคนขาวหรือคนดำต่างก็มีสิทธิและเสรีภาพที่เท่าเทียมกันซึ่งสิ่งนี้ก็ได้เกิดขึ้นให้วงการฟุตบอลด้วยเช่นกัน
- ฟุตบอลของแอฟริกาใต้ในสมัยอดีตเคยเป็นกีฬาที่ถูกเหยียดจากคนผิวขาวและถูกมองว่าเป็นกีฬาของคนผิวดำ (ส่วนคนขาวจะเล่นรักบี้) แต่เมื่อแอฟริกาใต้หมดยุคของนโยบายถือผิว ทำให้วงการฟุตบอลของประเทศเริ่มได้รับความนิยมโดยนักฟุตบอลของแอฟริกาใต้ต่างก็มีทั้งคนผิวดำและคนผิวขาว โดยถึงแม้ว่านักฟุตบอลที่เป็นคนขาวจะมีสัดส่วนที่ค่อนข้างน้อย แต่พวกเขาก็ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นและกลายเป็นตำนานของทีมชาติซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือกองหลังที่มีนามว่า มาร์ค ฟิช
- มาร์ค ฟิช (Mark Fish) เกิดเมื่อวันที่ 14 มีนาคม ปี 1974 ที่เมืองเคปทาวน์ ประเทศแอฟริกาใต้ โดยเขาเกิดมาในครอบครัวของคนผิวขาวซึ่งถึงแม้ว่า คนขาว ส่วนใหญ่ในแอฟริกาใต้จะเล่นกีฬารักบี้ แต่สำหรับฟิชเขาเลือกที่จะเล่นฟุตบอล
- ฟิช ได้เข้าร่วมทีม อาร์คาเดีย เชพเพิร์ด สโมสรที่ตั้งอยู่ในกรุงพริทอเรียเมืองหลวงของแอฟริกาใต้ ซึ่งผลงานการเล่นของเขาก็ไปสะดุดตาของ รอย แมททิวส์ กุนซือของทีม โจโม คอสมอส จนในที่สุดเขาก็เซ็นสัญญาเป็นนักเตะอาชีพกับทางโจโม คอสมอส ในปี 1991
- ช่วงแรกในอาชีพนักฟุตบอล ฟิชเล่นในตำแหน่งกองหน้าแต่เมื่อมาเล่นให้โจโม คอสมอส เขาถูกปรับเปลี่ยนตำแหน่งมาเล่นในตำแหน่งแบ็คซ้ายก่อนที่จะมาลงเอยในตำแหน่งกองหลังหรือเซนเตอร์ฮาล์ฟ
- ในปี 1994 เขาได้ย้ายไปร่วมทีมสโมสรใหญ่ของประเทศอย่าง ออร์แลนโด ไพเรตส์ ซึ่งที่นี่เองเป็นจุดที่ทำให้ฟอร์มการเล่นของเจ้าตัวเปล่งปลั่งและทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม โดยนอกจากจะมีฟอร์มการเล่นที่สุดยอดแล้วเขายังมีส่วนพาทีมคว้าแชมป์ลีกของแอฟริกาใต้จนทำให้ในเวลานี้ชื่อของ ฟิช กลายเป็นที่จับตามองจากสโมสรในลีกยุโรป
- มีสโมสรในยุโรปมากมายที่ให้ความสนใจจะคว้าตัวฟิชไปร่วมทีม โดยหนึ่งในนั้นคือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยักษ์ใหญ่ของศึกพรีเมียร์ลีกอังกฤษซึ่งเป็นทีมขวัญใจในวัยเด็กของฟิช แต่เจ้าตัวกลับเลือกปฏิเสธโอกาสที่จะย้ายไปร่วมทีมปีศาจแดงและหันไปเซ็นสัญญากับ ลาซิโอ ทีมดังจากศึกกัลโช่ เซเรียอาของอิตาลี
- ฟิช เล่นให้กับลาซิโอเพียงแค่ฤดูกาลเดียว โดยหลังจากนั้นเจ้าตัวก็เลือกย้ายไปซบทีม โบลตัน วันเดอร์เรอร์ส ของอังกฤษซึ่งทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นที่ได้รับค่าเหนื่อยสูงสุดของสโมสรซึ่งการเล่นในถิ่น รีบ็อค สเตเดี้ยม ทำให้เขากลายเป็นผู้นำในแผงเกมรับของทีม โดยที่เขาเล่นได้อย่างแข็งแกร่งและปรับตัวเข้ากับสไตล์ฟุตบอลอังกฤษได้อย่างรวดเร็ว
- แม้ว่าจะเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ในฤดูกาล 1997/1998 เขาและเพื่อนร่วมทีมไม่สามารถพาโบลตันอยู่รอดในพรีเมียร์ลีกได้ แต่ถึงอย่างไรก็ตามเขาเลือกที่จะอยู่สู้กับทีมต่อในลีกระดับดิวิชั่น 2 ซึ่งทำให้แฟนบอลต่างรู้สึกซาบซึ้งใจ แต่ในปี 2000 เขาก็ตัดสินใจย้ายไปอยู่กับ ชาร์ลตัน แอธเลติก เพื่อกลับไปเล่นในพรีเมียร์ลีกอีกรอบ
- การมาอยู่กับชาร์ลตัน ฟิชได้รับฉายาจากแฟนบอลของทีมดาบอัศวินว่า เดอะบิ๊กฟิช จากฟอร์มการเล่นที่แข็งแกร่งและเป็นหัวใจสำคัญในแนวรับซึ่งเขาลงเล่นให้ชาร์ลตันไปทั้งสิ้น 5 ฤดูกาลและผ่านการลงเล่นไปไม่ต่ำกว่า 100 นัด
- ช่วงปี 2005 ฟิชเริ่มมีอายุที่มากขึ้นและเริ่มไม่ได้เป็นตัวหลักของชาร์ลตันนั่นทำให้สโมสรปล่อยยืมตัวเขาไปให้กับ ฮิปสวิช ทาวน์ แต่เขาก็ลงเล่นได้ไม่ถึง 5 นัด จนกระทั่งภายหลังเขาก็ได้รับเอ็นไขว้หน้าฉีกขาดจนเจ้าตัวประกาศแขวนสตั๊ด แต่ในต้นปี 2007 เขาเซ็นสัญญากับสโมสรเก่าอย่าง โจโม คอสมอส เป็นเวลา 6 เดือนแต่สุดท้ายก็ไม่เคยได้ลงเล่นเกมอย่างเป็นทางการเนื่องจากสภาพร่างกายไม่พร้อมและเจ้าตัวก็ต้องแขวนสตั๊ดอย่างเป็นทางการ
- ขณะที่เส้นทางในทีมชาติแอฟริกาใต้ของฟิช เริ่มต้นในปี 1993 ซึ่งเป็นแมตช์อุ่นเครื่องกับ เม็กซิโก นอกจากนั้นเขายังเป็นหนึ่งในขุนพลของทีมชาติแอฟริกาใต้ชุดที่คว้าแชมป์แอฟริกัน เนชั่นส์ คัพได้เป็นสมัยแรกในปี 1996 โดยเขาทำได้ 1 ประตูซึ่งการคว้าแชมป์ระดับทวีปของแอฟริกาใต้ในครั้งนี้ ทำให้เป็นเสมือนการหลอมรวมใจของชาวแอฟริกาใต้ไม่ว่าจะผิวดำหรือผิวขาวและยังทำให้กีฬาฟุตบอลได้กลายเป็นหนึ่งในกีฬายอดนิยมของประเทศ
- หลังจากคว้าแชมป์แอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ ฟิชก็ยังติดทีมชาติไปทำศึกฟุตบอลโลกปี 1998 ที่ฝรั่งเศสรวมทั้งยังได้เล่นในรายการแอฟริกัน เนชั่นส์ คัพอีก 2 ครั้งในปี 1998 และ 2000 โดยการเล่นนัดสุดท้ายในนามทีมชาติของเขาเป็นเกมที่เจอกับ กานา ในเกมฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกเมื่อปี 2004 ซึ่งเขาทำสถิติติดทีมชาติแอฟริกาใต้ไปทั้งสิ้น 62 นัดและยิงได้ 2 ประตู
- ขณะที่ชีวิตหลังแขวนสตั๊ด ฟิชไม่ได้ทำงานเป็นโค้ชคุมทีมฟุตบอล แต่ได้ลงแข่งขันว่ายน้ำพร้อมกับลูกสาว นอกจากนั้นเขายังเคยเสนอแนะให้รายการแอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ เปิดโอกาสให้ผู้เล่นที่ค้าแข้งอยู่ในทวีปแอฟริการวมไปถึงผู้เล่นที่อายุต่ำกว่า 23 ปีได้มีโอกาสลงเล่นในรายการชิงแชมป์ระดับทวีปมากยิ่งขึ้น
#มาร์คฟิช
#ชาร์ลตันแอธเลติก
#ทีมชาติแอฟริกาใต้
#แอฟริกันผิวขาว
มาร์ค ฟิช เป็นนักเตะผิวขาวชาวแอฟริกาใต้ โดยเขาเป็นกองหลังที่สร้างชื่อกับการค้าแข้งในบ้านเกิด ก่อนจะย้ายมาเล่นในยุโรปกับ ลาซิโอ ในลีกอิตาลี
ย้ายมาค้าแข้งในอังกฤษกับ โบลตัน วันเดอร์เรอร์ส เป็นทีมแรก
ได้รับสมญานามว่า เดอะบิ๊กฟิช จากแฟนบอลของชาร์ลตัน โดยเขาเล่นให้ทีมอยู่ 5 ฤดูกาลและไม่เคยตกชั้นจากพรีเมียร์ลีกเลยสักครั้งเดียว
คว้าแชมป์ระดับทวีปกับทีมชาติแอฟริกาใต้ในปี 1996 และเคยผ่านเวทีฟุตบอลโลก 1 สมัยในปี 1998
แอฟริกาใต้ในปี 1996 ได้รับการกล่าวถึงเป็นอย่างมากโดยเฉพาะหลังหมดยุคนโยบายถือผิวซึ่งทำให้แอฟริกาใต้ได้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน
หลังแขวนสตั๊ดเขาก็ได้ไปลงแข่งขันว่ายน้ำพร้อมกับลูกสาว นอกจากนั้นก็มีความสนใจที่จะมีทีมฟุตบอลเป็นของตนเอง
โฆษณา