28 มี.ค. เวลา 17:05 • กีฬา

EP.29 แบร์รี เฟอร์กูสัน - ชีวิตนี้ขอยอมพลีเพื่อเรนเจอร์ส

- กลาสโกว์ เรนเจอร์ส คือ สโมสรฟุตบอลชื่อดังของลีกสกอตแลนด์ โดยเป็นหนึ่งในสโมสรของประเทศที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง โดยสามารถคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของสกอตแลนด์ได้ถึง 55 สมัย
- การที่ เรนเจอร์ส เป็นทีมใหญ่ของสกอตแลนด์ทำให้พวกเขามีนักเตะที่เป็นตำนานของสโมสรอยู่หลากหลายคนซึ่งถ้ายิ่งเป็นนักเตะเลือดสกอตแท้ๆก็ยิ่งสร้างความภาคภูมิใจให้แก่แฟนบอลได้เป็นอย่างมาก
- รายชื่อของ ไบรอัน เลาดรูป / สเตฟาน โครส / เฟอร์นันโด ริคเซ่น ล้วนแล้วแต่เป็นตำนานของสโมสรและถูกบรรจุเข้าสู่หอเกียรติยศของทีม แต่พวกเขาทั้งหมดเป็นนักเตะชาวต่างชาติ ดังนั้นความผูกพันกับสโมสรอาจไม่ได้เข้มข้นเหมือนกับนักเตะท้องถิ่นซึ่งทางเรนเจอร์สเองก็มีนักเตะท้องถิ่นอยู่คนหนึ่งที่เป็นชาวสกอตแท้ๆและยังเป็นเด็กปั้นของสโมสรแถมครอบครัวยังเป็นแฟนบอลพันธุ์แท้ของสโมสร โดยเขาผู้นั้นมีนามว่า แบร์รี เฟอร์กูสัน
- แบร์รี เฟอร์กูสัน (Barry Ferguson) เกิดเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ปี 1978 ที่เมืองแฮมิลตัน ประเทศสกอตแลนด์ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสหราชอาณาจักร โดยเขาเกิดและเติบโตมาในครอบครัวที่สนับสนุนทีมฟุตบอล กลาสโกว์ เรนเจอร์ส นั่นจึงทำให้เขาได้ซึมซับความเป็นแฟนบอลพันธุ์แท้ของเรนเจอร์สมาตั้งแต่เด็ก
- พี่ชายของเฟอร์กูสันมีชื่อว่า ดีเร็ค เป็นนักฟุตบอลอาชีพที่ค้าแข้งอยู่กับกลาสโกว์ เรนเจอร์ส นั่นจึงทำให้ในสมัยเด็กของเขาจึงได้มีโอกาสไปที่สนาม ไอบร็อกซ์ สเตเดียม รังเหย้าของเรนเจอร์สอยู่บ่อยครั้ง
- เฟอร์กูสัน มีความมุ่งมั่นที่จะเป็นนักฟุตบอลอาชีพเหมือนอย่างพี่ชายและตั้งใจจะเข้าร่วมทีมกลาสโกว์ เรนเจอร์สเพียงทีมเดียวเท่านั้นซึ่งเขาก็ได้เริ่มทำตามความฝันและเข้าร่วมกับทีมเยาวชนของเรนเจอร์สมาตั้งแต่ปี 1991 และได้เซ็นสัญญาเป็นนักเตะอาชีพเมื่อปี 1994 โดยที่เขามี เอียน ดูแรนท์ กองกลางของทีมเป็นไอดอลคนสำคัญ
- เขาถูกดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของสโมสรในฤดูกาล 1996/1997 แต่ก็ได้ลงเล่นประปรายจนกระทั่งในปี 1998 การมาของ ดิ๊ก อัตโวคาท กุนซือชาวเนเธอร์แลนด์ทำให้เขาได้รับโอกาสลงสนามมากขึ้นและในที่สุดก็กลายเป็นกองกลางคนสำคัญของทีม
- ฤดูกาล 1998/1999 เขามีส่วนร่วมในการคว้าดับเบิลแชมป์ทั้งบอลลีกและบอลถ้วยกับสโมสร โดยเมื่อขึ้นสู่ยุคปี 2000 เขามีโอกาสได้ลงสัมผัสกับเกม ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก แต่ความพ่ายแพ้ต่อ โมนาโก จนทีมต้องตกรอบแบ่งกลุ่มซึ่งความผิดพลาดส่วนใหญ่มาจาก ลอเรนโซ อโมราโซ กัปตันทีมชาวอิตาเลียนนั่นจึงทำให้ทางสโมสรเลือกที่จะปลดอโมราโซออกจากการเป็นกัปตันพร้อมกับส่งมอบปลอกแขนไปให้กับเฟอร์กูสัน
- เมื่อได้สวมปลอกแขนกัปตันทีม เขามักถูกวิพากย์วิจารณ์ในเรื่องการควบคุมอารมณ์และวุฒิภาวะ แต่ถึงอย่างไรก็ตามเขาก็ตอกกลับเสียงวิจารณ์เหล่านั้นด้วยการพาทีมคว้าทริปเปิลแชมป์ภายในประเทศในฤดูกาล 2002/2003 พร้อมกับยิงรวมทุกรายการไป 18 ประตูและคว้ารางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของลีกสกอตแลนด์ไปครอบครอง
- หลังจากทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้เขาได้รับความสนใจจากทีมในพรีเมียร์ลีกอังกฤษซึ่งสุดท้ายก็เป็น แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ที่เซ็นสัญญากับมิดฟิลด์เลือดสกอตรายนี้ในช่วงซัมเมอร์ปี 2003 ด้วยค่าตัวราวๆ 7.5 ล้านปอนด์
- แม้ว่าจะปรับตัวกับการเล่นในอังกฤษได้ดีและยังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกัปตันทีมในปี 2004 แต่เฟอร์กูสันก็ยื่นเรื่องขอย้ายทีมกับทางสโมสร โดยเขาให้เหตุผลว่าการลงเล่นในดาร์บี้แมตช์ของแถบแลงคาเชียร์ไม่มีความดุเดือดและสร้างแรงกระตุ้นได้มากพอซึ่งต่างจากการเล่นในศึก โอลด์เฟิร์มดาร์บี้ ซึ่งเป็นการปะทะกันระหว่างเรนเจอร์สกับเซลติก
- แม้ว่าทางแบล็คเบิร์นไม่อยากจะปล่อยตัวเฟอร์กูสันออกไป แต่สุดท้ายการเจรจาย้ายทีมก็เป็นผลสำเร็จ โดยที่เฟอร์กูสันย้ายกลับไปเล่นให้กับกลาสโกว์ เรนเจอร์สเป็นรอบที่ 2 พร้อมกับได้รับการแต่งตั้งเป็นกัปตันทีมอีกครั้งในยุคของกุนซือ อเล็กซ์ แม็คลีช
- การกลับมาเล่นให้เรนเจอร์สเป็นรอบที่ 2 เฟอร์กูสันมีวุฒิภาวะมากยิ่งขึ้นและเป็นหัวใจสำคัญในแดนกลางของทีม จนกระทั่งการเข้ามาของ ปอล เลอ กูเอ็น กุนซือชาวฝรั่งเศสในปี 2006 นั่นทำให้สถานการณ์ของเฟอร์กูสันเริ่มสั่นคลอน เพราะว่าเขามีปัญทะเลาะกับนายใหญ่ชาวฝรั่งเศสอย่างรุนแรงพร้อมกับประกาศว่าจะไม่กลับมาเล่นให้เรนเจอร์ส หากว่าเลอกูเอ็นยังคุมทีมอยู่
- เดือนมกราคม ปี 2007 กลาสโกว์ เรนเจอร์สได้ทำการปลดเลอกูเอ็นออกจากตำแหน่งจากความยินยอมของทั้ง 2 ฝ่ายนั่นจึงทำให้เฟอร์กูสันได้กลับมาสู่ทีมอีกครั้ง โดยการกลับมาพร้อมกับความมุ่งมั่นทุ่มเทโดยเขาทำประตูสำคัญในเกมโอลด์เฟิร์มดาร์บี้กับ กลาสโกว์ เซลติก รวมไปถึงยิงประตูใส่ สตุ๊ตการ์ท ในศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก
- เฟอร์กูสัน มีส่วนพาเรนเจอร์สเข้าชิงถ้วย ยูฟ่า คัพ กับ เซนิต เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ของรัสเซียในปี 2008 แต่สุดท้ายก็ต้องอกหักด้วยการแพ้ไป 2-0 หลังจากนั้นเขาก็ได้รับบาดเจ็บจนต้องผ่าตัด แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังคว้าดับเบิลแชมป์กับทีมได้ในปี 2009
- หลังจากค้าแข้งในรอบที่ 2 กับเรนเจอร์สเป็นเวลา 5 ฤดูกาล ในที่สุดเจ้าตัวก็ตัดสินใจลงใต้เพื่อย้ายกลับไปเล่นในอังกฤษอีกครั้ง โดยคราวนี้เขาได้กลับไปร่วมงานกับแม็คลีชอดีตนายเก่าอีกครั้งโดยเขามาเล่นให้ เบอร์มิงแฮม ซิตี้ และทำผลงานได้ยอดเยี่ยมจนสามารถคว้ารางวัลนักเตะแห่งปีของเบอร์มิงแฮมในฤดูกาล 2009/2010
- เบอร์มิงแฮม ผ่านเข้าไปชิงถ้วยลีกคัพกับ อาร์เซนอล ในปี 2011 และสามารถคว้าแชมป์ได้ซึ่งนี่เป็นแชมป์แรกและแชมป์เดียวที่เฟอร์กูสันคว้ามาได้กับการเล่นในอังกฤษ
- หลังจบฤดูกาล 2010/2011 เบอร์มิงแฮมมีอันต้องกระเด็นตกชั้นจากพรีเมียร์ลีก ทำให้สโมสรต้องขายนักเตะออกไปเพื่อลดเพดานค่าเหนื่อยซึ่งเฟอร์กูสันก็เป็นหนึ่งคนที่ถูกปล่อยตัวออกจากทีม โดยเขาได้ไปเซ็นสัญญากับ แบล็คพูล ทีมจากลีกแชมเปียนชิพ โดยที่เขาประเดิมประตูแรกให้กับทีมในนัดที่เอาชนะ ฮิปสวิช ทาวน์ ไป 2-0
- ช่วงต้นปี 2014 แบล็คพูลได้ทำการปลด พอล อินซ์ ออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีมและก็เลือกดันเฟอร์กูสันให้มารับตำแหน่ง ผู้เล่น-ผู้จัดการทีม ซึ่งในตอนแรกเขาไม่อยากจะรับงานนี้แต่เมื่อไม่มีใครเขาจึงจำเป็นต้องรับหน้าที่นี้ โดยผลงานการุมทีมของเจ้าตัวนั้นไม่ได้สวยหรูมากนักซึ่งเขาพาทีมชนะได้เพียงแค่ 3 จาก 20 นัด แต่ถึงกระนั้นแบล็คพูลก็สามารถรอดพ้นการตกชั้นได้สำเร็จ แต่เฟอร์กูสันก็ตัดสินใจอำลาทีมหลังจบฤดูกาล 2013/2014
- ขณะที่เส้นทางในทีมชาติสกอตแลนด์ของเฟอร์กูสัน เริ่มต้นขึ้นในปี 1998 ตอนที่เขาอายุได้ 20 ปีซึ่งเป็นเกมอุ่นเครื่องที่เจอกับ ลิทัวเนีย โดยในปี 2004 เขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกัปตันทีมชาติสกอตแลนด์หลังจากการอำลาทีมชาติของ พอล แลมเบิร์ต
- ช่วงที่เป็นกัปตันทีมของทัพตาร์ตัน เขามักถูกวิพากย์วิจารณ์อยู่เสมอโดยเฉพาะในเรื่องของการเป็นแบบอย่างที่ดีในการเป็นกัปตันทีมชาติ โดยในปี 2009 เขาและผู้รักษาประตู อัลลัน แมคเกรเกอร์ ได้ฝ่าฝืนกฎของทีมชาติด้วยการดื่มเหล้าในคืนก่อนที่ทีมจะทำการแข่งขัน นอกจากนั้นทั้งคู่ยังทำพฤติกรรมไม่เหมาะสมในระหว่างที่นั่งอยู่บนม้านั่งสำรองในเกมที่เจอกับ ไอซ์แลนด์ นั่นจึงทำให้เฟอร์กูสันถูกสมาคมฟุตบอลสกอตแลนด์สั่งแบนออกจากทีมชาติพร้อมกับถูกริบปลอกแขนกัปตันทีม
- ช่วงกลางปี 2010 เคร็ก เลวีน กุนซือคนใหม่ของสกอตแลนด์ประกาศว่าพร้อมเปิดโอกาสให้เฟอร์กูสันได้กลับมารับใช้ชาติอีกครั้ง แต่เป็นทางเฟอร์กูสันที่ปฏิเสธโอกาสในการรีเทิร์นสู่ทีมชาติพร้อมให้เหตุผลว่าอยากมุ่งมั่นให้กับเกมระดับสโมสรมากกว่า นั่นจึงทำให้เขามีสถิติติดทีมชาติสกอตแลนด์ในระหว่างปี 1998 - 2009 โดยลงเล่นไป 45 นัดและทำไปได้ 3 ประตู
- ในช่วงกลางปี 2014 เฟอร์กูสันได้เข้ามารับตำแหน่ง ผู้เล่น-ผู้จัดการทีมของสโมสร ไคลด์ ทีมในระดับลีกทูของสกอตแลนด์ โดยในปี 2015 เขาประกาศยุติบทบาทการเป็นนักเตะและหันมาทำงานโค้ชเพียงอย่างเดียว โดยที่เขามีโอกาสพาทีมเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดแต่ก็ไปแพ้ ควีนส์พาร์ค ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานเขาก็ประกาศอำลาทีม
- ขณะที่่ชีวิตหลังแขวนสตั๊ด เขาได้ไปคุมทีมระดับล่างของสกอตแลนด์ทั้ง เคลตี้ ฮาร์ทส และ อัลลัว แอธเลติก และได้ลาออกจากการคุมทีมอัลลัว แอธเลติกในเดือนกุมภาพันธ์ของปี 2022
- นอกจากจะมีบทบาทในการคุมทีมฟุตบอลแล้ว เขายังมีผลงานการเขียนคอลัมน์ในหนังสือพิมพ์ เดลี่ เรคคอร์ด (Daily Record) ของสกอตแลนด์รวมทั้งปรากฎตัวในรายการที่พูดคุยเกี่ยวกับฟุตบอล รวมไปถึงยังเคยเป็นผู้สนับสนุนโครงการ Better Together ซึ่งเป็นโครงการที่รณรงค์ให้สกอตแลนด์ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของสหราชอาณาจักร
#แบร์รีเฟอร์กูสัน
#กลาสโกว์เรนเจอร์ส
#สกอตแลนด์
แบร์รี เฟอร์กูสัน เป็นเด็กปั้นของสโมสรกลาสโกว์ เรนเจอร์สและเชียร์เรนเจอร์สมาตั้งแต่เด็ก
จากเด็กปั้นของสโมสรเขาก็ได้ไต่เต้าจนมาเป็นกัปตันทีมของกลาสโกว์ เรนเจอร์สในช่วงหลังปี 2000
ผ่านเกมแห่งศักดิ์ศรีอย่าง ศึกโอลด์เฟิร์มดาร์บี้ มานับครั้งไม่ถ้วน
เขาเล่นให้กับเรนเจอร์สถึง 2 ครั้งและผ่านการเล่นให้กับสโมสรไม่ต่ำกว่า 400 นัดจนได้รับการบรรจุชื่อเข้าสู่หอเกียรติยศของกลาสโกว์ เรนเจอร์ส
ช่วงบั้นปลายอาชีพกับเบอร์มิงแฮมซึ่งเขาสามารถคว้าแชมป์ลีกคัพร่วมกับทีมได้ในปี 2011
ในสีเสื้อของทีมชาติสกอตแลนด์ของเขาไม่ค่อยรุ่งเรืองนัก แถมยังเคยโดนแบนออกจากทีมชาติในโทษฐานความผิดเรื่องระเบียบวินัย
หลังจากแขวนสตั๊ดก็รับงานเป็นกุนซือ โดยสโมสรล่าสุดที่ได้คุมทีมก็คือ อัลลัว แอธเลติก
โฆษณา