30 มี.ค. เวลา 04:57 • ท่องเที่ยว

เมืองไป๋ตี๋ (BaidiCheng) เมืองจักรพรรดิ์ขาว

ท่าเรือเมืองไป๋ตี๋ (Baidi Cheng) .. ชมเมืองจักรพรรดิขาว หรือเมืองไป๋ตี้เฉิง (เมืองเป๊กเต้เสียในสามก๊ก)
เรือ Century Oasis พาเราล่องลอยมาตามสายน้ำของมหานทีแยงซีเกียง .. ผ่านเมืองจงเตี้ยน ที่ซึ่งเราขึ้นไปชมการแสดงที่วิเศษสุด คือ สามก๊ก
เรือแล่นผ่านทิวทัศน์ที่สวยงามทางธรรมชาติ บ้านเมืองที่ทำให้เราเรียนรู้สภาพทางเศรษฐกิจ เช่น ภาพการขนส่งทางเรือ โรงงานผลิตสินค้าหลากประเภท สะพานสวยงามที่ใช้เป็นเส้นโครงข่ายของเส้นทางคมนาคม
วันนี้เรือ Century Oasis มาเทียบท่าที่เมืองไป๋ตี๋ (Baidi Chengจีน: 白帝城 ) หรือเมืองจักรพรรดิขาว ..
ในสามก๊กเรียก เป๊กเต้เสีย เมืองที่ตั้งอยู่บนเขาริมฝั่ง แม่น้ำแยงซี ราว 8 กิโลเมตรทางตะวันออกของ อำเภอเฟิ่งเจี่ย นครฉงชิ่ง
ทิวทัศน์บริเวณท่าเรือ .. ตลิ่งสูงเช่นเคย แต่พอเราเดินจากเรือมา จะมีบันไดเลื่อนพานักท่องเที่ยวขึ้นไปด้านบน
เหล่า สว. ต่างอนุโมทนาในจิตของคนสร้างบันไดเลื่อน ที่ช่วยให้เหล่าผู้สูงอายุไม่ต้องเหนื่อยมาก
เราเดินลัดเลาะตามทางจากท่าเรือมาที่ทางเข้าสู่เมืองจักรพรรดิขาว
จนมาถึงสะพานข้ามแม่น้ำ ที่ซึ่งเราต้องเดินไปให้ถึงฝั่งตรงข้ามเพื่อขึ้นสู่ยอดเขา อันเป็นที่ตั้งของ ไป๋ตี้เฉิง
ทิวทัศน์สวยๆระหว่างทางเดินบนสะพาน
ทิวทัศน์อีกฝั่งหนึ่ง หลังจากข้ามสะพานมา .. มีท่าเรือสำราญขนาดกลางที่จะพานักท่องเที่ยวออกไปชมแม่น้ำ และหมู่บ้านเล็กๆ
“ไป๋ตี้เฉิง” หรือ “เป๊กเต้เสีย” ในเรื่องสามก๊ก มีชื่อเสียงเรืองนามขึ้นมา ก็เพราะเป็นเมืองที่พระเจ้าเล่าปี่ได้สิ้นลมสวรรคต หลังพ่ายศึกแม่ทัพหนุ่ม “ลกซุน” แห่งง่อก๊ก ... ไป๋ตี้เฉิง ปัจจุบันเป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมริมฝั่งแม่น้ำแยงซี ที่แฟนสามก๊กต้องมาเยือนสักครั้งในชีวิต
“เมืองไป๋ตี้เฉิง” .. เป็นเมืองโบราณสร้างในสมัยราชวงศ์ฮั่น โดยขุนนางชื่อ “กงซุนซู่” ได้ยึด “แคว้นสู่” (มณฑลเสฉวน) แล้วสร้างเมืองบนภูเขา .. วันหนึ่งกงซุนซู่เห็น “หมอกสีขาว” มีรูปร่างเหมือน “มังกร” จึงแต่งตั้งตัวเองขึ้นเป็นฮ่องเต้ เมืองนี้จึงเรียกต่อมาว่า “ไป่ตี้เฉิง” (ไป่ = ขาว ตี้ = กษัตริย์ เฉิง = เมือง)
เมืองนี้เป็นเมืองที่ “เล่าปี่” หนีมาลี้ภัยจากการสู้รบเพื่อล้างแค้นให้ “กวนอู” ..
แต่ภายหลังถูกลอบวางเพลิงค่ายทหาร ทำให้ต้องลี้ภัยมาที่นี่ และภายหลังได้ป่วยหนักจนเสียชีวิตที่เมืองนี้อีกด้วย
บริเวณใกล้ทางขึ้นสู่ยอดเขา เเราได้พบกับรูปปั้นของ “ขงเบ้ง” หรือ “จูกัดเหลียง” ..
จูกัดเหลียง เป็นรัฐบุรุษ นักยุทธศาสตร์การทหาร และวิศวรกรชาวจีนผู้มีชีวิตในช่วงปลายยุคราชวงศ์ฮั่นตะวันออก (ป. ค.ศ. 184–220) ถึงต้นยุคสามก๊ก (ค.ศ. 220–280) ของจีน
ในยุคสามก๊ก .. จูกัดเหลียง ดำรงตำแหน่งอัครมหาเสนาบดีแห่งรัฐจ๊กก๊ก (ค.ศ. 221–263) ตั้งแต่รัฐเริ่มก่อตั้งในปี ค.ศ. 221 ภายหลังมีฐานะเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในปี ค.ศ. 223 จนกระทั่งเสียชีวิตในเดือนกันยายนหรือตุลาคม ค.ศ. 234
จูกัดเหลียงได้รับการยอมรับว่าเป็นนักยุทธศาสตร์ที่ประสบความสำเร็จที่สุดในยุคสามก๊ก และได้รับการเทียบชั้นกับซุนจื่อ (孫子) ผู้รจนา “พิชัยสงครามซุนจื่อ”
จูกัดเหลียงมีชื่อเสียงว่าเป็นบัณฑิตปราดเปรื่องและคงแก่เรียนมาแต่ครั้งที่ยังใช้ชีวิตปลีกวิเวก โดยได้รับสมญาว่า "ฮกหลง" (臥龍 วั่วหลง) หรือ "ฝูหลง" (伏龍) ซึ่งมีความหมายว่า "มังกรหลับ" เขายังมักได้รับพรรณานาว่าสวมครุยแบบนักพรตเต๋า มือถือพัดทำจากขนนกกระเรียน .. จูกัดเหลียง เป็นนักปราชญ์ลัทธิขงจื๊อ ที่ยึดถือหลักปรัชญา"นิตินิยม
Ref : Wikipedia
การจะขึ้นถึงยอดเขานั้น เราจะต้องเดินขึ้นบันไดราว 900 ขั้น หรือต้องใช้บริการเสลี่ยง .. ปกติต้องเสียค่าบริการ 120 หยวนต่อคน แต่พอคนหามเสลี่ยงเห็นฉันนเข้า เขาบอกว่าขอ 200 หยวน!!
ซุ้มประตูทางเข้าไป๋ตี้เมี่ยว 白帝庙ป สไตล์จีนโบราณคลาสสิก สีเหลือง มีรูปปั้นสิวห์โตขนาบอยู่ทั้ง 2 ข้างบันไดทางขึ้นสู่บริเวณด้านใน .. สวยมากค่ะ
รูปปั้นมังกรผุดผงาดขึ้นมาพ่นไอน้ำสีขาว มังกรประหนึ่งจักรพรรดิ ว่ากันว่า กงซุนซู่ 公孙速 (สมัยปลายราชวงศ์ฮั่นตะวันตกต่อฮั่นตะวันออก) ได้เห็นนิมิตอันเป็นมงคลนี้ขึ้น
จึงตั้งตนขึ้นเป็นจักรพรรดิที่เมืองแห่งนี้ และเป็นที่มาของชื่อไป๋ตี้เฉิง หรือ เมืองจักรพรรดิขาว
หงส์ 鳳凰 เป็นสัตว์อีกชนิดหนึ่งของจีนที่คู่กับมังกร .. เชื่อกันว่า หงส์ หรือเป็นเทพสัตว์ที่ส่งมาจากสวรรค์ประทานแด่ สมเด็จพระจักรพรรดินี
ในสมัยราชวงศ์ฮั่นซึ่งมีนักปราชญ์ราชบัณฑิตมากมาย คงจะได้พัฒนารูปหงส์ไปสู่สีสันที่สวยงามมากขึ้น ด้วยการนำจุดเด่นของสัตว์แต่ละชนิดมารวมอยู่ในรูปหงส์ คือ หัว เอามาจากไก่ฟ้าสีทอง ปากเอามาจากนกยูงหรือนกแก้ว ลำตัวเอามาจากเป็ดแมนดาริน ปีกเอามาจากพญาอินทรีย์ ขนหางเอามาจากขนหางนกยูง ขาเอามาจากนกกระเรียน สีขนมีสีดำ ขาว แดง เขียวและ เหลือง บางคนจึงเรียกว่า ฟีนิกซ์
ศาลสามก๊ก .. โดยในศาลมีรูปปั้นของเล่าปี่ กวนอู เตียวหุย และขงเบ้ง อยู่ในห้องเดียวกัน เป็นฉากสำคัญในเรื่องสามก๊ก ตอนหลิวเป้ยทวอกู 刘备托孤 หรือ พระเจ้าเล่าปี่ฝากฝังลูกกำพร้าทั้งสามคนแก่ขงเบ้ง ความสำคัญของฉากนี้ ว่ากันว่า ทำให้มีเรื่องราวที่สนุกสนานของสามก๊กต่อเนื่องมาอีกหลายสิบปี
รูปเคารพท่านขงเบ้ง ภายในศาลเจ้านักรบหวู่โหวฉือแห่งไป๋ตี้เฉิง ๑ ใน ๗ ศาลเจ้านักรบบูชาท่านขงเบ้งในประเทศจีน เคียงข้างด้วยจูเก๋อเจี๋ยมและจูกัดสง บุตรชายและหลานชายของขงเบ้ง ผู้พลีกายเพื่อพิทักษ์แผ่นดินจ๊กก๊กจนนาทีสุดท้ายของชีวิต
จูกัดเจี๋ยม (诸葛瞻) จูเก๋อจั่น บุตรชายขงเบ้ง เคียงข้างบิดาในศาลเจ้านักรบที่เป๊กเต้เสีย จิตวิญญานอันหาญกล้าทั้งสามรุ่นยืนยงชั่วนิรันดร์กาล
จูกัดสง (诸葛尚) จูเก๋อส้าง หลานชายขงเบ้ง เคียงข้างปู่ในศาลเจ้านักรบเป๊กเต้เสีย ผู้พิทักษ์ด่านกิมก๊ก (ทุกวันนี้อยู่ที่เมืองเหมียนจู๋) ปราการสุดท้ายของเซงโต๋จนวาระสุดท้ายของชีวิต หลังจากนั้น จ๊กก๊กก็ได้ยอมจำนนต่อวุยก๊กไปในที่สุด
ห้องที่เป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์ .. มีป้านหินสลักอักษรจีนอยู่หลายป้าย แต่น่าเสียดายที่ฉันอ่านภาษาจีนไม่ออก เลยไม่มีรายละเอียดมาเล่าให้ฟัง
รูปปั้นบุคคลหลายคนที่มีเรื่องราวโลดแล่นอยู่ใน วรรณกรรมเรื่องสามก๊ก ที่ได้รับการรักษาไว้อย่างดี
นี่คือการเดินย้อนเวลากลับไป .. ตั้งแต่รูปปั้นไปจนถึงการประดิษฐ์ตัวอักษร ไปจนถึงความยิ่งใหญ่ของทิวทัศน์ ฉันรู้สึกเหมือนเป็นนักสํารวจและนักเรียนรู้ในทันที
ด้านบนนี้ยังมีศาลาเก๋งจีนเก่าแก่ที่เป็นหอดูดาว สวนแบบจีน และมีพิพิธภัณฑ์ให้ความรู้ต่างๆ อีกด้วย
“หุบเขาสามผา แม่น้ำแยงซี” จุดชมวิวธนบัตร 10 หยวน
จากเมืองของจักรพรรดิขาว เราเดินตามทางลงมาอีกด้าน จนถึงจุดชมวิวที่โด่งดัง .. นั่นคือ จุดชมวิวของหุบเขา ที่ปรากฏทิวทัศน์เดียวกันบนธนบัตร 10 หยวนของจีน
"หุบเขาขุยเหมิน (หุบเขาฉีว์ถังเสีย) ถือเป็นประตูทางเข้าสู่หุบเขาซานเสียของแม่น้ำฉางเจียงที่ไหลมาจากพื้นที่ราบแอ่งกระทะเสฉวน
“ช่องแคบฉีว์ถังเสีย” (Qu Tang Gorge) ซึ่งเป็นช่องแคบที่ยาวที่สุดในแม่น้ำแยงซีเกียง คือมีความยาว 76 กม.
แต่มองยังไง้...ยังไงก็ไม่แคบ เพราะแม่น้ำแยงซีเกียงนั้นช่างกว้างใหญ่เสียเหลือเกิน และหลังจากการสร้างเขื่อนสามผา ทำให้ระดับน้ำสูงขึ้น จนทำให้ดูกว้างขึ้นกว่าเดิม
ช่องโตรกเขาที่เห็นในสายตา งดงามที่สุด .. ในส่วนนี้ แม่น้ำแยงซีจะตัดผ่านช่องเขาระหว่างหน้าผาสูงชันของภูเขาที่ยื่นออกไปทั้งสองด้าน
.. หน้าผาตั้งฉาก 2 หน้าผาด้านหลังอยู่เหนือผิวแม่น้ำทั้งสองด้าน ดูเหมือนประตูบานยักษ์คู่หนึ่ง
จากสายตาที่มองเห็น .. ช่องแคบนี้ก็ยังคงเป็นช่องแคบที่กว้างเช่นเดิม และมีความสวยงามเป็นเอกลักษณ์น่ามหัศจรรย์ของภูผารอบด้าน จนได้ขึ้นไปเป็นภาพบนธนบัตร 10 หยวนของจีน
โฆษณา