3 เม.ย. เวลา 05:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

“พิชัย” หวั่นเศรษฐกิจไทยทรุด จี้ ธปท. เร่งลดดอกเบี้ย

“พิชัย นริพทะพันธุ์” หวั่นเศรษฐกิจไทยทรุด จี้ ธปท. ลดดอกเบี้ยสนับสนุน หลังจากหลายประเทศทยอยลดอัตราดอกเบี้ย ชี้หากไทยลดช้าจะเสียเปรียบ พร้อมหนุนเอนเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ สร้างรายได้หลักแสนล้าน
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และการเมือง พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ขอสนับสนุนแนวทางของนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ที่อยากเห็นคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ลดดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมวันที่ 10 เมษายน 2567 นี้
ทั้งนี้เพราะเศรษฐกิจไทยยังขยายตัวต่ำมากตั้งแต่ไตรมาส 4 ปีที่แล้ว และ เศรษฐกิจในไตรมาส 1 ปีนี้ก็จะไม่ดีเช่นกันและการขยายตัวน่าจะแย่กว่าไตรมาส 4 ปีที่แล้วด้วยซ้ำ เงินเฟ้อของไทยติดลบมา 5 เดือนติดกันแล้ว และ อาจจะติดลบอีกเป็นเดือนที่ 6
ขณะที่ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ได้ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยแล้ว และ ธนาคารกลางของอังกฤษ และ เยอรมัน ก็กำลังจะลดดอกเบี้ยตาม ส่วนจีนลดไปก่อนหน้านี้แล้ว อีกทั้ง ประธานธนาคารกลางสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าคาดว่าปีนี้ธนาคารกลางสหรัฐ จะลดดอกเบี้ย 3 ครั้ง แต่ยังไม่ได้บอกว่าจะลดเมื่อไหร่ ซึ่งน่าจะเป็นช่วงครึ่งปีหลัง ดังนั้นถ้าไทยลดก่อนจะได้เปรียบก่อน
นายพิชัย กล่าวว่า การที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อ้างว่านโยบายทางการเงินไม่ได้เป็นยารักษาโรคเฉพาะทางนั้น อาจจะถูกบางส่วนและไม่ถูกบางส่วน เพราะปัญหาเศรษฐกิจมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกัน อีกทั้งปัญหาเศรษฐกิจของไทยเกิดขึ้นแทบทุกด้าน ทั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ต่ำ หนี้สาธารณะและหนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูง เงินเฟ้อติดลบมา 5 เดือน การส่งออกที่ขยายตัวได้น้อย การลงทุนที่หดหาย สภาพคล่องในระบบที่ลดลง
เรื่องเหล่านี้นโยบายทางการเงินสามารถช่วยได้อย่างมาก โดยเฉพาะการลดดอกเบี้ย การกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนที่เหมาะสม รวมถึงการเพิ่มสภาพคล่องในระบบ ซึ่ง ธปท. น่าจะทราบดีอยู่แล้ว อย่าให้ข้อมูลที่ทำให้ประชาชนสับสนเหมือนรัฐบาลบังคับให้ ธปท. ออกยาเฉพาะทาง ทั้งที่ปัจจุบันปัญหาเศรษฐกิจเกิดขึ้นหลายด้านเหมือนร่างกายที่ทรุดโทรมต้องการการฟื้นฟูทั้งระบบ และ ธปท. จำเป็นต้องช่วยกันแก้ไขเหมือนเป็นการรักษาร่างกายโดยรวม
ขณะเดียวกัน รัฐบาลได้พยายามพัฒนาเศรษฐกิจและเพิ่มรายได้ให้มากขึ้น ในโครงการขนาดใหญ่ เช่นการเจรจาแหล่งพลังงานในพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา ซึ่งจะทำให้มีรายได้เข้าระบบเศรษฐกิจไทยปีละเป็นล้านล้านบาท โครงการแลนด์บริดจ์ที่เป็นจุดสนใจของนักลงทุนทั้งโลกในปัจจุบัน และล่าสุดการดำเนินการโครงการเอนเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ ที่ทำต่อเนื่องจากรัฐบาลที่แล้ว
ทั้งนี้การดำเนินโครงการเอนเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์จะทำรายได้เข้ารัฐได้เป็นจำนวนมาก ปีหนึ่งน่าจะเป็นแสนล้านบาท จากตัวอย่างในมาเก๊าที่มีรายได้เข้ารัฐปีละกว่า 4 แสนล้านบาท หรือ ในสิงคโปร์ที่มีรายได้เข้ารัฐปีละกว่า 7 หมื่นล้านบาท และ จะเพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งหากประเทศไทยตัดสินใจ ดำเนินการรายได้น่าจะต้องได้เป็นแสนล้านบาท และจะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก และจะมีการจ้างงานคนไทยอีกหลายหมื่นคนมนอัตราเงินเดือนที่สูง
นายพิชัย ระบุว่า หากไม่หลอกตัวเอง ประเทศเพื่อนบ้านของไทยมีบ่อนคาสิโนกันหมดแล้ว และบริเวณชายแดนไทยที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้านก็มีกาสิโนเป็นจำนวนมากตรงข้ามเขตแดนไทย และคนไทยก็เดินทางข้ามไปเล่นการพนันกันมาก แต่ละปีมีเงินรั่วไหลออกต่างประเทศจำนวนมาก
อีกทั้งในประเทศไทยเองก็มีบ่อนการพนันที่เปิดกันอย่างผิดกฎหมายเป็นจำนวนมาก โดยผลประโยชน์ตกไปอยู่กับเจ้าหน้าที่รัฐและผู้มีอิทธิพลแทนที่รัฐจะได้ประโยชน์ ดังนั้นการมีเอนเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์อย่างถูกกฎหมาย จะทำให้รัฐได้รายได้โดยตรง และลดปัญหาบ่อนการพนันผิดกฎหมายได้ และสามารถควบคุมตามกฎระเบียบได้
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะต้องศึกษาผลกระทบทางสังคม และ ป้องกันประชาชนไม่ให้มัวเมากับการพนัน อีกทั้งต้องควบคุมให้เฉพาะผู้มีฐานะมั่นคงเข้าไปเล่นได้ เพื่อป้องกันประชาชนที่มีฐานะไม่มั่นคงต้องล้มละลายไปกับการพนัน อีกทั้งการควบคุมเยาวชนไม่ให้ไปติดการพนัน ซึ่งรัฐบาลสามารถศึกษาได้จากผลกระทบของประเทศต่าง ๆ ที่มีการเปิดเอนเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ และมีกาสิโนแล้ว และนำมาปรับปรุงใช้บังคับเพื่อป้องกันปัญหาสังคมที่จะเกิดขึ้นได้
นายพิชัย ยอมรับว่า รายได้ที่ได้เข้ารัฐเป็นแสนล้านบาท รัฐบาลสามารถนำมาช่วยเหลือ กลุ่มเปราะบาง สังคมสูงวัย อีกทั้งเป็นทุนการศึกษาไปเรียนต่างประเทศให้กับนักเรียน นักศึกษา ที่เรียนดีแต่ขาดทุนทรัพย์ เหมือนในอดีตที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้เคยทำไว้เมื่อได้รายได้จากหวยบนดิน
โดยในปัจจุบันประเทศในอาเซียนต่างแข่งขันกันส่งนักศึกษาไปเรียนต่อต่างประเทศเพื่อนำความรู้มาพัฒนาประเทศโดยเวียดนามมีการส่งนักศึกษาไปเรียนต่อในต่างประเทศมากสุด ดังนั้นหากโครงการนี้เกิดและสร้างรายได้มหาศาล การส่งเสริมให้นักศึกษาไทยที่เรียนเก่งไปศึกษาต่อในต่างประเทศจึงเป็นเรื่องที่น่าส่งเสริม ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันและพัฒนาต่อไปได้
ดังนั้นจึงอยากเรียกร้องให้ทุกฝ่ายได้คิดตรงกันที่จะพัฒนาประเทศ หารายได้เข้าประเทศเพิ่ม สร้างรายได้ให้กับประชาชน และ สร้างบุคลากรรุ่นใหม่ให้สามารถแข่งขันกับประเทศอื่นได้ เพื่อประเทศไทยจะได้พัฒนาเป็นประเทศรายได้สูงตามที่ได้ตั้งใจไว้
โฆษณา