2 เม.ย. เวลา 16:33 • กีฬา

EP.30 มาร์ท พูม - ตำนานตลอดกาลของชนชาติเอสโตเนีย

- ประเทศเอสโตเนียตั้งอยู่ทางตอนเหนือของทวีปยุโรป โดยทางด้านทิศตะวันออกมีพรมแดนติดกับประเทศรัสเซีย ส่วนทางตอนใต้มีพรมแดนติดกับประเทศลัตเวีย โดยถ้าหากให้พูดถึงวงการฟุตบอลของเอสโตเนียก็คงอาจจะหาจุดที่จะวิเคราะห์ได้ค่อนข้างยาก เพราะทีมชาติเอสโตเนียไม่เคยได้ผ่านเข้ารอบสุดท้ายไม่ว่าจะเป็นฟุตบอลโลกหรือแม้กระทั่งฟุตบอลยูโร
- สาเหตุที่ทำให้ เอสโตเนีย ไม่เคยผ่านไปเล่นฟุตบอลโลกหรือฟุตบอลยูโรนั่นก็เป็นเพราะว่าศักยภาพของพวกเขายังไม่ดีพอเนื่องจากข้อจำกัดในส่วนของตัวผู้เล่นที่ส่วนใหญ่เป็นนักเตะที่ค่อนข้างจะโนเนมและการพัฒนาในวงการฟุตบอลของเอสโตเนียก็ยังไม่ดีพอที่จะทำให้พวกเขายกระดับขึ้นมาให้เป็นทีมที่ได้ลุ้นไปเล่นฟุตบอลระดับทัวร์นาเมนต์ใหญ่ๆ
- แต่ถึงแม้ว่าทีมชาติเอสโตเนียจะไม่เคยได้สัมผัสกับฟุตบอลระดับทัวร์นาเมนต์ใหญ่ แต่อย่างน้อยพวกเขาก็เคยมีนักเตะที่ได้ไปค้าแข้งตามลีกใหญ่ของยุโรปโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวทีพรีเมียร์ลีกของอังกฤษ โดยหนึ่งในนักเตะเอสโตเนียที่เคยไปเล่นในพรีเมียร์ลีกและเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ตลอดกาลของชาติเอสโตเนียก็คือ มาร์ท พูม
- มาร์ท พูม (Mart Poom) เกิดเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ปี 1972 ที่เมืองทาลลินน์ ประเทศเอสโตเนีย โดยหลังจากที่เรียนจบในระดับไฮสคูล เขาก็ได้เข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีทาลลินน์ แต่สุดท้ายก็เรียนไม่จบเพราะเขาตัดสินใจเลือกในเส้นทางการเป็นนักฟุตบอลอาชีพมากกว่าที่จะไปในด้านของวิศวะ
- เมื่อเลือกเส้นทางในวงการฟุตบอล พูมได้เข้าร่วมกับเยาวชนของ ทาลลินนา โลวิด โดยเขาเลือกเล่นในตำแหน่งผู้รักษาประตู ก่อนที่จะย้ายไปร่วมทีม สปอร์ต ทาลลินน์ ในปี 1989 โดยที่ในตอนนั้นทางสโมสรเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต
- หลังจากที่สหภาพโซเวียตล่มสลายในปี 1991 พูมเลือกที่จะย้ายไปร่วมทีม คูพีเอส ทีมสโมสรของประเทศฟินแลนด์ แต่ก็ได้ลงเล่นเพียงแค่ 9 นัดและสุดท้ายก็เลือกกลับไปบ้านเกิดที่เอสโตเนีย
- ปี 1992 เขาได้เข้าร่วมทีม ฟลอรา แต่ก็เล่นอยู่ได้แค่ปีเดียวซึ่งหลังจากนั้นเขาก็เดินทางออกนอกประเทศอีกรอบและไปเซ็นสัญญากับสโมสร เอฟซี วิล ในสวิตเซอร์แลนด์
- ช่วงเดือนสิงหาคมของปี 1994 เขาได้ย้ายมาเล่นในอังกฤษเป็นครั้งแรกและเซ็นสัญญากับทีม พอร์ทสมัธ แต่เขาก็ไม่ใช่ตัวเลือกแรกของทีมและทำให้สโมสรเก่าอย่าง ฟลอรา ยืมตัวนายทวารผู้นี้ไปเฝ้าเสาอีกครั้งซึ่งในครั้งนี้เขาทำผลงานได้ดีและทำสถิติเก็บคลีนชีตได้นานถึง 756 นาที
- พูม ได้กลับมาในอังกฤษอีกครั้ง โดยคราวนี้เป็นทีม ดาร์บี้ เคาน์ตี้ ที่จ่ายค่าตัวของเขาเป็นเงินประมาณ 595,000 ปอนด์ โดยครั้งนีเจ้าตัวมีโอกาสประเดิมสนามในเวทีระดับพรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกและนอกจากนั้นยังทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นชาวเอสโตเนียคนแรกที่ได้ค้าแข้งในพรีเมียร์ลีกอังกฤษ
- พูม โชว์ผลงานได้อย่างโดดเด่นกับดาร์บี้ แม้ว่าอาจจะไม่ถึงขั้นเป็นจอมเซฟประตูที่เก็บคลีนชีตได้อย่างมากมาย แต่เขาก็มีช็อตป้องกันประตูที่น่าประทับใจและเรียกเสียงฮือฮาจากแฟนๆได้ซึ่งในที่สุดเขาก็กลายเป็นขวัญใจของแฟนบอลทีมแกะเขาเหล็ก โดยที่บรรดาแฟนบอลต่างก็พร้อมใจกันตะโกนคำว่า ปู้ ซึ่งเป็นเสียงเชียร์ประจำตัวให้แก่พูม
- ฤดูกาล 1999/2000 พูมคว้ารางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลของดาร์บี้จนกระทั่งหลังจบฤดูกาล 2001/2002 ดาร์บี้จบอันดับด้วยการเป็นรองบ๊วยทำให้พวกเขาตกชั้นลงไปยัง ดิวิชั่น 1 และหลังจากนั้นไม่นานพูมก็ย้ายไปอยู่กับ ซันเดอร์แลนด์ ในรูปแบบของการยืมตัว
- ต้นปี 2003 พูมย้ายไปซันเดอร์แลนด์แบบถาวร โดยเขามีช็อตไฮไลท์ที่น่าจดจำซึ่งก็คือ การโหม่งประตูตีเสมอในช่วงท้ายเกมซึ่งเป็นการยิงประตูใส่ทีมเก่าอย่างดาร์บี้ โดยหลังจากที่ทำประตูสุดมหัศจรรย์นั้นได้ เขาก็ได้รับการปรบมือจากแฟนบอลของทั้ง 2 ทีม โดยหลังจากนั้นเขาก็เริ่มมีปัญหาบาดเจ็บและหลุดไปเป็นตัวสำรองจนกระทั่งซันเดอร์แลนด์ตกชั้นจากพรีเมียร์ลีก
- เขาได้กลับมาเล่นในพรีเมียร์ลีกอีกครั้งโดยคราวนี้เป็นทีมใหญ่อย่าง อาร์เซนอล ดึงตัวไปร่วมทีม โดยที่ทีมปืนใหญ่วางตัวให้เขาไปเป็นผู้รักษาประตูมือ 3 ของทีมซึ่งเขามีโอกาสได้เหรียญรองแชมป์ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก เมื่อปี 2006 แม้ว่าจะไม่ได้มีชื่อเป็นตัวจริงหรือตัวสำรองในนัดชิง แต่เขาก็เป็นหนึ่งใน 25 ขุนพลของอาร์เซนอลที่ถูกส่งชื่อลุยรายการแชมเปียนส์ลีกนั่นจึงทำให้เขามีสิทธิ์ได้รับเหรียญรางวัล
- การที่ต้องเป็นเพียงตัวเลือกที่ 3 ทำให้โอกาสลงสนามของพูมแทบจะหาไม่เจอ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ได้ลงสนามในสีเสื้อของอาร์เซนอลอยู่ 2 เกมโดยเป็นเกมลีกคัพ 1 นัดซึ่งเขาลงมาแทน มานูเอล อัลมูเนีย ในเกมที่ชนะ เอฟเวอร์ตัน และอีกหนึ่งเกมเป็นเกมในศึกพรีเมียร์ลีกซึ่งเสมอกับ พอร์ทสมัธ ไป 0-0
- ช่วงกลางปี 2007 พูมย้ายไปร่วมทีม วัตฟอร์ด ซึ่งเพิ่งตกชั้นจากพรีเมียร์ลีกโดยในช่วงแรกเขาคือมือ 1 ของสโมสรแต่สุดท้ายแล้วก๋็เขาต้องมาเสียตำแหน่งตัวจริงให้กับ ริชาร์ด ลี
- พูม ได้รับบาดเจ็บด้วยอาการไหล่หลุดในเกมที่เจอกับ เรดดิ้ง ทำให้ต้องพักไปเกือบทั้งฤดูกาล แม้จะฟิตร่างกายกลับมาอีกครั้งแต่เจ้าตัวก็ไม่ได้รับการต่อสัญญาจากสโมสรจนเมื่อจบฤดูกาล 2008/2009 เขาก็ถูกวัตฟอร์ดปล่อยตัวออกจากทีม โดยหลังจากที่แยกทางกับวัตฟอร์ด เขาก็ไม่ได้ไปเข้าร่วมทีมสโมสรไหนอีกและประกาศแขวนถุงมือในปี 2009 ด้วยวัย 37 ปี
- ขณะที่เส้นทางในทีมชาติเอสโตเนีย เขาได้ลงประเดิมเกมอย่างเป็นทางการให้กับทีมชาติในปี 1992 ซึ่งเป็นเกมอุ่นเครื่องที่เจอกับ สโลวาเกีย โดยหลังจากนั้นเขาก็กลายเป็นมือ 1 ของทีมชาติเอสโตเนียมาเกือบ 20 ปีโดยถึงแม้ว่าจะไม่สามารถพาเอสโตเนียผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลระดับทัวร์นาเมนต์ใหญ่ๆได้สักครั้ง แต่เจ้าตัวก็กลายเป็นตำนานของทีมชาติเอสโตเนีย โดยผ่านการรับใช้ชาติมากถึง 120 นัดในช่วงระหว่างปี 1992 - 2009 และคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของเอสโตเนียได้ถึง 6 สมัย
- ขณะที่ชีวิตหลังแขวนถุงมือ พูมได้เข้ารับงานในตำแหน่งโค้ชผู้รักษาประตูให้กับทีมชาติเอสโตเนียซึ่งเขาเริ่มงานนี้มาตั้งแต่ปี 2009 จนถึงยุคปัจจุบัน ขณะที่ชีวิตส่วนตัวเขามีลูกชายทั้งหมด 3 คนโดยหนึ่งในนั้นก็คือ มาร์คุส พูม ซึ่งปัจจุบันเป็นนักฟุตบอลของสโมสร แชมร็อก โรเวอร์ส ในลีกของประเทศไอร์แลนด์
#มาร์ทพูม
#ดาร์บี้เคาน์ตี้
#เอสโตเนีย
มาร์ท พูม ในช่วงดาวรุ่งโดยที่เขาค้าแข้งอยู่กับ ฟลอรา ในลีกบ้านเกิดที่เอสโตเนีย
ย้ายเข้ามาหากินในอังกฤษ โดยทีมที่สร้างชื่อให้กับเขามากที่สุดก็คือ ดาร์บี้ เคาน์ตี้
มีช็อตเซฟประตูที่น่าตืนตื่นใจ ทำให้กลายเป็นหนึ่งในขวัญใจของแฟนบอลดาร์บี้
เขาเป็นหนึึ่งในผู้รักษาประตูที่สามารถขึ้นไปยิงประตูได้ โดยเป็นการโหม่งประตูใส่ดาร์บี้ทีมเก่า
ช่วงบั้นปลายอาชีพได้ย้ายมาร่วมทีม อาร์เซนอล แม้จะลงเฝ้าเสาไปแค่ 2 นัดแต่ก็ได้รับเหรียญรองแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกของปี 2006
ลงเฝ้าเสาให้ทีมชาติเอสโตเนียไปถึง 120 นัดแต่น่าเสียดายที่ไม่เคยได้มีโอกาสสัมผัสกับรายการอย่างฟุตบอลโลกและฟุตบอลยูโร
ปัจจุบันรับงานเป็นโค้ชผู้รักษาประตูให้กับทีมชาติเอสโตเนีย โดยที่เขาเริ่มงานนี้มาตั้งแต่ปี 2009
โฆษณา