4 เม.ย. เวลา 14:25 • สุขภาพ

#Krill oil หรือ น้ำมันคริลล์

แอดมินยอมรับว่าเพิ่งได้ยินเรื่องน้ำมันคริลล์เร็วๆนี้นี่เอง ฮ่าๆๆ เลยสงสัยว่า มันคืออะไร ลองหาข้อมูลมา เพื่อมาเล่าให้ฟังในวันนี้คะ
Krill oil เป็นน้ำมันสกัดมาจากกุ้งตัวเล็ก ในแถบทะเลหนาวเย็นในแอนตาร์กติก โดยกุ้งตัวเล็กเหล่านี้ เป็นอาหารของปลาทะเลและสัตว์น้ำขนาดใหญ่ อุดมไปด้วย
-กรดไขมันโอเมก้า 3 EPA และ DHA เหมือนน้ำมันปลา
-แต่มีแอสต้าแซนทีน (astaxanthin) ซึ่งเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระ กลุ่ม แคโรทีนอยด์ ซึ่งไม่มีในน้ำมันปลา
มีการศึกษาพบว่า น้ำมันคริลล์ ถูกย่อยและดูดซึมได้ดีกว่าน้ำมันปลา โดย น้ำมันคริลล์ จับกับ phospholipid อยู่ในรูปแบบที่ดูดซึมได้ดีกว่า ในขณะที่ น้ำมันปลา จะจับกับ ไตรกลีเซอไรด์ ซึ่งเป็นไขมันชนิดไม่ละลายน้ำ เมื่อเข้าสู่ร่างกาย จึงต้องใช้ emulsifier เพื่อให้ย่อยและดูดซึมได้ง่ายขึ้น
ประโยชน์ของ krill oil ที่อ้างอิงกันมา เช่น
-ป้องกันการเกาะตัวของไขมันเกาะหลอดเลือด ลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจ
-ลดคอเลสเตอรอล Triglyceride เพิ่ม HDL
-ลดอาการปวดและการอักเสบข้อ เช่นโรครูมาตอยด์
-กลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน โดยช่วยลดอาการปวดประจำเดือนและอารมณ์แปรปรวน
-อาการตาแห้ง
#รับประทานอย่างไร
ขนาดที่รับประทาน และวิธีรับประทาน ยังมีข้อมูลไม่ชัดเจน แตกต่างกันบ้าง แต่มีข้อมูลว่า การรับประทานหลังอาหาร น่าจะช่วยลดผลข้างเคียงจากยา และมีบาง web บอกว่า หลังอาหารช่วยทำให้ดูดซึมได้ดีขึ้น
ตัวอย่างที่แนะนำในบาง web เช่น
-ข้ออักเสบรูมาตอยด์ 300 มิลลิกรัมต่อวัน
-อาการก่อนมีประจำเดือน 300 มิลลิกรัมต่อวัน
-ลดไขมันไตรกลีเซอไรด์ 2- 3 กรัมต่อวัน
#ผลข้างเคียง เช่น ระคายเคืองกระเพาะอาหาร แสบร้อนในช่องอก ท้องอืด คลื่นไส้ ท้องเสีย
#ในหญิงตั้งครรภ์ และให้นมบุตร ไม่มีข้อมูลการใช้
#ข้อควรระวัง
-หลีกเลี่ยงในคนที่แพ้อาหารทะเล
-เพิ่มความเสี่ยงทำให้เลือดออกง่ายขึ้น ระวังหรือหลีกเลี่ยงก่อนผ่าตัดประมาณ 2 อาทิตย์
ถึงแม้คริลล์ออยล์ยังขาดการศึกษาในกลุ่มทดลองขนาดใหญ่ และมีข้อมูลไม่ชัดเจนเท่าน้ำมันปลาที่ใช้มานานแล้ว แต่ก็ยังมีประโยชน์ เป็นทางเลือกหนึ่งให้กับคนที่ไม่ชอบกลิ่นน้ำมันปลา เพราะ มีกลิ่นดีกว่า และรับประทานง่ายกว่า แต่ก่อนรับประทานก็ลองศึกษาหาข้อมูล เพื่อการตัดสินใจ ก่อนรับประทานนะคะ😘
.
.
ขอบคุณข้อมูลอ้างอิง
.
โฆษณา