8 เม.ย. เวลา 03:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

รู้จัก “เชียเชิงไห่” เด็กบ้านจน จากปีนัง ผู้กลายเป็น Warren Buffett แห่งเอเชีย

ท่ามกลางแดดร้อนจ้า เด็กชายเชีย หรือชื่อเต็มคือ “เชียเชิงไห่” กำลังยืนขายสับปะรดช่วยแม่ บนข้างถนนของปีนัง ประเทศมาเลเซีย
1
ถ้าดูเผิน ๆ ในตอนนั้น เขาก็เหมือนเด็กบ้านจนแต่หัวดีทั่วไป ที่ปลายทางก็อาจจะได้ทำงานในบริษัทดี ๆ มีอาชีพมั่นคง ไว้เลี้ยงดูครอบครัว
1
ซึ่งไม่มีใครคาดคิดหรอกว่า ในวันนี้ เด็กชายเชีย ที่ยืนขายสับปะรดข้างทางในวันนั้น จะกลายเป็นผู้จัดการกองทุน ที่ดูแลเงินของนักลงทุนกว่า 186,000 ล้านบาท ในวันนี้
2
พร้อมทั้งได้ฉายาว่าเป็น “Warren Buffett แห่งเอเชีย” อีกด้วย
และถ้าหากคุณสงสัย ว่าเส้นทางชีวิตของคุณเชียเชิงไห่ เป็นอย่างไร กว่าเขาจะมาถึงจุดนี้ ?
MONEY LAB จะย่อยเรื่องการเงิน การลงทุน ให้เข้าใจง่าย ๆ
จุดพลิกผันแรกของชีวิตคุณเชียเชิงไห่ (Cheah Cheng Hye) คือการจากไปของคุณพ่อ ผู้เป็นหัวหน้าครอบครัว ตั้งแต่คุณเชียอายุ 12 ปี
1
ด้วยความที่ฐานะครอบครัวของคุณเชียเอง ก็ไม่ได้ดีมากอยู่แล้ว การขาดหัวหน้าครอบครัวไป จึงทำให้สถานะทางการเงินของที่บ้านยิ่งลำบากเข้าไปใหญ่
โชคยังดีที่คุณเชีย ไม่จำเป็นต้องทิ้งการศึกษา และออกมาทำงานเต็มตัว ตั้งแต่ยังเล็ก เพราะเขาได้ทุนการศึกษา ให้เข้าเรียนในโรงเรียนชื่อดังของปีนัง อย่างโรงเรียน Penang Free School
คุณเชียทั้งเรียนในโรงเรียน พร้อมกับช่วยคุณแม่ขายของ อย่างที่กล่าวไปข้างต้น ถึงอย่างนั้น คุณเชียก็ยังสามารถเป็นนักเรียนในระดับหัวกะทิของโรงเรียนได้
2
นอกจากนี้ คุณเชียยังมีงานอดิเรก อย่างการขลุกอยู่ในห้องสมุดของปีนัง ทุกครั้งที่มีเวลาว่าง ทำให้แม้ตัวของเขาจะอยู่ในปีนัง แต่ความรู้ของเขานั้น กว้างไกลออกไปทั่วโลก
2
หลังจากเรียนจบมัธยมปลายแล้ว เขาได้เข้าทำงานเป็นนักข่าวกับสำนักข่าว The Star ในปีนัง เนื่องจากที่บ้านไม่มีเงินส่งเสีย ให้เรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย
1
แต่ด้วยความที่เขาเป็นคนรู้กว้างอยู่แล้ว บวกกับความทะเยอทะยาน ก็ได้ทำให้หลังจากอายุครบ 20 ปี เขาก็ได้ขยับขยาย ไปอยู่กับสำนักข่าวที่ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ
2
เริ่มที่สำนักข่าว Singapore Monitor ในสิงคโปร์ ตามด้วยสำนักข่าว Far Eastern Economic Review ในฮ่องกง จนมาลงเอยกับ สำนักข่าวธุรกิจและการเงินระดับโลกอย่าง Asian Wall Street Journal ในปี 1983
1
ระหว่างที่อยู่ในศูนย์กลางการเงินแห่งเอเชียนี้เอง คุณเชียก็ได้เริ่มสนใจเรื่องการเงินการลงทุนอย่างจริงจัง ซึ่งสไตล์การลงทุนที่คุณเชียได้ศึกษามาก็คือ การลงทุนแบบเน้นคุณค่า หรือ Value Investing
2
โดยบุคคลต้นแบบของคุณเชียก็คือ คุณ Benjamin Graham และคู่หูนักลงทุนของเขาอย่างคุณ David Dodd ซึ่งแม้แต่ทุกวันนี้ เขายังเก็บหนังสือ Security Analysis ที่เขียนขึ้นโดยทั้งคู่ ไว้ในห้องทำงานของเขาอยู่เลย
1
จุดพลิกผันครั้งที่ 2 ในชีวิตของคุณเชีย มาถึงในปี 1989 เมื่อเขาได้พบกับหัวหน้าสาขาเอเชีย ของบริษัทวาณิชธนกิจระดับโลกอย่าง Morgan Grenfell
เขาได้เสนอแผนกับทาง Morgan Grenfell ว่า ให้ทางบริษัทเข้าไปลงทุนในหุ้นขนาดกลาง และขนาดเล็กของจีน ซึ่งตอนนั้นยังไม่มีใครรู้จัก เพื่อให้ทางบริษัทสามารถแข่งขันกับธนาคารคู่แข่งได้
2
ซึ่งทางหัวหน้าสาขาเอเชียของ Morgan Grenfell ก็ประทับใจในการทำการบ้านอย่างหนักหน่วง และการวิเคราะห์ของคุณเชียเป็นอย่างมาก
เขาจึงตัดสินใจเปิดแผนกลงทุนหุ้นจีนขนาดกลาง และขนาดเล็ก พร้อมทั้งจ้างคุณเชีย ให้เข้ามาเป็นหัวหน้าทีมวิจัย ควบคู่ไปกับการเป็นเทรดเดอร์
1
โดยที่คุณเชียไม่ได้เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดังในต่างประเทศ เหมือนกับพนักงานคนอื่น ๆ ในบริษัทเลยด้วยซ้ำ..
คุณเชียทำงานอยู่ถึงปี 1993 ในที่สุดคุณเชีย ก็ออกมาเปิดบริษัทจัดการทรัพย์สินของตัวเองชื่อ “Value Partners” ร่วมกันกับคู่หูนักลงทุน ที่เขาได้พบจากการทำงาน อย่างคุณ V-Nee Yeh ด้วยเงินเพียงแค่ 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 383 ล้านบาท ในปัจจุบัน)
1
ซึ่งหลักการลงทุนที่เขายึดมาตั้งแต่เริ่มต้น จนถึงปัจจุบันนี้ก็คือ
- เข้าซื้อบริษัทที่ถูกต้อง
1
ด้วยความที่คุณเชีย ไม่ได้ศึกษาแต่เรื่องการเงินการลงทุน แต่เขายังศึกษาเรื่องประวัติศาสตร์ รวมถึงการพัฒนาการทางการเมือง และเศรษฐกิจ
1
เขาจึงมองเห็นว่า ตลาดหุ้น และสภาพเศรษฐกิจของจีน ณ ขณะนั้น ค่อนข้างคล้ายคลึงกันกับ ตลาดหุ้น และสภาพเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา ในช่วงที่ไอดอลของเขาอย่าง คุณ Benjamin Graham กำลังลงทุนอยู่
 
คุณเชียจึงใช้วิธีคัดเลือกหุ้นที่จะลงทุน คล้าย ๆ กันกับของคุณ Benjamin Graham โดยเขาจะมองหา บริษัทที่มีความสามารถในการแข่งขันระยะยาว ซึ่งมีหนี้น้อย, กระแสเงินสดเป็นบวกสม่ำเสมอ, มี ROE สูง และจ่ายปันผลมาก ๆ
3
- บริษัทถูกบริหารด้วยคนที่มีความชอบธรรม
แม้จะยึดถือหลักการลงทุนของคุณ Benjamin Graham อย่างสุดหัวใจ แต่คุณเชียก็มองว่าหลักการลงทุนนี้ ยังมีจุดอ่อน เนื่องจากคุณ Benjamin Graham เอง ไม่ค่อยเน้นหนักในเรื่องของผู้บริหาร
1
แต่สำหรับตลาดหุ้นจีน ซึ่งเป็นตลาดหุ้นของประเทศกำลังพัฒนาแล้วนั้น การหลอกลวง และฉ้อโกงในตลาดหุ้น เป็นเรื่องที่พบเจอได้บ่อย ๆ คุณเชียจึงไม่สามารถละเลยเรื่องนี้ไปได้
1
เพราะฉะนั้น แทนที่จะนั่งวิเคราะห์บริษัท จากเอกสารทางการเงินเป็นตั้ง ๆ ในออฟฟิศ คุณเชียและทีมจะออกไปเยี่ยมเยียนกิจการต่าง ๆ อยู่เสมอ เพื่อให้มั่นใจว่า บริษัทที่พวกเขาลงทุน อยู่ในมือของคนที่ตั้งใจทำธุรกิจจริง ๆ
- เข้าซื้อด้วยราคาที่เหมาะสม
 
คุณเชียนั้นจำแนกหุ้น ด้วยมูลค่าถูกแพง ออกเป็น 3 ประเภท
3
ประเภทที่ 1 หุ้นถูก เป็นหุ้นที่คุณเชียมองหา ซึ่งส่วนใหญ่จะมีอัตราส่วน P/E ไม่เกิน 8 และอัตราส่วน P/BV ไม่เกิน 1.2
1
ประเภทที่ 2 หุ้นราคาเหมาะสม คุณเชียบอกว่า หุ้นประเภทนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นที่เหล่าโบรกเกอร์ และนักวิเคราะห์ต่าง ๆ แนะนำให้ซื้อ
ประเภทที่ 3 หุ้นแพง คือหุ้นประเภทที่ แม้แต่คนขับแท็กซี่ หรือคนที่ไม่ได้รู้เรื่องหุ้นมาก่อนเลย ต่างก็พากันพูดถึง
1
โดยคุณเชียบอกว่า สิ่งที่เขาทำก็คือ การซื้อหุ้นประเภทที่ 1 และขายตอนที่หุ้นนั้น กลายเป็นประเภทที่ 2.5 นั่นก็คือ ซื้อให้ถูก และเริ่มขายเมื่อหุ้นเริ่มถูกพูดถึงในวงกว้างประมาณหนึ่ง
ท่ามกลางหุ้นหลาย 100 ตัว ที่คุณเชียเข้าไปลงทุน หนึ่งในการลงทุนที่ดีที่สุดของคุณเชีย คือการเข้าซื้อ BYD ตั้งแต่ปี 2006
2
ตอนนั้นไม่มีใครเชื่อมั่นว่า บริษัทผู้ผลิตแบตเตอรี่จากเซินเจิ้นแห่งนี้ จะกลายเป็นผู้ผลิตรถไฟฟ้ารายใหญ่ของโลกได้
1
แต่หลังจากคุณเชีย ได้เข้าพบกับคุณหวัง ชวนฟู เจ้าของ BYD และมองว่า BYD มีโอกาสจะเติบโตได้จริง ภายใต้การบริหารของเขา
 
คุณเชียจึงเข้าซื้อหุ้น BYD จนกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 ของบริษัท
ก่อนที่ “Warren Buffett แห่งเอเชีย” ผู้นี้ จะขายหุ้น BYD ที่มีอยู่ ให้กับ “Warren Buffett ตัวจริง” ในปี 2008
และทำกำไรได้มากถึง 55 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (2,800 ล้านบาท ในปัจจุบัน)
ปัจจุบันนี้ บริษัท Value Partners ของคุณเชียและคู่หู ได้จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง พร้อมทั้งดูแลทรัพย์สินการลงทุนรวมกันแล้วกว่า 186,000 ล้านบาท
4
นอกจากนี้ คุณเชียยังเป็นถึงคนที่รวยที่สุด อันดับ 22 ของประเทศมาเลเซีย ด้วยความมั่งคั่งกว่า 32,592 ล้านบาท
จากทั้งหมดนี้เองจะเห็นได้ว่า ชีวิตของคุณเชียนั้น มาไกลจนเกินกว่าที่ตัวเขาเองจะฝันไว้ จากเด็กบ้านจนคนหนึ่ง ในมาเลเซีย
สิ่งที่เราได้เรียนรู้จากเรื่องนี้ นอกจากหลักการลงทุนของเขาอย่าง “เข้าซื้อบริษัทที่ถูกต้อง ซึ่งบริหารด้วยคนที่มีความชอบธรรม ด้วยราคาที่เหมาะสม” แล้ว
3
ก็คือความสำคัญของการศึกษาหาความรู้ เหมือนกับที่คุณเชียมักจะขลุกอยู่ในห้องสมุดอยู่ตลอด จนกลายเป็นผู้ที่มีความรู้กว้างขวาง
2
ทำให้เมื่อมีโอกาสเข้ามา อย่างการย้ายไปเป็นนักข่าว ในสำนักข่าวใหญ่ ๆ ในต่างประเทศ จนถึงการเข้าไปทำงานในวาณิชธนกิจระดับโลก และการเปิดบริษัทจัดการทรัพย์สินของตัวเอง
2
คุณเชียก็สามารถคว้าทุกโอกาสไว้ตลอด จนกลายเป็น Warren Buffett แห่งเอเชียได้ อย่างในทุกวันนี้..
โฆษณา