5 เม.ย. เวลา 16:18 • กีฬา

EP.31 วอลเตอร์ ปันดิอานี - เอล ไรเฟิล

- ในวงการฟุตบอลมักจะมีการตั้งฉายาให้แก่นักเตะมาอยู่แทบทุกยุคทุกสมัย แต่ฉายาสำหรับผู้เล่นที่มาจากสเปนหรือดินแดนอเมริกาใต้มักจะมีคำขึ้นต้นว่า เอล อยู่เสมอซึ่งจะต่อท้ายด้วยคำว่าอะไรก็คงแล้วแต่การพิจารณาจากรูปลักษณ์หรือสไตล์การเล่น
- สำหรับนักฟุตบอลที่มีฉายาขึ้นต้นด้วยคำว่า เอล แล้วแฟนบอลต่างก็รู้จักกันเป็นอย่างดีถ้าจะให้ยกตัวอย่างก็อย่างเช่น เอล นินโญ่ (เฟร์นานโด ตอร์เรส) / เอล มาทาดอร์ (มาร์เซโล ซาลาส) / เอล กวาเฆ่ (ดาวิด บีย่า)
- จากฉายาในบทความด้านบนจะเห็นได้ชัดกลุ่มนักฟุตบอลที่มีฉายาขึ้นต้นว่า เอล มักจะเป็นนักเตะชาวสเปนไม่ก็เป็นนักเตะที่มาจากอเมริกาใต้ซึ่งจริงๆมีนักเตะอีกหลากหลายคนที่มีฉายาขึ้นต้นว่า เอล โดยหนึ่งในนั้นก็เป็นนักเตะที่มาจากดินแดนอเมริกาใต้ซึ่งแม้ว่าเขาจะไม่ใช่นักเตะที่มีฝีเท้าระดับเกรดเอแต่ก็มีฉายาสุดเท่ห์อย่าง เอล ไรเฟิล โดยที่เขาผู้นั้นมีนามว่า วอลเตอร์ ปันดิอานี
- วอลเตอร์ ปันดิอานี เกิดเมื่อวันที่ 27 เมษายน ปี 1976 ในกรุงมอนเตวิเดโอ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศอุรุกวัย โดยเจ้าตัวเริ่มต้นการไต่เต้าสู่การเป็นนักเตะอาชีพด้วยการเริ่มต้นกับทีมในบ้านเกิดทั้ง โปรเกสโซ และ บาซาเญซ ก่อนที่ในปี 1998 เขาจะย้ายไปยังทีมระดับยักษ์ใหญ่ของประเทศอุรุกวัยอย่าง เพนารอล
- การมาอยู่กับเพนารอล ทำให้ฝีเท้าของปันดิอานีได้รับการขัดเกลาจนเป็นหนึ่งในกองหน้าที่มีฝีเท้าดีของลีกอุรุกวัยโดยที่เจ้าตัวมีความโดดเด่นในเรื่องของความแข็งแกร่งรวมไปถึงความสามารถในการเล่นลูกกลางอากาศ
- ปันดิอานี อยู่ค้าแข้งให้กับเพนารอลอยู่ประมาณ 2 ฤดูก่าล ก่อนที่ในปี 2000 เขาจะได้ย้ายไปค้าแข้งในยุโรปเป็นครั้งแรกโดยเซ็นสัญญากับทีม เดปอร์ติโบ ลา คอรุนญ่า ในปี 2000
- แม้จะเป็นการย้ายมาค้าแข้งในทวีปยุโรปเป็นครั้งแรกในชีวิตแถมโอกาสลงสนามของปันดิอานีก็ยังไม่สม่ำเสมอ เนื่องจากทางสโมสรมีกองหน้าตัวหลักอย่าง ดิเอโก้ ตริสตัน แต่ถึงกระนั้นกองหน้าเลือดอุรุกวัยก็ยังมีผลงานที่ดียามที่ได้รับโอกาสลงสนามซึ่งในฤดูกาล 2003/2004 เขาทำประตูไปได้ถึง 13 ลูกในฐานะกองหน้าตัวสำรอง
- แม้จะไม่ได้เป็นกองหน้าตัวหลักของสโมสร แต่เจ้าตัวก็ดูแฮปปี้กับชีวิตอยู่ไม่น้อย เพราะการค้าแข้งในสเปนซึ่งรูปแบบสไตล์การเล่นรวมไปถึงวัฒนธรรมและภาษาก็ไม่ได้แตกต่างจากที่อเมริกาใต้นั่นทำให้เขาแทบไม่มีปัญหาในการปรับตัวทั้งในหรือนอกสนาม นอกจากนั้นเขายังลงทุนซื้อรถบรรทุกสีแดงคันใหญ่เพื่อมาใช้ในการเดินทางระหว่างไปฝึกซ้อมกับทางลา คอรุนญ่า ซึ่งเขาให้เหตุผลว่ามีความชื่นชอบและคลั่งไคล้ในเรื่องของรถบรรทุกมานานแล้ว
- ปันดิอานี มีผลงานที่ดีกับลา คอรุนญ่า แต่การที่เขาไม่ได้เป็นกองหน้าตัวหลักทำให้เขาถูกสโมสรปล่อยให้ทีมร่วมลีกอย่าง เรอัล มายอร์ก้า ยืมตัวไปใช้งานซึ่งเขาก็ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมจนกระทั่งในปี 2005 เขาก็ถูกปล่อยยืมตัวอีกครั้ง โดยคราวนี้ถูกยืมตัวไปยังพรีเมียร์ลีกอังกฤษกับสโมสร เบอร์มิงแฮม ซิตี้
- พรีเมียร์ลีกอังกฤษมีสไตล์การเล่นที่แตกต่างจากในอเมริกาใต้และในลาลีกาลีกของสเปนเป็นอย่างมาก แต่ถึงกระนั้นปันดิอานีก็สามารถปรับตัวให้เข้ากับสไตล์ฟุตบอลอังกฤษได้อย่างรวดเร็วซึ่งเขาสามารถทำประตูได้ตั้งแต่นัดแรกที่ลงสนามซึ่งเป็นเกมที่เอาชนะ เซาแธมป์ตัน ไป 2-1
- ผลงานที่ทำได้ดีกับเบอร์มิงแฮม ทำให้ทาง สตีฟ บรูซ กุนซือของเบอร์มิงแฮมติดใจในฝีเท้าของปันดิอานีนั่นจึงทำให้เบอร์มิงแฮมเซ็นสัญญาถาวรกับเขาในช่วงกลางปี 2005 ด้วยค่าตัวประมาณ 3 ล้านปอนด์
- แต่การมาอยู่กับทีมตราลูกโลกในฐานะนักเตะที่ถูกซื้อขายแบบเบ็ดเสร็จ เขากลับทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวังและยิงประตูให้ทีมไปได้เพียงน้อยนิด นั่นจึงทำให้ช่วงต้นปี 2006 เขาก็ถูกดึงตัวกลับไปเล่นในสเปนและคราวนี้เป็น เอสปันญอล ที่ดึงตัวหัวหอกชาวอุรุกวัยผู้นี้ไปร่วมทีม
- การกลับมาเล่นในลาลีกาทำให้ฟอร์มการยิงประตูของเขากลับคืนมาอีกครั้ง โดยเขาสามารถทำแฮตทริกใส่ เรอัล มาดริด ได้รวมถึงการเป็นดาวซัลในถ้วยยุโรปอย่าง ยูฟ่า คัพ ของซีซั่น 2006/2007 ซึ่งเขาทำไปได้ 11 ประตู แต่เป็นที่น่าเสียดายเมื่อเอสปันญอลพลาดการคว้าแชมป์ เพราะในนัดชิงพวกเขาแพ้การยิงจุดโทษให้แก่ เซบีย่า ไป 1-3 โดยลูกจุดโทษที่เอสปันญอลยิงเข้าก็มาจากฝีเท้าของปันดิอานีนี่เอง
- ฤดูกาล 2007/2008 ปันดิอานีย้ายไปร่วมทีม โอซาซูนา ซึ่งเขาอยู่กับทีม 4 ฤดูกาลก่อนที่ในปี 2011 เขาจะกลับไปยังถิ่นเก่าที่เอสปันญอลเป็นรอบที่ 2 การกลับมารอบนี้เจ้าตัวอยู่ในวัย 35 ปีเข้าไปแล้วนั่นทำให้สถานะของปันดิอานีเป็นได้แค่กองหน้าตัวสำรองของทีม
- ในช่วงบั้นปลายอาชีพ ปันดิอานีได้ย้ายออกจากเอสปันญอลและเซ็นสัญญาร่วมทีม บียาร์รีล หลังจากนั้นก็ย้ายไปร่วมทีมระดับดิวิชั่น 3 ของสเปนอย่าง แอตเลติโก บาเลอาเรส ซึ่งทำให้เขาได้มีโอกาสลงเล่นร่วมกับ นิโก้ ลูกชายของตนเอง
- หลังจากนั้นปันดิอานีพร้อมกับลูกชายได้เดินทางกลับไปยังบ้านเกิดที่อุรุกวัยและเซ็นสัญญาร่วมทีม มิริมาร์ มิซิโอเรส จนกระทั่งในปี 2015 ปันดิอานีกลับไปยังทวีปยุโรปอีกครั้งและเซ็นสัญญากับทีมจากสวิตเซอร์แลนด์อย่าง โลซานน์ สปอร์ต ซึ่งนอกจากจะเข้ามาเป็นผู้เล่นของทีมแล้วเขายังมีหน้าที่ในการฝึกสอนกองหน้าดาวรุ่งของทีมควบคู่ไปด้วย
- เขาทำประตูแรกและประตูเดียวให้กับโลซานน์ สปอร์ตได้ในเกมนัดที่เสมอกับ อาเรา ไป 1-1 หลังจากนั้นในช่วงเดือนมิถุนายนของปี 2016 เขาก็ตัดสินใจแขวนสตั๊ดเป็นอันปิดฉากชีวิตการค้าแข้งกว่า 23 ปี โดยช่วงที่เขาแขวนสตั๊ดก็อยู่ในช่วงวัย 40 ปีพอดิบพอดี
- ขณะที่เส้นทางในทีมชาติอุรุกวัยของปันดิอานี แม้ว่าจะมีผลงานการยิงประตูที่ดีในศึกลาลีกาของสเปน แต่เส้นทางของเขากับทีมชาติอุรุกวัยก็เป็นดั่งเส้นขนาน เพราะเจ้าตัวได้รับโอกาสรับใช้ทีมชาติไปเพียงแค่ 4 นัดและไม่เคยได้มีส่วนร่วมทั้งในศึกฟุตบอลโลกรวมไปถึงศึกชิงแชมป์ระดับทวีปอย่าง โคปา อเมริกา
- ขณะที่ชีวิตหลังแขวนสตั๊ด ปันดิอานีหันมาเอาดีในการทำงานเป็นโค้ช โดยเริ่มงานจากการเป็นผู้ช่วยโค้ชของทีม มาสนู ก่อนจะได้รับการแต่งตั้งให้คุมทีมในปี 2016 หลังจากนั้นเขาก็ตระเวนไปคุมทีมฟุตบอลอยู่หลายทีมทั้ง ลอร์ก้า รวมไปถึงทีมในยูเออีอย่าง ดิบบา อัล-ฮิสซิน ก่อนที่จะกลับไปคุมทีมในบ้านเกิดทั้ง เซอร์โร / เซอร์ริโต ก่อนที่ในเดือนธันวาคมปี 2022 เขาจะถูกแต่งตั้งให้เป็นกุนซือของทีม อัลเบี้ยน ซึ่งเจ้าตัวคุมทีมมาจนถึงปัจจุบัน
#วอลเตอร์ปันดิอานี
#เดปอร์ติโบลาคอรุนญ่า
#เอสปันญอล
วอลเตอร์ ปันดิอานี สมัยเริ่มสร้างชื่อกับทีมเพนารอลในลีกบ้านเกิดที่อุรุกวัย
ย้ายมาค้าแข้งในยุโรปเป็นครั้งแรกกับ ลา คอรุนญ่า แม้จะไม่ได้เป็นกองหน้าตัวหลักแต่ก็ทำผลงานได้ดีเสมอในฐานะกองหน้าตัวสำรอง
ปันดิอานีถ่ายภาพคู่กับรถบรรทุกสีแดงคู่ใจซึ่งเจ้าตัวใช้ขับไปฝึกซ้อมขณะที่ค้าแข้งอยู่ในสเปนเป็นประจำ
มาเล่นในลีกอังกฤษให้กับเบอร์มิงแฮมเป็นช่วงเวลาสั้นๆ
กลับมาค้าแข้งในสเปนอีกรอบกับ เอสปันญอล ก่อนจะโชว์ฟอร์มอันเอกอุด้วยการผงาดคว้าตำแหน่งดาวซัลโวของศึกยูฟ่า คัพในซีซั่น 2006/2007
ในวัยเฉียด 40 ปีเจ้าตัวไปค้าแข้งที่สวิตเซอร์แลนด์กับทีม โลซานน์ สปอร์ต
ภาพที่เห็นได้ไม่บ่อยนักของปันดิอานีในสีเสื้อทีมชาติอุรุกวัย เพราะเจ้าตัวติดทีมชาติไปเพียงแค่ 4 นัดเท่านั้น
หลังจากแขวนสตั๊ดก็หันมาเอาดีในด้านการเป็นกุนซือ โดยปัจจุบันเขาเป็นกุนซือของทีมอัลเบี้ยนในประเทศบ้านเกิดที่อุรุกวัย
โฆษณา