7 เม.ย. เวลา 03:32 • ข่าวรอบโลก

ทัพเมียนมาร์ย่ำแย่ต่อเนื่อง หลังสูญเสียเมืองชายแดนมะยะวะดีให้กลุ่มกบฏคะเรน

ทัพเมียนมาร์ประสบความพ่ายแพ้อีกครั้งในการสูญเสียเมืองชายแดนสำคัญ
กองกำลังทหารที่ยึดอำนาจในเมียนมาร์เมื่อ 3 ปีก่อน ต้องประสบความพ่ายแพ้อีกครั้งในการสูญเสียเมืองท่าชายแดนสำคัญทางด้านตะวันออกติดกับประเทศไทย
เมืองมะยะวะดี ซึ่งเป็นเส้นทางการค้าทางบกสำคัญที่เชื่อมโยงการค้าขายระหว่างเมียนมาร์และประเทศไทย ตกอยู่ในมือของกองกำลังชาติพันธุ์คะเรน หลังจากที่ทหารเมียนมาร์ที่เคยปกป้องเมืองนี้ไว้ต้องยอมจำนน
เหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ของกองทัพเมียนมาร์ที่ยึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือน และเป็นเพียงหนึ่งในหลายความพ่ายแพ้ที่เกิดขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
ก่อนหน้านี้ ทหารเมียนมาร์ได้ถูกโจมตีอย่างหนักจากกลุ่มกบฏชาติพันธุ์คะเรน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มต่อต้านรัฐประหารอื่นๆ ในพื้นที่ชายแดนตะวันออกของประเทศ จนไม่สามารถรักษาเมืองมะยะวะดีไว้ได้อีกต่อไป
การสูญเสียครั้งนี้ ส่งผลกระทบอย่างมากต่อกองทัพเมียนมาร์ เนื่องจากเมืองมะยะวะดีเป็นเส้นทางการค้าที่สำคัญทางเดียวเชื่อมโยงการค้าขายระหว่างประเทศ ทั้งยังเป็นเมืองใกล้กับเมืองใหญ่อย่างย่างกุ้งอีกด้วย
นอกจากเมืองมะยะวะดี กองทัพเมียนมาร์ยังต้องสูญเสียพื้นที่ในหลายพื้นที่ของรัฐฉานตามชายแดนจีน และรัฐยะไข่ตามชายแดนบังกลาเทศในช่วงที่ผ่านมาด้วย
ความต่อเนื่องของความพ่ายแพ้ส่งผลให้กองทัพเมียนมาร์ต้องเผชิญกับปัญหากำลังพลที่ขาดแคลน จนต้องบังคับเกณฑ์ประชาชนเข้ารับราชการทหาร เพื่อทดแทนกำลังพลที่ถูกสังหารหรือยอมจำนน
ในขณะเดียวกัน กองกำลังคะเรนก็ได้ใช้โอกาสนี้ในการฝึกทหารจิตอาสาจากเมืองใหญ่ที่หนีการปราบปรามของทหารจากเมืองหลวงมาเข้าร่วม และพยายามประสานความร่วมมือกับกลุ่มกบฏชาติพันธุ์อื่นๆ เช่น กองกำลังป้องกันชาติพันธุ์คะเรนนี ในรัฐฉาน และกองกำลังอิสรภาพคะฉิ่นในภาคเหนือของประเทศ
ความสมดุลของอำนาจในรัฐคะเรนเริ่มเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ทหารรัฐบาลเสียเปรียบ หลังจากมีกองกำลังกลุ่มติดอาวุธในพื้นที่ชายแดนไทย ซึ่งเคยสนับสนุนรัฐบาลเมียนมาร์ ตัดสินใจเปลี่ยนมาให้การสนับสนุนกลุ่มต่อต้านรัฐประหารแทน
ในขณะเดียวกัน ด้วยการต้องเผชิญการต่อสู้ในหลายพื้นที่ของประเทศ ส่งผลให้กองทัพเมียนมาร์ไม่สามารถเสริมกำลังเพื่อรักษาพื้นที่ในรัฐคะเรนได้อย่างเพียงพอ จึงต้องสูญเสียการควบคุมเส้นทางหลักไปสู่ชายแดน
เพื่อตอบโต้ความพ่ายแพ้ครั้งนี้ กองทัพเมียนมาร์ได้ตอบโต้ด้วยการทิ้งระเบิดจากอากาศบนพื้นที่ที่ตกอยู่ในมือของกลุ่มกบฏ ส่งผลให้มีผู้ประชาชนพลเรือนจำนวนมากต้องสูญเสียที่อยู่อาศัย และมีการเคลื่อนย้ายประชาชนจำนวนมากมุ่งหน้าสู่ชายแดนประเทศไทย เพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีทางอากาศในช่วงเวลาข้างหน้า
ความพ่ายแพ้ในครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งอุปสรรคสำคัญที่กองทัพเมียนมาร์ต้องเผชิญ หลังจากที่ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา พวกเขาต้องสูญเสียพื้นที่ไปจำนวนมากในหลายบริเวณของประเทศ ทั้งตามชายแดนจีนและชายแดนบังกลาเทศ
สถานการณ์ความวุ่นวายในประเทศเมียนมาร์ยังคงดำเนินต่อไป หลังจากที่คณะทหารได้ยึดอำนาจรัฐบาลพลเรือนมาตั้งแต่ปี 2564 โดยอ้างเหตุผลว่าการเลือกตั้งมีการทุจริต ท่ามกลางการต่อต้านจากประชาชนและกลุ่มกบฏทางการเมืองและทางชาติพันธุ์ที่ต่อต้านการยึดอำนาจของทหาร
โฆษณา