8 เม.ย. เวลา 00:27 • ปรัชญา

มรรคมีองค์ 8 ตอนที่ 1

โดย นีน่า วัน กอร์คอม
แปลโดย สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ก.
ดิฉันรู้ว่าการเจริญสติปัฏฐานมีประโยชน์ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะเจริญสติในชีวิตประจำวันอย่างไร ดิฉันรู้สึกว่าไม่มีเวลาเจริญสติปัฏฐานเลย ดิฉันต้องทำงาน
ข.
การเจริญสติปัฏฐานเป็นเรื่องที่เราจะรู้ชีวิตประจำวันจริง ๆ จะรู้ว่าทั้งการงานและตัวเรานั้นสภาพความเป็นจริงเป็นอย่างไร แต่ก็ดูเหมือนว่าคนเรานั้นอยากจะรู้แต่อย่างอื่นนอกจากตัวเอง ไม่กล้ารู้จักตัวเองหรือ? พระผู้มีพระภาคทรงชี้ให้เห็นว่า การรู้จักตัวเองนั้นดีกว่าการรู้จักสิ่งอื่น ๆ
ในวิสุทธิมัคค์ อิทธิวิธนิเทส มีข้อความว่า พระผู้มีพระภาคทรงทำมิให้พระนางอโนชาเทวีและหญิงบริวารพันหนึ่ง ผู้มาตามพระมหากัปปินะ เห็นพระราชามหากัปปินะ พร้อมทั้งบริษัท แม้นั่งอยู่ในที่ใกล้ เมื่อพระนางทูลถามว่า " ข้าแต่พระองค์ พระองค์ทรงเห็นพระราชาบ้างหรือ?" พระผู้มีพระภาคตรัสว่า "ก็ท่านแสวงหาพระราชาประเสริฐหรือ หรือว่าแสวงหาตนประเสริฐ"
พระนางจึงทูลว่า "แสวงหาตนประเสริฐ พระเจ้าข้า" ดังนี้จึงทรงแสดงธรรมเหมือนอย่างนั้น แด่พระนางอโนชาเทวีผู้ประทับนั่งแล้วนั้น ให้พระนางนั้น รวมทั้งหญิงบริวารพันหนึ่ง ดำรงอยู่ในโสดาปัตติผล ให้พวกอำมาตย์ดำรงอยู่ในอนาคามิผล ให้พระราชาดำรงอยู่ในอรหัตตผล ฉะนี้
การเจริญวิปัสสนาไม่ใช่สิ่งที่นอกไปจากชีวิตประจำวัน เจริญวิปัสสนาในชีวิตประจำวัน มีสติระลึกรู้ลักษณะของนามและรูปที่ปรากฏในชีวิตประจำวัน นั่นคือ การเจริญมัคค์มีองค์ ๘ ถ้าใครบอกว่าไม่มีเวลาเจริญวิปัสสนา ก็เพราะไม่เข้าใจว่ามัคค์มีองค์ ๘ นั้นคืออะไร
ก.
มัคค์มีองค์ ๘ นั้นคืออะไรแน่ เหมือนกับสติไหม และก็จำเป็นไหมสำหรับการรู้แจ้งอริยสัจธรรม จะทำให้เรามีความสุขมากขึ้น และช่วยให้เราปฏิบัติหน้าที่ของเราได้ดีขึ้นไหม
ข.
เมื่อพูดถึงสภาพธรรมใด ก็ควรจะรู้ว่าสภาพนั้นเป็นธรรมประเภทใด มิฉะนั้นก็จะเข้าใจไม่ชัดเจน มัคค์มีองค์ ๘ นั้นเป็นปรมัตถธรรมประเภทใด ปรมัตถธรรมมี ๔ ประเภท คือ จิต เจตสิก รูป และนิพพาน มัคค์มีองค์ ๘ เป็นเจตสิกทั้ง ๘ องค์เป็นโสภณเจตสิก เกิดกับโสภณจิตที่ระลึกรู้ลักษณะของนามและรูป
การระลึกรู้ลักษณะของนามและรูปนั้นเป็นการเจริญมัคค์มีองค์ ๘ ขณะใดที่เจตสิกธรรมซึ่งเป็นมัคค์มีองค์ ๘ นี้ ไม่เกิดกับโลกุตตรจิต (จิตที่รู้แจ้งนิพพาน) ขณะนั้นก็เป็นโลกียธรรม ขณะใดที่เจตสิกซึ่งเป็นมัคค์มีองค์ ๘ เกิดกับโลกุตตรจิต ขณะนั้นก็เป็นโลกุตตรมัคค์
คุณถามว่ามัคค์มีองค์ ๘ เหมือนกับสติไหม สติเป็นองค์หนึ่งของมัคค์มีองค์ ๘ คือเป็นสัมมาสติ การระลึกชอบ เราทราบแล้วว่าสติเกิดกับโสภณจิต สติเป็นสัมมาสติในมัคค์มีองค์ ๘ เมื่อเกิดร่วมกับปัญญาที่เห็นถูกในลักษณะของนามและรูปที่ปรากฏทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ขณะใดที่สติเกิดขึ้นระลึกรู้ลักษณะของนามธรรมรูปธรรมที่ปรากฏ ขณะนั้นก็เป็นการเจริญมัคค์มีองค์ ๘
ก.
ถ้าเช่นนั้นอารมณ์ของมัคค์มีองค์ ๘ นั้นก็จะต้องเป็นลักษณะของนามรูปที่ปรากฏทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ใช่ไหม
ข.
ถูกแล้ว
ก.
ได้ทราบว่าอารมณ์ของมัคค์มีองค์ ๘ นั้นจะต้องเป็นมหาสติปัฏฐาน ๔ คือ กาย เวทนา จิต ธรรม เสียงเป็นสติปัฏฐานได้ไหม
ข.
เสียงมีจริงไหม
ก.
มีจริง
ข.
ทำไมว่าเสียงมีจริง
ก.
ใคร ๆ ก็ได้ยินเสียงทางหูได้
ข.
เมื่อเสียงเป็นสิ่งที่รู้ได้ทางหู จะไม่ควรระลึกรู้ลักษณะของเสียงหรือ?
ก.
ควร
ข.
เสียงเป็นอารมณ์หนึ่งในมหาสติปัฏฐาน เพราะเสียงมีจริงและรู้ได้ทางหู ถ้าระลึกรู้ลักษณะของเสียงเนือง ๆ บ่อย ก็จะรู้ว่าเสียงเป็นรูปธรรมชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป
ก.
ความรู้สึกเป็นทุกข์เป็นสติปัฏฐานหรือเปล่า
ข.
ความรู้สึกเป็นทุกข์มีจริงไหม
ก.
มีจริง ๆ
ข.
เมื่อมีจริงก็เป็นสติปัฏฐาน ทุกสิ่งที่เป็นสภาพธรรมที่มีจริงรู้ได้ทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ นั้นเป็นสติปัฏฐาน สติระลึกรู้ได้
ที่ถามว่ามัคค์มีองค์ ๘ จำเป็นหรือไม่ในการรู้แจ้งอริยสัจธรรม จำเป็นมากที่เดียว เพราะไม่มีทางอื่นอีกเลย เมื่อรู้แจ้งอริยสัจธรรมขั้นแรกคือขั้นโสดาบันน์นั้นดับ ความเห็นผิดว่าเป็นตัวตนได้หมดสิ้นเป็นสมุจเฉท ความเห็นผิดว่าเป็นตัวตนนั้นจะดับหมดเป็นสมุจเฉทได้ ก็ด้วยการเจริญปัญญารู้สภาพธรรมตามเป็นจริง แจ้งชัดว่ามีแต่นามธรรมและรูปธรรมเท่านั้น นอกจากนามธรรมและรูปธรรมแล้วก็ไม่มีอะไร
คุณยังถามด้วยว่ามัคค์มีองค์ ๘ จะทำให้เรามีความสุขมากขึ้นไหม? จะช่วยให้ปฏิบัติหน้าที่ได้ดีขึ้นไหม? กิเลสของเราทำให้เราไม่มีความสุข และบางครั้งก็รู้สึกว่าชีวิตนี้ช่างลำบากเสียจริง ๆ ขณะที่กำลังเจริญมัคค์มีองค์ ๘ นั้น ยังดับกิเลสไม่หมด แต่ก็เกิดปัญญารู้ความจริงของชีวิตมากขึ้น เมื่อความยึดมั่นในความเห็นผิดว่าเป็นตัวตนลดน้อยลง
ก็จะทำให้ความมืดมนธ์ในชีวิตเบาบางลง ซึ่งก็จะมีความสุขมากขึ้น เมื่อเข้าใจชีวิตของตนเองมากขึ้นความสัมพันธ์กับคนอื่นก็จะเปลี่ยนไป เราจะเข้าใจคนอื่น ๆ ดีขึ้นและจะมีความเมตตากรุณามากขึ้น เมื่อเจริญสติปัฏฐานก็มีปัจจัยให้เกิดกุศลจิตและกุศลกรรมมากขึ้น เวลาที่ทำกิจการงานประจำวันด้วยกุศลจิตนั้น คุณไม่คิดหรือว่าจะทำได้ดีขึ้น
ก.
คุณบอกว่ามัคค์มีองค์ ๘ นั้น เป็นโสภณเจตสิก ๘ ดวง เจตสิกที่เป็นมัคค์ทั้ง ๘ นี้ ต้องเกิดกับจิตที่เจริญสติปัฏฐานทั้ง ๘ องค์ หรือ?
ข.
ถ้าไม่ใช่โลกุตตรจิต เจตสิกที่เป็นมัคค์ ๘ องค์นี้ เกิดไม่ครบ ๘ องค์ แต่เมื่อโลกุตตรจิตเกิด เจตสิกที่เป็นมัคค์ทั้ง ๘ องค์ นี้เกิดกับโลกุตตรจิตครบ ๘ องค์
โฆษณา