Bond Yield และ Dollar Index คืออะไร? 🤔
วันนี้ #เด็กการเงิน ขอพามาดูว่า Bond Yield และ Dollar Index คืออะไร และมีความเกี่ยวเนื่องกับตลาดหุ้นอย่างไรเมื่อสองตัวนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นและลดลง
📌Bond Yield คืออัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ปกตินักลงทุนทั่วโลกให้ความสนใจ Bond Yield 10 ปีของสหรัฐฯ และอาจจะดูควบคู่กับ Bond Yield 2 ปี
📌Bond Yield ที่ขึ้นลงส่งผลอะไรบ้าง?
Valuation: Bond Yield เป็น Discount Rate ในการคิดมูลค่าที่เหมาะสมของสินทรัพย์ ถ้า Bond Yield ปรับตัวสูงขึ้น จะส่งผลให้ Discount Rate ปรับตัวสูงขึ้น และมูลค่าที่เหมาะสมของสินทรัพย์ลดลง
Fund flow: การที่ Bond Yield ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้มีเงินไหลออกจากตลาดหุ้นหรือสินทรัพย์เสี่ยงไปยังพันธบัตรมากขึ้น ทั้งนี้หากพันธบัตรให้ผลตอบแทนสูงขึ้น ส่งผลให้ส่วนต่างของผลตอบแทนระหว่างพันธบัตรกับหุ้นน้อยลง พันธบัตรที่เสี่ยงน้อยกว่ามีความน่าสนใจมากกว่า และกดดันให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลง
Corporate: เมื่อ Bond Yield ปรับตัวสูงขึ้น หมายความว่าต้นทุนทาง การเงินของบริษัทก็จะสูงขึ้น บริษัทอาจจะชะลอการลงทุนออกไปก่อน หรือถ้าพอรู้ทิศทางว่าจะปรับขึ้น บริษัทอาจจะรีบล็อคต้นทุนทางการเงินก่อน เช่น รีบออกหุ้นกู้ เป็นต้น
Stocks: ธนาคารเป็นหุ้นที่ได้รับประโยชน์ เพราะปรับดอกเบี้ยในการปล่อยกู้ได้เพิ่มขึ้น บริษัทประกันก็ได้รับประโยชน์เช่นกัน เพราะพอร์ตการลงทุนของประกันจะเน้นไปที่ตราสารหนี้ราว 80%-90% แต่กลุ่มอสังหาริมทรัพย์จะได้รับผลกระทบเนื่องจากผู้ซื้อต้องกู้ธนาคารในอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นกว่าเดิม
Currency (ค่าเงิน): เงินดอลลาร์สหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นลดลงตาม Bond Yield ส่วนหนึ่งเพราะ Fund Flow ที่ไหลเข้าตอนนี้จาก Bond yield ปรับตัวสูงขึ้น
📌Dollar Index คือดัชนีชี้วัดการแข็งค่าและอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์เทียบกับสกุลเงินอื่นๆ ทั้งหมด 6 สกุล ได้แก่ ยูโร, ปอนด์, เยน, ดอลลาร์แคนาดา, โครนาสวีเดน และฟรังก์สวิส แต่ละสกุลเงินมีสัดส่วนในการคำนวณดัชนีไม่เท่ากัน แต่มีสัดส่วนของเงินยูโรเป็นหลักราว 58%
📌Dollar Index ที่ขึ้นลงส่งผลอะไรบ้าง?
Valuation: รายได้อาจจะเพิ่มขึ้นหรือลดลง จากการเปลี่ยนแปลงของค่าเงิน ซึ่งสุดท้ายจะถูกสะท้อนออกมาที่มูลค่าบริษัท เนื่องจากรายได้ที่ลดลง หมายถึงเงินสดที่จะได้รับก็จะน้อยลง
Fund Flow: Fund Flow ส่งผลต่อค่าเงิน โดยถ้า Fund Flow ไหลเข้าประเทศใดมากๆ จะส่งผลให้ค่าเงินของประเทศนั้นแข็งค่าขึ้น เช่น มี Fund Flow ไหลเข้าสหรัฐอเมริกามากๆ จะทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นได้
Corporate: กรณีที่ดอลลาร์แข็งค่า บริษัทส่งออกที่อยู่ในยุโรปจะดี สามารถนำเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เเลกเงินยูโรกลับมาได้มากขึ้น เพราะเงินยูโรอ่อนค่า ตรงกันข้ามกับบริษัทส่งออกในสหรัฐฯ จะมีรายได้ลดลง แต่บริษัทที่นำเข้าในสหรัฐฯ จะได้รับประโยชน์แทน
Stocks: กรณีที่เงินดอลลาร์อ่อนค่า บริษัทนอกสหรัฐฯ ที่มีหนี้เป็นสกุลเงินดอลลาร์ก็จะกำไรเพิ่มขึ้น เพราะเงินประเทศตนเองแข็งค่า จ่ายดอกเบี้ยในสกุลดอลลาร์น้อยลง แต่ถ้าเงินดอลลาร์แข็งค่าก็จะต้องจ่ายหนี้เพิ่มขึ้น ทำให้หลายบริษัทเลือกที่จะป้องกันความเสี่ยงค่าเงินผ่านการทำสัญญาซื้อขายดอลลาร์ล่วงหน้า
Currency: Dollar Index ที่สูงขึ้น ส่งผลให้นักลงทุนนอกสหรัฐฯ ต้องใช้เงินสกุลตนเองมากขึ้นเพื่อแลกเงินดอลลาร์ แต่นักลงทุนที่มีเงินดอลลาร์อยู่แล้ว จะได้เปรียบเพราะแลกกลับมาเป็นเงินสกุลตนเองได้มากขึ้น
Facebook 👉 https://www.facebook.com/DekFinance101
Blockdit 👉 https://www.blockdit.com/dekfinance
LINETODAY 👉https://today.line.me/th/v2/publisher/10240
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
