10 เม.ย. เวลา 09:52 • การตลาด

ศีรษะล้าน แต่ขายแชมพูและครีมนวดกลยุทธ์สุดแปลกของ The Rock

ดเวย์น จอห์นสัน หรือที่รู้จักกันในชื่อ "The Rock" เขาไม่เพียงแต่โด่งดังแค่ด้านมวยปล้ำหรือภาพยนตร์แอ็คชั่น แต่เขายังเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอีกด้วย
ล่าสุด เขาสร้างความฮือฮาอีกครั้งด้วยการเปิดตัวแบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและเส้นผมสำหรับผู้ชายที่มีชื่อว่า "Papatui" ซึ่งเจ้าตัวกล่าวว่า เขาใช้เวลาในการคิดและผลิตนานกว่าสี่ปี ครอบคลุมผลิตภัณฑ์ 12 รายการ ตั้งแต่สบู่ก้อนไปจนถึงบาล์มบำรุงสำหรับผู้ที่มีรอยสัก โดยมีราคาไม่เกิน 10 ดอลลาร์
แต่ประเด็นที่เป็นที่ฮือฮานั้นไม่ได้อยู่ตรงที่ราคาสินค้าหรือเพราะเป็นแบรนด์ของดาราที่มีชื่อเสียง แต่อยู่การตลาดสุดแปลกและสร้างเสียงหัวเราะของเจ้าของแบรนด์เองต่างหาก
เพราะอย่างที่รู้กันว่า ดเวย์น จอห์นสัน หรือ The Rock เขานั้นมีลักษณะโดดเด่น ด้วยร่างกายที่อัดแน่นด้วยกล้ามเนื้อและลายสักสุดเท่ และที่ดูเป็นไอคอนนิคที่สุดก็คงไม่พ้นศีรษะที่ล้านของเขา
แต่เขากลับกล้าที่จะออกผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม โดยที่ตัวเขาเองนั้นไม่มีผมเลยแม้แต่เส้นเดียว
ทั้งนั้นยังไม่พอเพราะว่า เขายังใช้ตนเองเป็นพรีเซ็นเตอร์ และใช้รูปของตนที่ใบหน้ายิ้มแย้มในการโฆณษาที่ชั้นวางขาย
พร้อมประโยคว่า "An expertly crafted plant derived formula that nourishes and strengthens your hair, My hair would've loved this 2 in 1 shampoo+ conditiner."
หรือที่แปลเป็นภาษาไทยประมาณว่า ผลิตภัณฑ์เป็นสูตรที่ทำจากพืชที่สร้างขึ้นโดยผู้เชี่ยวชาญช่วยบำรุงและเสริมสร้างเส้นผมของคุณ
และที่มันสร้างเสียงฮือฮาจนกลายเป็นไวรัลไปทั่วก็คือ ประโยคท้ายที่ว่า เส้นผมของฉันชอบแชมพูและครีมนวดผมแบบ 2 in 1 นี้มาก
ซึ่งใครอ่านดูก็คิดเหมือนกันว่ามันฟังดูตลกเพราะ The Rock เขาไม่มีผมเลยแม้แต่เส้นเดียวนั่นเอง เอาอะไรมาชอบก่อน!
แต่สิ่งนี้ก็เป็นที่ถูกอกถูกใจของชาวเน็ตอย่างมากถึงขั้นหลายคนแซวกันว่า อยากลองซื้อมาใช้จังจะได้มีผมสวยแบบ The Rock
อย่างไรก็ดี กลยุทธ์การตลาดสุดแปลกและกวนโอ๊ยของ The Rock นี้สร้างผลดีไว้ให้กับแบรนด์ของเขาได้ไม่น้อย
1. ดึงดูดความสนใจด้วยภาพลักษณ์ที่ขัดแย้ง
การที่นักแสดงฮอลลีวูดผู้โด่งดังเรื่องศีรษะล้าน ออกผลิตภัณฑ์แชมพูและครีมนวดผม นับเป็นการสร้างจุดสนใจและกระแสพูดคุยบนโซเชียลมีเดีย ทำให้ผู้คนต่างสงสัยว่าทำไมเขาถึงทำเช่นนี้ ซึ่งสร้างการมองเห็นให้แก่ของแบรนด์ของเขา
2. สร้างความรู้สึกเข้าถึงง่ายให้ผู้บริโภค
The Rock มักแสดงภาพลักษณ์ที่เป็นกันเอง ร่าเริง และมีอารมณ์ขัน ซึ่งเขาก็ใส่สิ่งนี้ลงไปในการโฆษณาของเขา ซึ่งช่วยให้ผู้บริโภครู้สึกว่าเขาเป็นเหมือนเพื่อนที่สามารถพูดคุยด้วยได้
และด้วยราคาผลิตภัณฑ์ของ Papatui ที่ทุกชิ้นราคาไม่เกิน 10 ดอลลาร์ ซึ่งถือว่าถูกในสหรัฐฯ ก็เป็นส่วนช่วยให้ผู้บริโภคเข้าถึงสินค้าของเขาได้ไม่ยาก
3. สร้าง First Impression ที่ดี
เมื่อผู้บริโภครู้สึกดีกับแบรนด์ตั้งแต่ครั้งแรก พวกเขาก็จะมีแนวโน้มที่จะมองและจดจำแบรนด์ในแง่ดี ซึ่งควาามรู้สึกนี้จะปรากฏออกมาเมื่อพวกเขาพบเห็นแบรนด์ในสถานที่ต่างๆ
หรือที่เรียกว่า Emotional branding (เน้นสร้างความรู้สึกทางอารมณ์ให้กับลูกค้า) ซึ่งในกรณีของแบรนด์ Papatui คือ ความขี้เล่นและเข้าถึงได้ง่ายนั่นเอง
เรียกได้ว่าเป็นการเปิดตัวแบรนด์และผลิตภัณฑ์ครั้งแรกได้ไม่เลวเลยสำหรับ Papatui ของ The Rock

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา