ความเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ กลายเป็นโจทย์หลักของนักการตลาดในยุคดิจิทัล หากเจาะลึกลงไปจะพบว่าการเปลี่ยนแปลงจนทำให้เกิดการดิสรัปด้านเทคโนโลยีรอบนี้ แท้จริงแล้วอาจจะมาจากการเปลี่ยนแปลง “โครงสร้างประชากร” ที่มีคนสูงวัยมากขึ้น การเกิดลดลง และการเพิ่มกำลังซื้อของกลุ่ม Gen Z
หากศึกษารายละเอียด จะพบว่า พฤติกรรมของกลุ่มผู้บริโภค GEN Z จะพบว่มีความโดดเด่น ในเรื่องการใช้โซเชียลมีเดีย ชาว Gen Z ติดโลกออนไลน์ ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในโลกดิจิทัล มีพฤติกรรมตัดสินใจซื้อสินค้าอย่างรวดเร็ว และไม่เกี่ยงเรื่องราคา มีข้อมูลจากการสำรวจของ Meta พบว่า คนไทย Gen Z มีการใช้ Facebook เพื่อรับข้อมูลข่าวสาร ประมาณ 91% , กลุ่มที่ใช้ Instagram 83%
คน Gen Z ให้ความสำคัญกับสินค้าที่แตกต่างหลากหลาย ไม่ใช่เสพติดแบรนด์เนมเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีพฤติกรรมที่เรียกว่า Multitasking เพราะทำหลายๆ อย่างพร้อมกัน จึงอาจจะมีหลายกลุ่มพฤติกรรมที่แตกต่าง และเป็นกลุ่มลูกค้าออนไลน์ตัวจริง
ขณะที่ “คนสูงวัย” ก็นับว่าเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มี “กำลังซื้อสูง” และมีความสนใจในสินค้าและบริการที่แตกต่างหลากหลายไม่ผิดกับวัยรุ่น จึงเป็นโอกาสสำหรับธุรกิจที่เรียกว่า “Silver Age” ทั้งอาหารสุขภาพ ความสวยงาม เฟอร์นิเจอร์ สัตว์เลี้ยง ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ทำให้มีการพัฒนาเทคโนโลยีต่าง ๆ มาช่วยดูแลตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนสูงวัย เช่น Saijai แพลตฟอร์มอีมาร์เก็ตเพลสที่ได้รับการพัฒนาเมื่อปลายปี 2564 เพื่อให้บริการคนสูงวัยที่บ้าน หรือ Care From Home
AR ช่วยให้ผู้ใช้มองเห็นวัตถุในรูปแบบ 3 มิติในพื้นที่จริง ซึ่งได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ปัจจุบันหลายบริษัทใช้ AR เป็นตัวช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น เช่น IKEA ผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ของสวีเดนใช้ AR ช่วยลูกค้าจำลองการวางเฟอร์นิเจอร์ในบ้านได้เสมือนจริง Rayban ผู้ผลิตแว่นตาของสหรัฐฯ ใช้ AR ให้ลูกค้าทดลองเลือกแว่นที่เข้ากับใบหน้า
ARtillery Intelligence บริษัทที่ปรึกษาด้าน AR ของสหรัฐฯ คาดว่า รายได้ของ AR โลกในปี 2567 จะแตะระดับ 21 พันล้านดอลลาร์สหรัฐหรือโตถึง 5.4 เท่าจาก 5 ปีก่อน
ในยุคดิจิทัล ใครมีข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) นับว่าใกล้เส้นชัยเข้าไปแล้ว เพราะ Big Data เป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจยุคใหม่ ซึ่งภาคธุรกิจนำ Big Data มาวิเคราะห์ เพื่อยกระดับองค์กร ไม่ว่าจะเป็นการจัดการความเสี่ยง การจัดการห่วงโซ่อุปทาน การวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า และการพัฒนากลยุทธ์การตลาด
โดย International Data Corporation บริษัทที่ปรึกษาของสหรัฐฯ ประเมินว่า ปี 2568 ปริมาณข้อมูลในภาคธุรกิจเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ 25% และมีตัวอย่างบริษัทที่นำ Big Data มาช่วยเพิ่มราย เช่น Netflix ผู้ให้บริการ Streaming ของสหรัฐฯ นำ Big Data โดยเฉพาะพฤติกรรมการใช้งานของลูกค้า Amazon ผู้ให้บริการ E-Commerce ระดับโลกใช้ Big Data วิเคราะห์เพื่อแนะนำสินค้าให้ตรงกับความต้องการลูกค้ามากที่สุด ช่วยให้รายได้ของบริษัทฯ ในปี 2564 เพิ่มขึ้นถึง 35%