12 เม.ย. เวลา 03:00 • ปรัชญา

เส้นทางสายกลาง

หนทางที่จะนำไปสู่อายตนนิพพานนั้นอยู่ในกลางตัวเรา เป็นเส้นทางสายกลางสายเดียวไม่มีสอง อยู่ในกลางกายเรา เริ่มต้นจากศูนย์กลางกายฐานที่ ๗
ซึ่งวิธีการที่จะไปสู่อายตนนิพพานนั้น เราจะต้องฝึกใจให้หยุดนิ่ง ใจเราที่แวบไปแวบมาคิดไปในเรื่องราวต่าง ๆ ให้นำมาหยุดนิ่งอยู่ตรงศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ วางใจให้หยุดนิ่งตรงนี้ ให้ได้ตลอดเวลาอย่างสบาย ๆ
การฝึกใจให้หยุดให้นิ่ง เราอาจจะคิดว่า เป็นสิ่งที่เราไม่คุ้นเคย แต่แท้จริงเป็นสิ่งที่เราเคยมีเมื่อยังเป็นเด็ก ๆ อายุยังน้อย ชีวิตในช่วงทารกไร้เดียงสานั้น เรามีความสุขเพราะปลอดจากความคิด แต่พอเจริญเติบโตขึ้นมาเรื่อยๆสิ่งแวดล้อมก็ได้หล่อหลอมชีวิต ทำให้เราค่อย ๆ คิดขึ้นมาคิดมากขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งอายุมากขึ้น ภารกิจก็มีมากขึ้น มีพันธนาการชีวิตมากขึ้น
เมื่อชีวิตถูกกำหนดให้มีการแข่งขัน หรือให้มีความรู้สึกว่าจะต้องเป็นหนึ่ง ความคิดก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นกว่าปกติ ยิ่งถูกหล่อหลอมด้วยการแข่งขัน ที่เกี่ยวพันกันไปทั้งโลกและมีผลกระทบมาถึงตัวเรา เราก็ยิ่งมีความคิดเพิ่มขึ้นนอกจากเวลาตื่นแล้ว
แม้เวลาหลับพักผ่อน ก็ยังเอาความคิดไปคิดต่อไปอีก และถ้าหากว่ายิ่งคิดด้วยใจที่ฟุ้ง ปัญญาไม่เกิด ก็ยิ่งกลุ้มยิ่งคิดไปกันใหญ่ ชีวิตที่ตกอยู่ในอิทธิพลของความคิด จึงเป็นชีวิตที่มีแต่ความทุกข์ทรมาน ไม่มีความสุข มีความเครียดสั่งสมอยู่ตลอดเวลา
ดังนั้น เมื่อเรามาปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ จะฝึกใจเข้าไปสู่แหล่งกำเนิดสันติสุขภายใน อันเป็นแหล่งของสติปัญญา แหล่งของอานุภาพภายใน ตลอดจนเป็นแหล่งแห่งความปรารถนาดี ต่อเพื่อนมนุษย์ และสรรพสัตว์ทั้งปวง และเป็นแหล่งแห่งความสมปรารถนา
วิธีการจึงตรงกันข้าม โดยเราจะต้องย้อนยุคไป สู่วัยที่เรายังไร้เดียงสาอยู่ ค่อย ๆ ผ่อนความนึกคิดที่มีมากให้ลดน้อยลง หรือที่มีน้อยก็ให้หมดไป ด้วยวิธีการกำหนดบริกรรมนิมิต กับบริกรรมภาวนานั่นเอง แล้วใจเราจะถูกกลั่นไปเรื่อย ๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีกทีละน้อยจนกระทั่งเราสังเกตไม่ออก แต่ว่าเมื่อเราทำบ่อย ๆ ต่อเนื่อง ด้วยวิธีการนิ่ง ๆ นุ่ม ๆ ละมุนละไม จิตใจจะแจ่มใสเบิกบาน ไม่ช้าใจก็จะหยุดนิ่ง หลุดจากความคิดทั้งมวล
เมื่อใจปลอดความคิด กายก็จะเบา จิตใจก็ฟองเบาขยาย กายเนื้อก็หายไป เราจะไม่รู้สึกที่ร่างกายเรา กายจะค่อย ๆ โล่ง โปร่ง เบา สบาย อาการที่ใจขยายนี่แหละเรียกว่าเบิกบาน เหมือนการคลี่ขยายของดอกไม้ที่ค่อย ๆ เบ่งบานทีละน้อย ขยายกลีบออกไป แต่นี่เป็นอาการขยายที่ใจ โดยใจของเราค่อย ๆ ขยายออกไปรอบตัวทุกทิศทุกทาง
เมื่อใจเรานิ่งต่อไปอีก รักษาความต่อเนื่อง ของอารมณ์สบายต่อไป แสงแห่งความบริสุทธิ์ ก็จะปรากฎเกิดขึ้น เป็นดวงกลมใส บริสุทธิ์ ความสุขก็วิ่งเพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ ดวงที่บริสุทธิ์ดวงนี้ ก็คือดวงธรรม
เมื่อเราไปเป็นอันหนึ่งอันเดียว กับสภาวธรรมตรงนี้แล้ว สัมมาทิฏฐิในเบื้องต้นจะเกิดขึ้น เราจะหมดคำถามหมดความสงสัย เกิดความเห็นถูกอย่างสมบูรณ์ และต่อจากนั้นจิตก็เดินทางไปเรื่อย ๆ เราจะเห็นสิ่งที่มีอยู่แล้วในตัวของเรา ซึ่งเป็นแผนผังของชีวิตทุก ๆ ชีวิต เป็นสิ่งที่ไม่ได้ปรุงแต่งขึ้นมา แต่มีอยู่แล้วตั้งแต่ดึกดำบรรพ์
เมื่อใจหยุดนิ่งได้ถูกส่วน ละเอียดเข้าไปเรื่อย ๆ เราจะเข้าถึงกายภายในเป็นชั้น ๆ เข้าไป ซึ่งมีลักษณะสวยงามแตกต่างกันขึ้นไปเรื่อย ๆ ทั้งความบริสุทธิ์ ความใส ขนาดใหญ่โตกว่ากัน มีความสุข ความบริสุทธิ์ต่างกัน รวมทั้งความนึกคิด
ดวงปัญญาแตกต่างกันขึ้นไปเรื่อย ๆ กระทั่งเข้าถึงกายธรรม ซึ่งเป็นกายที่ซ้อนอยู่ที่ละเอียดที่สุด สมบูรณ์ที่สุด เป็นกายภายในที่เป็นสรณะ ที่พึ่ง ที่ระลึก เป็นกายที่เที่ยงแท้ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานแล้ว
หากทุก ๆ คนในโลกหมั่นฝึกใจให้หยุดนิ่ง และเข้าถึงพระธรรมกายเหมือน ๆ กัน จะเกิดการเปลี่ยนแปลงของโลกครั้งยิ่งใหญ่ จะเป็นโลกแห่งสันติสุขที่ใคร ๆ นึกไม่ถึงทรัพยากรธรรมชาติที่มีอย่างจำกัด จะถูกแบ่งปันด้วยความปีติยินดี ด้วยความยุติธรรม
คำว่า "ยุติธรรม" หมายถึง เมื่อมีธรรมแล้วทุกสิ่งก็ยุติ เพราะเมื่อเข้าถึงธรรมกายสมบูรณ์แล้ว เราจะมีหัวใจของผู้ให้ เกิดความสุขที่ได้จากการให้ มากกว่าการรับ ทุกคนจะแบ่งปันซึ่งกันและกัน ทุกสิ่งจะยุติสิ้นสุดลง ไม่มีความเดือดเนื้อร้อนใจ เพราะต่างก็มีหัวใจดวงเดียวกัน คิดพูดทำเหมือนกัน ถ้าทุกคนคิดตรงกันอย่างนี้ สันติสุขที่แท้จริงก็จะบังเกิดขึ้น ความยุติธรรมก็เกิดขึ้น แล้วตอนนั้นจะเกิดการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อม ขยายขอบเขตออกไป อย่างน่าอัศจรรย์ใจ
โอวาทคุณครูไม่ใหญ่
๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๑
จากหนังสือ บางสิ่งที่แสวงหา เล่ม ๒ (หน้า ๔๑-๔๕)
ภาพดีๆ ๐๗๒, เพจการบ้าน
โฆษณา