15 เม.ย. เวลา 03:00 • ธุรกิจ

จอห์น ดี. ร็อกกี้เฟลเลอร์ คนรวยที่สุดในโลกตลอดกาล สอนลูกเรื่องเงินอย่างไร

มีความเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่า
1
“ถ้าคุณทวดซึ่งเป็นผู้นำตระกูลในสมัยนั้น
สามารถสร้างความมั่งคั่ง จนเป็นมหาเศรษฐี
และทำให้ตระกูลร่ำรวยขึ้นมาได้
ในอีก 3 รุ่นถัดมาคือ รุ่นหลาน
ความมั่งคั่งที่คุณทวดหามาได้จะถูกใช้ไป จนหมดสิ้น”
แต่ความเชื่อนั้น ใช้ไม่ได้กับตระกูล “ร็อกกี้เฟลเลอร์”
เพราะถึงแม้เวลาจะผ่านมาถึง 5 รุ่น หรือกว่า 100 ปีแล้ว ลูกหลานของตระกูลนี้ ก็ยังสามารถรักษาความมั่งคั่ง
ให้ยังเป็นตระกูลของคนรวยไว้ได้
แล้วตระกูลร็อกกี้เฟลเลอร์ มีวิธีการอย่างไร จึงยังสามารถรักษาสถานะให้เป็นตระกูลคนรวยได้มาเป็นร้อยปี ?
MONEY LAB จะย่อยเรื่องการเงิน การลงทุน ให้เข้าใจง่าย ๆ
เรื่องนี้ต้องย้อนกลับไปในสมัยที่ จอห์น ดี. ร็อกกี้เฟลเลอร์
ยังเป็นคนรวยที่สุดในโลกอยู่
จุดเริ่มต้นนั้น เริ่มมาจากสิ่งที่เรียบง่ายที่สุดคือ การสอนลูกของเขาในเรื่องการเงินตั้งแต่ยังเล็ก ซึ่งการสอนของคุณร็อกกี้เฟลเลอร์ เริ่มขึ้นเมื่อตอนลูก ๆ ของเขาอายุ 7 ขวบ
โดยเขาจะให้เงินค่าขนมลูกเป็นรายสัปดาห์ และสอนว่า เงินที่ได้รับมา ควรแบ่งเป็น 3 ส่วน เพื่อสำหรับใช้ตามวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันออกไป
- 80% เพื่อใช้ในส่วนที่ตัวเองอยากใช้
- 10% เพื่อออมไว้ใช้สร้างอนาคต
- 10% เพื่อบริจาคการกุศล
1
ทั้งนี้ เขายังสอนลูกถึงวิธีในการจัดทำบัญชี เพื่อทำงบการเงินส่วนบุคคล เพื่อใช้บันทึกว่า ในแต่ละสัปดาห์นั้นเงินถูกใช้ไปกับอะไรบ้างอีกด้วย
โดยทุกวันเสาร์ของสัปดาห์ เด็ก ๆ จะต้องนำสมุดบัญชีมาให้เขาดู
หากเขาพบว่า ลูกของเขาเสียค่าใช้จ่ายไปกับอะไรที่ไม่จำเป็นมากเกินไป เขาก็จะคอยสอนและให้คำแนะนำเพิ่มเติม
หรือถ้าลูกของเขาอยากได้เงินมากขึ้น ก็ต้องมาช่วยทำงานบางอย่างเพิ่มเติม
นอกจากนี้ คำสอนและคำแนะนำ ที่คุณร็อกกี้เฟลเลอร์ ใช้สอนลูก ยังมีอีกหลายเรื่องที่สำคัญ ไม่แพ้การทำบัญชี
ซึ่งเราสามารถสรุปออกมาได้เป็นหลัก 5 ข้อ ดังนี้
1. เริ่มสอนลูกเรื่องการเงินตั้งแต่เนิ่น ๆ
เป็นไปตามคำโบราณที่ว่า “ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก”
เพื่อให้ลูกของเขาเข้าใจความสำคัญของเงิน เขาจึงเลือกที่จะสอนลูกตั้งแต่ยังเล็ก
โดยเริ่มปูพื้นฐานความรู้ทางการเงินของลูกให้แน่น
สอนให้เห็นถึงความสำคัญของการเก็บออมเงิน
และการนำเงินไปต่อยอดในการลงทุน เพื่อให้เงินเจริญงอกเงยต่อไป
2. ทำเป็นแบบอย่างให้ดู
วิธีที่จะช่วยสนับสนุนการสอนที่ดีที่สุด ก็คือการทำตัวให้เป็นแบบอย่างที่ดีกับลูก
โดยการใช้ชีวิตของคุณร็อกกี้เฟลเลอร์เอง ก็นับเป็นตัวอย่างที่ดี เพราะแม้ว่าตอนนั้น เขาจะเป็นคนที่รวยที่สุดในโลกก็ตาม แต่ในการใช้ชีวิตของเขา ก็ยังเป็นคนสมถะ ประหยัด และอยู่อย่างเรียบง่าย
จากการที่ลูก ๆ ได้เห็นพฤติกรรมของเขาเป็นตัวอย่าง ในทุกวันแบบนี้ ก็ทำให้ลูก ๆ ได้ซึมซับพฤติกรรมของคุณร็อกกี้เฟลเลอร์ไปโดยอัตโนมัติ
3. สอนถึงคุณค่าของการทำงานอย่างตั้งอกตั้งใจ
คุณร็อกกี้เฟลเลอร์นับว่าเป็นคนที่ทำงานหนักมาก แบบหามรุ่งหามค่ำ
ซึ่งสิ่งนี้เอง เขาก็ได้ถ่ายทอดมาสู่ลูก ๆ ของเขาด้วย
เพราะการทุ่มเททำงานอย่างตั้งอกตั้งใจในทุกวันนั้น นอกจากจะทำให้มีโอกาสหาเงินได้มากขึ้นแล้ว ก็ยังทำให้เกิดการเรียนรู้มากขึ้น และเก่งขึ้นอีกด้วย
นอกจากนี้ คำแนะนำที่เขาให้แก่ลูก ๆ ยังรวมไปถึง
การหางานที่เรารัก งานที่เราคิดว่ามีความหมายต่อชีวิตของเรา และตั้งอกตั้งใจทำไปจนตลอดชีวิต
เพราะถ้าเราได้ทำในสิ่งที่เรารักในทุกวัน ต่อให้มันจะหนักหรือเหนื่อยแค่ไหน เราก็อาจจะไม่ได้รู้สึกว่า มันเป็นงานเลยก็ได้ แต่มันคือวิถีชีวิตของเรา เพราะมันทำให้ชีวิตของเรามีความหมายในทุกวัน
4. สอนถึงคุณค่าของการทำการกุศล
คุณร็อกกี้เฟลเลอร์ เป็นหนึ่งในต้นแบบของมหาเศรษฐีใจบุญ ที่บริจาคความมั่งคั่งของตัวเอง เป็นจำนวนเงินที่มาก เพื่อไว้ใช้ช่วยเหลือผู้อื่น
1
จริง ๆ ต้องเล่าเพิ่มเติมว่า ในอดีตเขาไม่ได้ให้ความสำคัญต่อการบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นเลย
ชีวิตของเขามีแต่การทำงานหนัก มีแต่ความเครียดสะสม ในเรื่องการขยายบริษัท Standard Oil และการสร้างความมั่งคั่งให้มากขึ้น
จนวันหนึ่ง ในวัย 50 ปี เขาได้ป่วยหนักจนเกือบจะเสียชีวิต
ทำให้เขาได้พบว่า เงินที่เขาหามาได้เยอะขนาดนี้
ไม่ได้ช่วยให้เขา มีความสุขเพิ่มขึ้นเลยสักนิดเดียว
นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นให้เขาได้เริ่มทำการกุศล โดยบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น
ผลก็คือ หลังจากนั้นไม่นาน อาการป่วยของเขาก็เริ่มดีขึ้น
และเขาก็มีความสุขกับการใช้ชีวิตมาก
ซึ่งตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จนวันสุดท้ายของชีวิต
เขาก็ได้ใช้เวลาส่วนใหญ่ของชีวิต ทำงานด้านการกุศล
เพื่อการช่วยเหลือผู้อื่น และทำให้โลกนี้ดีขึ้น
1
ตัวอย่างขององค์กรการกุศล ที่เขาริเริ่ม และโด่งดังระดับโลก ก็คือ “มูลนิธิร็อกกี้เฟลเลอร์”
เพราะเป็นมูลนิธิที่สนับสนุนเงินทุนในด้านการแพทย์, การวิจัย และการศึกษา ให้กับพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วโลก
นอกจากนี้ เงินที่เขาบริจาค ยังเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลก ในปัจจุบัน
นั่นก็คือ “มหาวิทยาลัยชิคาโก”
1
5. สอนถึงคุณค่าความสำคัญของการศึกษา
คุณร็อกกี้เฟลเลอร์เชื่อว่า ถ้าลูก ๆ ของเขาได้มีโอกาสเรียนหนังสือ และศึกษาหาความรู้ในระดับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ ก็จะทำให้ชีวิตมีความเจริญก้าวหน้า
ในปัจจุบัน การศึกษาหาความรู้นั้น ก็ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แค่ต้องเรียนหนังสือในสถาบันการศึกษาเท่านั้น
แต่การหาความรู้ เราสามารถหาได้รอบตัว
เช่น การอ่านข่าว, อ่านหนังสือ, เรียนคอร์สออนไลน์, ฟังพอดแคสต์, อ่านบทความดี ๆ ในเรื่องที่เราสนใจ
ที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อชีวิตของเราในอนาคต
1
ซึ่งการมีความรู้มากขึ้น ยังช่วยทำให้ชีวิตของเรา มีระบบความคิด และการไตร่ตรองที่ดีขึ้นอีกด้วย ซึ่งจะช่วยเราได้มากในการทำงาน และเวลาที่เราต้องตัดสินใจในเรื่องยาก ๆ
อ่านมาถึงตรงนี้ ก็เชื่อว่า เราก็คงเข้าใจหลักการสอนลูกของคุณจอห์น ดี. ร็อกกี้เฟลเลอร์ มหาเศรษฐีที่รวยที่สุดตลอดกาลในประวัติศาสตร์โลกกันไปแล้ว
โดยหลักการเหล่านี้ ก็ยังสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น ภายในตระกูลร็อกกี้เฟลเลอร์กันอยู่
จึงไม่น่าแปลกใจ ที่ทุกวันนี้ ตระกูลนี้ก็ยังสามารถรักษาความมั่งคั่งเอาไว้ และพร้อมส่งต่อให้รุ่นถัด ๆ ไปได้..
-หนังสือ Titan: The Life of John D. Rockefeller (2004) โดย Ron Chernow
-หนังสือ Andrew Carnegie (2007) โดย David Nasaw
-หนังสือ The Prize: The Epic Quest for Oil, Money & Power (2008) โดย Daniel Yergin
2
โฆษณา