12 เม.ย. 2024 เวลา 03:33 • หนังสือ

“มากไปไม่ยั่งยืน”

ตั้งแต่ปี ค.ศ.1800 ประชากรมนุษย์มีจำนวนอยู่ที่ประมาณ 1 พันล้านคน จนถึงปัจจุบันประชากรมนุษย์มีจำนวนเพิ่มขึ้นถึงประมาณ 7 พันล้านคน หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 (2 กันยายน ค.ศ.1945) ประเทศมหาอำนาจได้จัดทำแผนสนับสนุนเงินทุนให้แก่ประเทศผู้แพ้สงคราม และประเทศพันธมิตรที่ต้องฟื้นฟูจากพิษร้ายของสงคราม
ประเทศมหาอำนาจอย่าง อังกฤษ อเมริกา ต่างก็เร่งดำเนินการฟื้นฟูประเทศของตนเอง ให้มีศักยภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน อุตสาหกรรม หรือแม้กระทั่งการสนับสนุนการให้กำเนิดบุตร เพื่อต้องการที่จะเร่งอัตราการเกิดของประชากรให้มากขึ้น
การเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรมนุษย์ ผลักให้อุตสาหกรรมต่างๆ มีการเติบโตแบบก้าวกระโดด ด้วยการสนับสนุนจากทางภาครัฐ ผู้คนวัยแรงงาน/วัยทำงานะมีจำนวนมากขึ้น ผู้คนมีกำลังทรัพย์ในการจับจ่ายใช้สอย ทำให้เศรษฐกิจภายในประเทศเติบโต
การเติบโตของระบบอุตสาหกรรมทำให้มนุษย์ถูกยึดติดอยู่กับเวลา เช่น การเข้างานตั้งแต่ 09.00 น. - 17.00 น., ทำให้การบริโภคอาหารหรือความต้องการทางด้านพลังงานมีปริมาณที่มากขึ้น หรือต้องทานอาหารให้ครบ 3 มื้อ
นับตั้งแต่ปี ค.ศ.2000 การพัฒนาทางด้านเทคโนโลยี เช่น อินเตอร์เนต,การพัฒนาด้านอุตสาหกรรมอาหาร,อุตสาหกรรมรถยนต์,อุตสาหกรรมเหมืองแร่ และอื่นๆอีกมากมาย ต้อง drive ตัวเองให้มีกำลังการผลิตที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของประชากรมนุษย์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
การบริโภคที่มากขึ้นนี้เองที่เป็นภัยเงียบต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม โรงงานอุตสาหกรรมอาหาร โรงเพาะเลี้ยงสัตว์โรงฆ่าสัตว์ ต่างกักตุน stock สินค้าไว้มากมายเพื่อที่จะได้จำหน่ายสินค้าอุปโภค บริโภค เข้าสู่ตลาด หมูนเวียนในระบบเศรษฐกิจ
เกิดการกินทิ้งกินขว้าง เศษอาหาร พลาสติก สิ่งปฏิกูล ต่างๆ ที่ไม่มีระบบการบริหารจัดการได้ดีพอ เกิดการระเบิดภูเขาหลายแห่งเพื่อที่จะขุดสินแร่ต่างๆขึ้นมา เพื่อใช้ทำเป็นเครื่องประดับ ใช้ในการเป็นชิ้นส่วนอุปกรณ์ออิเล็กทรอนิกส์ ทำให้ส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ เกิดภาวะโลกร้อนจนทุกวันนี้เปลี่ยนไปใช้คำว่า ”ภาวะโลกเดือด“ กันแทนแล้ว
อยากให้ทุกท่านที่มีความอดทนอ่านมาจนถึงตอนนี้ เราลองกลับไปคิดทบทวนตัวเองดูว่าเราจะสามารถช่วยกัน ลดการบริโภค ลดการใช้พลังงาน ลดการใช้พลาสติก ลดการใช้สิ่งของต่างๆ อย่างสิ้นเปลือง เพราะสิ่งต่างๆ เหล่านี้ ในอนาคตมันก็จะกลายไปเป็น ขยะ เป็นพิษร้าย ต่อสังคม ต่อสิ่งมีขีวิต ต่อสิ่งแวดล้อม ที่จะค่อยๆกัดกร่อน โลกของเรา ทำให้คนรุ่นหลังอยู่กันอย่างยากลำบากมากยิ่งขึ้น
ท้ายนี้ ฝากไว้ให้ทุกท่านลองคิดดูว่าใครกันเหล่าที่สอนให้คุณรู้จักเวลาเพื่อที่จะยึดโยงชีวิตของเราให้เข้ากับระบบอุตสาหกรรม ใครกันเหล่าที่บอกว่าคนเราต้องทานอาหารให้ครบ 3 มื้อ (ทั้งที่สมัยอดีตเราล่าสัตว์ หาของป่า ก็เมื่อยามที่เราหิวหรือต้องการพลังงานเท่านั้น)
โฆษณา