12 เม.ย. 2024 เวลา 11:30 • ไลฟ์สไตล์

อยากมี Passive Income เดือนละ 10,000+ บาทไปตลอด ต้องมี “เงินต้น” เท่าไหร่?

มีคนเคยบอกว่า “เงินล้านแรก” หายากที่สุด แต่ถ้าหาได้แล้ว “เงินล้านต่อไป” จะง่ายขึ้น
1
เป็นความจริงแค่ไหนคงจะขึ้นกับการบริหารจัดการเงินของแต่ละคน แต่ที่สำคัญไปกว่าการมีล้านแรก คือ “การรักษาเงินล้านแรก” ให้อยู่กับเราได้นานแค่ไหน และอยู่อย่างเดียวก็ยังไม่พอ ต้องสามารถสร้างผลตอบแทนเป็น Passive Income กลับมาหาเราทุกเดือนให้ได้ด้วย
การมี Passive Income ให้เกินกว่าระดับรายจ่ายที่มีต่อเดือนเป็นสิ่งที่ทุกคนน่าจะไฝ่ฝัน เพราะมันแสดงถึงการมีอิสรภาพทางการเงินได้เป็นอย่างดี หมายความว่า เราไม่จำเป็นต้องทำงานหาเงินก็ได้ เพราะมีรายได้จากการลงทุนเป็น Passive Income ที่ครอบคลุมรายจ่ายแล้ว
ซึ่ง Passive Income นั้นสร้างไม่ยาก ถ้ามีต้นทุนหนา และหาผลตอบแทนได้ เท่ากับว่าส่วนสำคัญในการสร้าง Passive Income หลักๆ ก็จะมีอยู่ 2 ปัจจัย ได้แก่ เงินต้น และผลตอบแทน นั่นเอง
✅1. #เงินต้นในการลงทุน
เงินต้นเป็นสิ่งสำคัญมากในการสร้าง Passive Income ที่มาจาการลงทุน โดยถ้าเราอยากมีเงินเข้ากระเป๋าเป็น Passive Income ทุกๆ เดือน เงินต้นที่จะต้องมีอยู่ที่หลักล้านบาทเลย
ยิ่งเรามีเงินต้นมาก ก็เหมือนกับการมีจุด Start ที่แข็งแรง สามารถสร้างผลตอบแทนที่เป็นตัวเงินได้เยอะขึ้น แต่ถ้าเรามีทุนน้อย Passive Income ก็จะน้อยตามไปด้วย และอาจต้องใช้ตัวช่วยเป็นการเพิ่มระดับผลตอบแทนที่คาดหวังให้เพิ่มสูงขึ้นจากการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
✅2. #ผลตอบแทนจากการลงทุน
เรามักจะได้ยินคนพูดอยู่บ่อยๆ ว่า “ถ้าอยากรวยต้องลงทุน” หรือ “ฝากเงินกับธนาคารรวยช้า” นั่นก็เพราะด้วยเรื่องของ “ผลตอบแทน” ที่ได้จากการนำเงินไปไว้ในสินทรัพย์ต่างๆ ที่มีความเสี่ยงต่างกัน
ซึ่งแน่นอนว่าสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนต่ำ ความเสี่ยงในการที่จะสูญเสียเงินต้นก็จะต่ำ แต่สินทรัพย์อะไรที่ให้ผลตอบแทนสูง ก็มีความเสี่ยงที่จะสูญเสียเงินต้นสูง หรือขาดทุนมากกว่าเช่นเดียวกัน
งั้นเราลองมาดูหน่อยว่า สินทรัพย์ไหนให้ผลตอบแทนเป็นอย่างไร เพื่อนำไปใช้เป็นไกด์ไลน์คร่าวๆ ในการเลือกลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ได้ (แต่ๆ อย่าลืมประเมินความเสี่ยงจากการลงทุนที่ยอมรับได้ด้วย) โดยอ้างอิงจาก บลน.Treasurist แสดงผลตอบแทนจากการลงทุนเฉลี่ย 5 ปีล่าสุด พบว่า หุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ = ประมาณ 10.5% ต่อปี, ทองคำ = ประมาณ 6.7% ต่อปี, หุ้นไทย (SET) = ประมาณ 2.1% ต่อปี, พันธบัตรระยะกลาง = ประมาณ 1.9% ต่อปี, กองทุนอสังหาฯ = ประมาณ 1.3% ต่อปี, คริปโตฯ = ประมาณ 0.3% ต่อปี
ทั้งนี้ ผลตอบแทนที่ได้มักจะแตกต่างกันไป มากบ้างน้อยบ้าง และที่สำคัญถ้าดูในระยะยาว ผลตอบแทนบางสินทรัพย์จะขึ้น และบางสินทรัพย์จะลงสลับกันไปด้วย ซึ่งทำให้เกิดความไม่แน่นอน หากลงทุนเพียงสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่งก็ถือว่ามีความเสี่ยงที่ค่อนข้างกระจุกตัว
ทางออกเพื่อให้ไปถึงเป้าหมายการมี Passive Income ที่ยั่งยืน คือ “การกระจายการลงทุน” หรือลงทุนด้วยหลักของการบริหารความเสี่ยงในรูปแบบพอร์ตโดยรวม ซึ่งเราจะสามารถเลือกระดับความเสี่ยงได้
เขียนโดย: วัฒนา มะสันเทียะ
ภาพ: จตุรภุช อำพวัน
#aomMONEY #เงินล้านแรก #Passiveincome #อยากมีเงินล้าน #วางแผนการเงิน #วางแผนการลงทุน
โฆษณา