12 เม.ย. เวลา 16:28 • กีฬา

EP.34 เอ็มมานูเอล โอลิซาเดเบ้ - ดาวเตะผิวสีคนแรกของโปแลนด์

- นักฟุตบอลผิวสีหรือพูดกันแบบตรงๆก็คือ นักฟุตบอลผิวดำ เป็นกลุ่มนักฟุตบอลที่เข้ามาค้าแข้งในดินแดนยุโรปกันอย่างมากมาย โดยพวกเขาต่างมีความโดดเด่นในเรื่องของสรีระไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของความเร็วรวมไปถึงความแข็งแกร่งของร่างกาย
- ปัจจุบันมีนักฟุตบอลผิวสีเข้ามาค้าแข้งในทวีปยุโรปกันเป็นจำนวนมากและนี่ก็ทำให้หลายประเทศในยุโรปเลือกที่จะให้สัญชาติแก่นักเตะผิวสีเพื่อให้สามารถลงเล่นให้แก่ประเทศในยุโรปได้ โดยถ้าหากให้นึกว่าชาติไหนที่มีนักเตะผิวสีติดทีมชาติกันอย่างมากมายก็คงจะเป็นกลุ่มประเทศที่เคยล่าอาณานิคมในสมัยอดีตไม่ว่าจะเป็น ฝรั่งเศส / โปรตุเกส / อังกฤษ รวมไปถึง เนเธอร์แลนด์
- แต่ถ้าหากพูดถึงทีมชาติ โปแลนด์ ซึ่งเป็นประเทศที่ตั้งอยู่ระหว่างยุโรปกลางกับยุโรปตะวันออก ก็อาจจะมีข้อสงสัยกันว่าโปแลนด์เคยมีนักเตะผิวสีมาติดทีมชาติด้วยหรือ แต่เมื่อลองสืบค้นข้อมูลและติดตามดูฟุตบอลโลกก็จะพบว่าโปแลนด์เคยมีนักเตะผิวสีมาติดทีมชาติอยู่เหมือนกันและเขาคนนั้นก็เป็นหนึ่งในดาวเตะที่ได้ไปลุยฟุตบอลโลก 2002 กับทีมชาติโปแลนด์โดยเขามีนามว่า เอ็มมานูเอล โอลิซาเดเบ้
- เอ็มมานูเอล โอลิซาเดเบ้ (Emmanuel Olisadebe) เกิดเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม ปี 1978 ที่เมืองวาร์รี ประเทศไนจีเรีย โดยเจ้าตัวเริ่มเล่นฟุตบอลในตำแหน่งกองหน้าให้กับสโมสรในบ้านเกิดอย่าง แจสเปอร์ ยูไนเต็ด โดยลงเล่นไป 40 นัดและทำได้ 20 ประตูซึ่งถือว่าไม่เลวเลยทีเดียวในฐานะนักเตะดาวรุ่งที่อายุยังไม่ถึง 20 ปี
- ในปี 1997 โปโลเนีย วอร์ซอ ทีมสโมสรฟุตบอลของประเทศโปแลนด์ก็ได้เห็นฝีเท้าของดาวเตะเชื้อชาติไนจีเรียนั่นจึงทำให้พวกเขาเซ็นสัญญากับโอลิซาเดเบ้ โดยการย้ายมาค้าแข้งในทวีปยุโรปทำให้เขาต้องมีการปรับตัวมากพอสมควรไม่ว่าจะเป็นเรื่องในสนามและเรื่องนอกสนามซึ่งมักจะเป็นการต้องรับมือกับการถูกเหยียดผิวและเหยียดเชื้อชาติ
- โอลิซาเดเบ้สามารถคว้าทริปเปิลแชมป์กับโปโลเนีย วอร์ซอได้ในปี 2000 ก่อนที่เขาจะถูก พานาธิไนกอส ยักษ์ใหญ่ของลีกกรีซดึงตัวไปร่วมทีมในฤดูกาล 2001/2002 แม้ว่าในปี 2004 เขาจะสามารถพาทีมคว้าแชมป์ลีกได้เป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี แต่ปัญหาที่เขาต้องเผชิญตลอดกับการค้าแข้งในประเทศกรีซก็คือการถูกเหยียดผิวจากแฟนบอลฝั่งตรงข้ามซึ่งนักเตะผิวสีหลายคนก็มักมีชะตากรรมไม่ต่างจากโอลิซาเดเบ้มากเท่าไหร่นัก
- โอลิซาเดเบ้ได้รับบาดเจ็บจนต้องเข้ารับการผ่าตัด ทำให้ในช่วงปี 2005 เขาได้ลงเล่นค่อนข้างน้อยจนกระทั่งเขาถูกปล่อยตัวไปให้ทีมจากอังกฤษคือ พอร์ทสมัธ แต่เจ้าตัวได้ลงเล่นในอังกฤษเพียงแค่ 2 นัดและเป็นความพ่ายแพ้ทั้ง 2 นัดต่อทั้ง เอฟเวอร์ตัน และ เบอร์มิงแฮม
- หลังจากลงเล่นให้พอร์ทสมัธแค่ 2 เกมเขาก็ถูกสโมสรยกเลิกสัญญา โดยหลังจากนั้นเขาก็กลับไปค้าแข้งในกรีซกับทีม สโกด้า ซานธี จากนั้นก็ย้ายไปค้าแข้งในไซปรัสกับทีม เอป๊อป คินรัส เปเยียส โดยลงเล่นให้ทีมไป 1 ฤดูกาลโดยทำสถิติลงเล่น 17 นัดและยิงไปได้ 6 ประตู
- ช่วงปี 2008 ไชนีส ซุปเปอร์ลีกของประเทศจีนเริ่มที่จะมีแนวคิดก่อร่างสร้างลีกให้มีความแข็งแกร่งซึ่งพวกเขาเริ่มได้มีการดึงนักเตะที่ค้าแข้งในยุโรปเข้ามาซึ่งโอลิซาเดเบ้ก็เป้นหนึ่งคนที่ถูกดึงตัวไปค้าแข้งในลีกของประเทศจีน โดยเขาได้เข้าร่วมทีม เหอหนาน คอนสตรัคชั่น ซึ่งฤดูกาลแรกเขาก็ทำผลงานได้ไม่เลวโดยทำได้ 12 ประตูจาก 26 นัด
- แม้ว่าจะสามารถทำประตูได้ในเกมที่พาทีมเอาชนะ เซี่ยงไฮ้ เสิ่นหัว ไป 2-0 แต่เขาก็ได้รับบาดเจ็บซึ่งผลก็คือ เอ็นไขว้เข่าซ้ายของเขาฉีกขาด และเป็นอาการบาดเจ็บที่ส่งผลต่ออาชีพการค้าแข้งของเขาซึ่งนั่นทำให้ในปี 2010 เขาลงเล่นให้กับเหอหนาน คอนสตรัคชั่นเป็นปีสุดท้าย
- ในปี 2011 โอลิซาเดเบ้กลับมาสวมสตั๊ดลงเล่นฟุตบอลอีกครั้งและได้เข้าร่วมทีมในกรีซกับสโมสร เวเรีย แต่ก็อยู่กับทีมแค่ช่วงสั้นๆและประกาศแขวนสตั๊ดในวัย 33 ปี
- ขณะที่เส้นทางในทีมชาติโปแลนด์ของโอลิซาเดเบ้ โดยถึงแม้ว่าต้นกำเนิดของเขาจะอยู่ที่ประเทศไนจีเรียในทวีปแอฟริกา แต่เมื่อเขาย้ายมาค้าแข้งในโปแลนด์และอยู่จนเป็นไปตามข้อกำหนดการมีสิทธิ์ได้รับสัญชาติของทางโปแลนด์ ทำให้เขาไม่ลังเลที่จะรับใช้ทีมชาติโปแลนด์มากกว่าที่จะลงเล่นให้ทีมชาติไนจีเรียซึ่งเป็นบ้านเกิดที่แท้จริง
- โอลิซาเดเบ้ เริ่มเล่นให้ทีมชาติโปแลนด์เมื่อปี 2000 และเป็นแนวรุกคนสำคัญของทีมในเกมรอบคัดเลือกของศึกฟุตบอลโลก 2002 ซึ่งเขายิงได้ถึง 8 ประตูและมีส่วนพาโปแลนด์ผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลโลก 2002 นอกจากนั้นในปี 2001 เขายังสามารถคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของโปแลนด์มาครองได้อีกด้วย
- ในศึกฟุตบอลโลก 2002 ที่ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้เป็นเจ้าภาพร่วมกัน โปแลนด์อยู่ในสายดีร่วมกับ เกาหลีใต้ / สหรัฐอเมริกาและโปรตุเกส ซึ่งความพ่ายแพ้จาก 2 นัดแรกทำให้พวกเขาตกรอบแรกอย่างเป็นทางการ แต่ในนัดสุดท้ายพวกเขาสามารถเอาชนะสหรัฐอเมริกาได้ 3-1 และโอลิซาเดเบ้ก็ยิงได้หนึ่งลูกในเกมนัดนั้น
- หลังจากโปแลนด์ตกรอบแรกในฟุตบอลโลก 2002 เจอร์ซี่ เองเกล กุนซือของทีมก็ประกาศอำลาทีมนั่นทำให้สถานการณ์ของโอลิซาเดเบ้กับทีมชาติเริ่มสั่นคลอน เพราะกุนซือคู่บุญไม่อยู่กับทีมแล้ว โดยหลังจากนั้นเขาก็ติดทีมชาติแบบประปรายซึ่งในปี 2004 เป็นปีสุดท้ายที่เขาได้มีโอกาสลงรับใช้ทีมชาติ โดยเจ้าตัวทำสถิติลงเล่นให้ทีมชาติโปแลนด์ไปทั้งสิ้น 25 นัดและทำไปได้ 11 ประตู
- ขณะที่ชีิวิตหลังแขวนสตั๊ด โอลิซาเดเบ้ได้เดินทางกลับไปอาศัยที่ไนจีเรียประเทศบ้านเกิด โดยได้ลงทุนในด้านอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่ชีวิตส่วนตัวเขาได้แต่งงานกับหญิงสาวชาวโปแลนด์นามว่า บีต้า สโมลินสก้า ในปี 2001 จนในปี 2017 ทั้งคู่ก็ตัดสินใจหย่ากันแต่ก็เป็นการจากกันด้วยดี
- นอกจากนั้นเขายังเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนโครงการ Let's Kick Racism out of the Stadiums ของทางโปแลนด์ โดยเป็นแคมเปญต่อต้านเหยียดสีผิวและการเหยียดเชื้อชาติซึ่งโอลิซาเดเบ้เคยเป็นหนึ่งในเหยื่อของการเหยียดผิวในสมัยที่เขายังเป็นนักฟุตบอลนั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขาต้องการรณรงค์ให้มีการหยุดการเหยียดสีผิวและเหยียดเชื้อชาติ เพราะทุกสีผิวถึงแม้ภายนอกจะดูแตกต่างแต่ก็มีสิทธิและเสรีภาพที่เท่าเทียมกันโดยไม่มีการแบ่งแยก
#เอ็มมานูเอลโอลิซาเดเบ้
#นักเตะผิวสี
#ทีมชาติโปแลนด์
เอ็มมานูเอล โอลิซาเดเบ้ สมัยเข้ามาค้าแข้งในยุโรปกับทีมโปโลเนีย วอร์ซอของประเทศโปแลนด์
ช่วงเวลาในลีกกรีซกับทีมพานาธิไนกอส โดยเป็นช่วงเวลาที่เขาถูกเหยียดสีผิวจากแฟนบอลฝั่งตรงข้ามอยู่บ่อยครั้ง
ช่วงบั้นปลายเขาย้ายไปค้าแข้งในไชนีส ซุปเปอร์ลีก โดยเซ็นสัญญากับทีมเหอหนาน คอนสตรัคชั่น
เขาได้รับสิทธิ์ให้เป็นพลเมืองของโปแลนด์ ทำให้เขาตัดสินใจรับใชทีมชาติโปแลนด์ในปี 2000
ยิงได้ 1 ประตูในศึกฟุตบอลโลก 2002 แต่ครั้งนั้นโปแลนด์ก็เล่นได้แค่ 3 นัดและตกรอบแรกไปอย่างรวดเร็ว
ปี 2001 เขาได้ฝ่ากำแพงทางเชื้อชาติและได้แต่งงานกับหญิงชาวโปแลนด์ ก่อนที่ทั้งคู่จะตัดสินใจแยกทางกันด้วยดีในปี 2017
ปัจจุบันเขามีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นจนหลายคนแทบจำไม่ได้ โดยเขาตัดสินใจกลับไปอาศัยอยู่ที่ไนจีเรียประเทศบ้านเกิด
โฆษณา