13 เม.ย. เวลา 02:38 • ไลฟ์สไตล์

กินสุกี้ร้านดังคนเดียว กันบ้างหรือเปล่า

ทำงานแสนเหนื่อย…หิวด้วย วันนี้อยากจะทานอะไรร้อนๆ ซดให้คล่องคอ ว่าซ้าน แถวบ้านมีร้านสุกี่ชื่อดัง ขายข้างห้างซะด้วย ว่าแล้วก็จัดเลยสิครับ รออะไร
ปัญหาอีกอย่างก็คือ ถ้าเป็นคนโสด มักไม่กล้ามาทานคนเดียว เมื่อก่อนเองผมก็คิดแบบนี้ แต่ตอนนี้ประชาชนคนไทยอย่างเราๆก็โสดมากขึ้น การมานั่งทานบุฟเฟต์คนเดียวอาจจะไม่แปลก(ฮา) หรืออย่างการกินหมูกระทะคนเดียวก็อาจจะไม่แปลกแต่ปัญหาคือจำนวนโต๊ะต่างหาก
เพราะหนึ่งโต๊ะทานหนึ่งคน มันทำให้ร้านขาดรายได้ เพราะแทนที่จะได้ 4 หัว กลับได้ 1 หัว โสดๆแทน บุฟเฟต์มันคิดตามเวลา ดังนั้นยิ่งมาคนเดียวแถมนั่งทานนาน เจ้าของร้านยิ่งหน้าบูด หงิกงอยิ่งกว่าปลาทูแม่กรองซะอีก
ดังนั้นผม(ไม่ได้โสด) แต่จะเข้ามานั่งในร้านก็อดเกรงใจไม่ได้ แต่ร้านค้าระดับนี้คงปฏิเสธลูกค้าไม่ได้ ว่าคนที่มานั่งโต๊ะจะมาคนเดียวหรือหลายคน นอกจากเขาจะกำหนดเป็นนโยบายเอาไว้
อาหารมาแล้ว
พอเข้าไปในร้าน โอ้โห โหมดครอบครัวก็มา ต้องยอมรับว่าร้านนี้เป็นสโลแกนของการพาญาติผู้ใหญ่มาทานอาหารร่วมกันกับลูกหลานเลย คู่แข่งสโลแกนนี้คงมีอีกเจ้าร้านปิ้งย่างหมูกระทะที่มีมังกรเขียว ที่มีแทบทุกห้างเท่านั้นเองที่พอจะสู้ได้(ฮา)
ผมต้องเลือกโต๊ะเล็กที่สุดขนาดสองคน อยู่แถวมุมๆของร้าน ด้วยความเกรงใจ พนักงานร้านที่มีน้อยนิด(ร้านนี้เล็กๆ จุคนไม่เยอะ) และโรบอตที่คอยเสิร์ฟอาหารแทนพนักงานเสิร์ฟ อีกสองตัว ก็มาทักทายรอรับออเดอร์
ผมเลยจัดเฉพาะชุดเล็กพอได้กิน จริงๆการมาทานแบบนี้ก็ดีเหมือนกันเพราะว่า ถ้ามาคนเดียวก็ไม่ต้องรอคนอื่นยิ่งมากับครอบครัวแล้วบางทีมีเด็กเล็กก็ต้องคอยดูแลเขา จะทานอะไรก็ไม่สะดวก
อยากขอให้ทางร้านมีโหมดใส่ใจคนโสดเพิ่มขึ้นมาหน่อย เพราะอนาคตคนโสดมากขึ้นคนแต่งงานน้อยลง คนที่จะมาโหมดครอบครัวสุขสันต์ มากันเยอะๆแบบเมื่อก่อน น่าจะน้อยลงนะ
ผมนั่งทานนานหน่อยเพราะไม่เคยสั่งกินคนเดียว จัดมาเยอะเลย เลือกแบบทานเท่าไหรจ่ายเท่านั้น เพราะทานคนเดียว และคิดว่าตัวเองทานได้ไม่เยอะ ขืนฝืนเอาแบบบุฟเฟต์จะไม่คุ้มเอา
ทานไปสักพักคนที่มากันแบบครอบครัวสุขสันต์ก็เริ่มทยอยออกไปผมก็สังเกตเห็นว่ามีป้าคนหนึ่งใส่เสื้อสีม่วงกำลังเดินเข้ามาแล้วเจ้แกก็บอกว่าขอทานสุกี้หนึ่งที่มีโต๊ะไหนว่างบ้าง
พนักงานเค้ารีบออกกันทีว่าเดี๋ยวโต๊ะเก่าที่ชุดครอบครัวตะกี้ออกไปเดี๋ยวจะเช็ดโต๊ะให้แล้วเดี๋ยวไปนั่งรอเลยค่ะประมาณนั้น
ป้าแกก็นั่งเล่มมือถือรอ พนักงานเค้าบอกว่าให้สแกน QR Code เลยแล้วก็สั่งผ่านแอพที่เวลาสแกนแล้วก็จะขึ้นมาน่าจะเป็นเว็บแอพแล้วก็สั่งอาหารผ่านเว็บแอพเนี่ยมันก็สะดวกดี
แล้วก็อีกอย่างหนึ่งคือลดเวลาของพนักงานเสิร์ฟด้วยเพราะว่าเค้าก็ได้ไปทำงานอื่นคนสั่งอาหารก็นั่งเลือกๆ เลือกไปเมื่อก่อนร้านแบบนี้มันจะมีแบบทัชสกรีนโชว์มาให้เราจิ้มพักหลังหลังบางร้านก็ไม่มีแล้วเปลี่ยนเป็นแบบนี้แทนน่าจะลดค่าใช้จ่ายในการเซอร์วิสตัวเครื่องลง
ทำให้ผมรู้ว่าเออ…คนที่มาทานคนเดียวมันก็มีเนอะไม่ใช่มีแค่ผมมาคนเดียวเสร็จแล้วผมก็เริ่มสั่งของหวานก็อย่างที่เค้าบอกแล้วนะิ “กินคาวไม่กินหวานสันดานไพร่ ” อิอิ
ของหวานวันนี้
ที่สั่งไปก็เป็นลอดช่อง น้ำกะทิ มีราดด้วยน้ำตาลโตนดมั้ง ถ้าจำไม่ผิดนะ รสชาติอร่อยใช้ได้เลยทีเดียว ขณะที่ผมกำลังดื่มด่ำกับรสชาติอันหอมหวานมันข้นของรสลอดช่องน้ำกะทิอยู่นั้น ก็มีสาวสวยคนหนึ่งเลยเข้ามา
ผมสั้นบ๊อบหยักโศก เสื้อกล้ามสีขาวและกางเกงตัวใหญ่ๆแบบที่สาวๆฮิตกันตอนนี้ พร้อมทั้งใส่บลูทูธหูฟังแบบวัยรุ่นสีเทาเดินเข้ามาหาพนักงานแล้วบอกว่าโต๊ะทานอาหารหนึ่งที่ค่ะ !
หน้าตาเธอดูเป็นแบบลูกครึ่งไทยญี่ปุ่นมากๆผิวเป็นสีแทนและก็มีรอยสักที่ต้นแขนดูเซ็กซี่น่ารักอีกด้วย
เธอมานั่งโต๊ะข้างๆ เยื้องกับผมไปอีกหน่อยนึงทำให้ผมสังเกตุเห็นใบหน้าอันสุดสวยน่ารักของเธอ
คนน่ารักแบบนี้ไม่น่าจะโสดได้นะแต่ความคิดของผม แต่บางทีคนสวยก็โสดมันไม่ใช่เพราะว่าเค้าไม่มีคนเข้ามาแต่ผมคิดว่าน่าจะเป็นเพราะว่าคัวเลือกเยอะขึ้นมีตัวเลือกเยอะขึ้นมากและยังไม่ถูกใจสักที นี่อาจเป็นเหตุผลที่สังคมไทยปัจจุบันมีคนโสดเยอะขึ้นเพราะว่าบางทีทัศนคติของผู้ชายในอุดมคติมันจะอาจจะเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อน
เนื่องจากผมต้องทานของหวานและเป็นเมนูสุดท้ายแล้วผมจำใจจะต้องจากเธอไปแล้วอยากอยู่ต่ออีกสักหน่อย แต่มันมีธุระต้องไปทำน่ะสิ (ฮา) หลังจากเช็คบิลจ่ายเงินเรียบร้อยแล้วผมก็เดินออกจากร้านไป ผมพบว่าอย่างน้อยในช่วงเวลาสุดท้ายที่ผมกินของหวานก็ยังมีสองคนโสดที่มานั่งข้างๆผม(เรียกว่าใกล้ๆดีกว่า )
ในเมื่อไม่ว่ากันครั้งหน้าผมคงจะเข้ามามาทานสุกี้ที่ร้านนี้อีกแบบคนโสดๆ(แต่จริงๆไม่ได้โสดนะแต่งงานแล้วมีลูกอีกสองคน) …ว่าแล้วกะไป
โฆษณา