15 เม.ย. เวลา 16:18 • กีฬา

EP.35 ฮวน อรานโก้ - เจ้าพ่อลูกนิ่งแห่งดินแดนนางงาม

- หลายคนที่ได้ยินชื่อของ ดินแดนนางงาม ก็น่าจะนึกถึงประเทศเวเนเซูเอลาซึ่งตั้งอยู่ในทวีปอเมริกาใต้ โดยเวเนเซูเอลามีชื่อเสียงจากการที่มีสาวงามซึ่งสามารถคว้ามงกุฎนางงามจักรวาลมาครองได้หลากหลายคนและกลายเป็นประเทศที่ส่งออกนางงามสู่เวทีโลกมาอย่างมากมาย
- โดยถึงแม้เวเนซูเอลาจะมีความโดดเด่นในเรื่องของการประกวดนางงามจักรวาล แต่ในด้านของวงการฟุตบอลนั้นกลับตรงกันข้าม โดยที่พวกเขาเป็นสมาชิกของโซนอเมริกาใต้ชาติเดียวที่ไม่มีโอกาสได้ไปสัมผัสเวทีฟุตบอลโลกเลยสักครั้งเดียว
- แต่ถึงแม้ว่าเวเนซูเอลาจะไม่เคยไปเล่นฟุตบอลโลกและมักจะเป็นทีมสมันน้อยให้ชาติอื่นๆคอยขย้ำ แต่พวกเขาก็ได้ปลุกปั้นนักเตะในชาติให้ได้ไปค้าแข้งในทวีปยุโรปอยู่ไม่น้อยซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ ฮวน อรานโก้ ห้องเครื่องคนสำคัญและเป็นอดีตกัปตันทีมชาติเวเนซูเอลา
- ฮวน อรานโก้ (Juan Arango) เกิดเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม ปี 1980 ที่เมืองมาราไกย์ ประเทศเวเนซูเอลา โดยแม้ว่าครอบครัวของเขาจะมีภูมิลำเนามาจากโคลอมเบีย แต่หลังจากนั้นครอบครัวของเขาก็ย้ายไปอยู่เวเนซูเอลาซึ่งก็กลายเป็นประเทศถิ่นกำเนิดของอรานโก้ไปโดยปริยาย
- อรานโก้ เริ่มเล่นฟุตบอลให้กับทีมระดับมหาวิทยาลัยในกรุงการากัสจนกระทั่งในปี 1996 เขาก็ได้เซ็นสัญญาเป็นนักเตะอาชีพเมื่ออายุได้ 16 ปีกับทีม นวยบา กาดิซ ก่อนที่ต่อมาเขาจะย้ายไปร่วมทีม ซูเลีย และ การากัส เอฟซี
- ในปี 2000 เขาย้ายออกไปค้าแข้งยังต่างแดนเป็นครั้งแรกโดยคราวนี้ได้ไปร่วมทัพ มอนเตอเรย์ ของลีกเม็กซิโกซึ่งการย้ายมาเล่นในต่างแดนเขาก็แทบไม่ต้องปรับตัวอะไรมาก เพราะสไตล์การเล่นและด้านวัฒนธรรมรวมถึงภาษาของเม็กซิโกมีความคล้ายคลึงกับทางฝั่งอเมริกาใต้
- อรานโก้ เล่นให้กับมอนเตอเรย์อยู่ราวๆ 2 ฤดูกาลซึ่งต่อมาเขาก็ย้ายไปร่วมทีม ปาชูก้า ซึ่งเป็นทีมในเม็กซิโกเหมือนกัน โดยการมาร่วมทัพปาชูก้าเขามีโอกาสได้หยิบจับความสำเร็จเป็นครั้งแรกในอาชีพการค้าแข้งด้วยการคว้าถ้วยแชมป์ของโซนคอนคาเคฟซึ่งก็คือ แชมป์คอนคาเคฟ แชมเปียนส์ลีก ซึ่งเขาได้ไปในปี 2002
- การค้าแข้งในลีกของเม็กซิโกดูเหมือนจะเล็กเกินไปสำหรับอรานโก้เสียแล้ว โดยในช่วงที่เขาค้าแข้งในแดนจังโก้เขาได้รับการจับตามองจากทีมในยุโรปโดยเฉพาะทีมจากลาลีกาของสเปน โดยจุดเด่นของอรานโก้ก็คือ การเล่นลูกฟรีคิกด้วยเท้าซ้ายที่สุดแสนจะเฉียบคม นอกจากนั้นเขายังเป็นมิดฟิลด์ที่คอยขับเคลื่อนเกมรุกให้กับทีมแถมยังมีความโดดเด่นในการจ่ายบอลที่ค่อนข้างแม่นยำ
- ในที่สุดอรานโก้ก็ได้ย้ายไปเล่นในยุโรปที่ประเทศสเปนกับสโมสร เรอัล มายอร์ก้า ซึ่งเขาได้ร่วมงานกับเจ้านายเก่าอย่าง เบนิโต ฟลอโร อีกครั้งหลังจากทั้งคู่เคยร่วมงานกันมาตั้งแต่สมัยอยู่กับทีมมอนเตอเรย์
- ช่วงเดือนมีนาคมของฤดูกาล 2004/2005 เขาโชคร้ายได้รับบาดเจ็บโหนกแก้มหักรวมถึงมีบาดแผลที่ใบหน้าและก็หมดสติกลางสนาม หลังจากเข้าปะทะกับ ฆาบี นาบาร์โร กองหลังของเซบีย่า แต่ถึงกระนั้นเขาก็ใช้เวลาพักฟื้นไม่นานนัก โดยฤดูกาล 2005/2006 เขากลายเป็นผู้ทำประตูสูงสุดให้กับเรอัล มายอร์ก้า โดยทำไปได้ทั้งสิ้น 11 ประตู
- วันที่ 9 มีนาคม ปี 2008 อรานโก้ทำแฮตทริกแรกขอตนเองให้กับทางเรอัล มายอร์ก้าได้ โดยเป็นเกมที่ถล่ม เรเครอาติโบ อูเอลบา ไปขาดลอยถึง 7-1 ซึ่งตลอด 5 ฤดูกาลที่อยู่กับ เรอัลมายอร์ก้า เขาคือดาวเตะคนสำคัญและเป็นหัวใจสำคัญในแนวรุกของทีม
- ช่วงซัมเมอร์ปี 2009 อรานโก้ไม่ได้ทำการต่อสัญญากับเรอัล มายอร์ก้านั่นจึงทำให้สโมสรขายเขาออกไปให้กับ โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค ในบุนเดสลีกาของเยอรมันด้วยค่าตัวประมาณ 3.6 ล้านยูโร แม้ว่าเขาจะได้รับความสนใจจากทีมในพรีเมียร์อังกฤษทั้ง ลิเวอร์พูล และ ทอตแนม ฮอตสเปอร์ แต่สุดท้ายก็เป็นทีมสิงห์หนุ่มที่คว้าตัวดาวเตะชาวเวเนซูเอลาผู้นี้ไปร่วมทีมได้สำเร็จ
- แม้จะย้ายมาเล่นในลีกใหม่ที่ไม่คุ้นเคย แต่เขาก็ยังทำผลงานได้ดีไม่แพ้ตอนค้าแข้งในสเปน แม้ผลงานสถิติการทำประตูของเขาจะตกลงไปบ้าง แต่เขาก็ยังคงเป็นมือสังหารฟรีคิกอันดับ 1 ของมึนเช่นกลัดบัคไม่ต่างจากตอนที่เล่นให้เรอัล มายอร์ก้า
- นอกจากนั้นอรานโก้ยังได้ทำประตูด้วยเท้าซ้ายในระยะกว่า 48 หลาในเกมที่เอาชนะ ไมนซ์05 ไปได้ 2-0 ซึ่งหลังจากยิงประตูอันยอดเยี่ยมนี้แล้วเขาก็ได้รับการยกย่องจากกุนซือ ลูเซียง ฟาฟร์ โดยฟาฟร์ยกย่องลูกทีมรายนี้ว่าเป็นหนึ่งในนักเตะเท้าซ้ายที่ดีที่สุดในโลก
- อรานโก้ อยู่ค้าแข้งกับมึนเช่นกลัดบัคจนถึงปี 2014 ซึ่งในตอนนั้นเขามีอายุมากถึง 34 ปีเข้าไปแล้วและเจ้าตัวก็มองว่าแก่เกินไปที่จะค้าแข้งในยุโรปนั่นทำให้เขาตัดสินย้ายกลับไปค้าแข้งในเม็กซิโกอีกรอบ โดยคราวนี้เขาเซ็นสัญญากับทีม ติฮัวนา ในเดือนพฤษภาคมของปี 2014
- เดือนเมษายน ปี 2015 เขาถูกสหพันธ์ฟุตบอลของเม็กซิโกสั่งแบน 2 นัด หลังจากมีภาพที่เจ้าตัวไปกัดที่ไหล่ของ เฆซุส ซาวาลา กองกลางของทีมมอนเตอเรย์ จนในช่วงต้นปี 2016 เข้าย้ายไปเล่นในสหรัฐอเมริกากับทีม นิวยอร์ก คอสมอส ก่อนจะย้ายไปอยู่กับทีมเก่าอย่าง ซูเลีย ในช่วงสั้นๆก่อนที่จะกลับมาเล่นให้นิวยอร์ก คอสมอสอีกรอบและตัดสินใจแขวนสตั๊ดในปี 2017 ด้วยวัย 37 ปี
- ขณะที่เส้นทางในทีมชาติเวเนซูเอลา อรานโก้เริ่มติดทีมชาติในปี 1999 และทำประตูแรกให้กับทีมชาติได้ในเกมฟุตบอลโลก 2002 รอบคัดเลือกซึ่งนัดนั้นเสมอกับ โคลอมเบีย ไป 2-2
- โดยถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะไม่สามารถพาเวเนซูเอลาผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายได้เลยสักครั้ง แต่เขาก็มีส่วนร่วมในศึกโคปา อเมริกาถึง 6 สมัยโดยที่ในปี 2011 เขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกัปตันทีมและในศึกโคปา อเมริกา 2011 เขาก็มีส่วนพาเวเนซูเอลาคว้าอันดับ 4 ของทัวร์นาเมนต์ซึ่งเป็นผลงานที่ดีที่สุดของทีมนางงามในการเล่นฟุตบอลชิงแชมป์ระดับทวีป
- อรานโก้ ติดทีมชาติเวเนซูเอลาไปกว่า 129 นัดและทำประตูไปได้ 22 ประตูซึ่งเกิดขึ้นในช่วงระหว่างปี 1999 - 2015 นอกจากนั้นเขายังถูกสื่อบางสำนักยกย่องให้เป็น นักฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลของเวเนเซูเอลา
- ขณะที่ชีวิตส่วนตัวของอรานโก้ เขามีลูกชายเป็นนักฟุตบอลเยาวชนของทีม คิโรน่า ซึ่งลูกชายของเขาก็เล่นตำแหน่งเดียวกันกับอรานโก้ โดยปัจจุบันอรานโก้มีอายุย่าง 44 ปีแต่เขาก็ยังรักษารูปร่างและดูแลร่างกายของตนเองได้อย่างดีเยี่ยมจนสามารถลงไล่หวดลูกฟุตบอลได้แบบสบายๆไม่ต่างจากคนหนุ่มวัย 20 กว่าๆ
#ฮวนอรานโก้
#เรอัลมายอร์ก้า
#โบรุสเซียมุนเช่นกลัดบัค
#เวเนซูเอลา
ฮวน อรานโก้ ในช่วงวัยหนุ่มสมัยที่ยังค้าแข้งอยู่ในดินแดนเม็กซิโก
ย้ายมาอยู่กับ เรอัล มายอร์ก้า แต่ก็โชคร้ายหมดสติกลางสนามจากการเข้าปะทะหนักกับ ฆาบี นาบาร์โร กองหลังของเซบีย่า
ในสีเสื้อของเรอัล มายอร์ก้า เขาคือมิดฟิลด์ที่คอยสร้างสรรค์เกมรุกให้กับทีมและเคยคว้าตำแหน่งดาวซัลโวของทีมเมื่อฤดูกาล 2005/2006
ช่วงที่เล่นในเยอรมันกับโบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค ซึ่งเขาเป็นคนรับเหมาหน้าที่การเล่นลูกนิ่งทั้งฟรีคิกรวมไปถึงลูกเตะมุม
ปิดฉากการค้าแข้งที่สหรัฐอเมริกากับสโมสร นิวยอร์ก คอสมอส
ในสีเสื้อทีมชาติเวเนซูเอลา เขาคือดาวเตะคนสำคัญของทีมแต่น่าเสียดายที่ไม่เคยได้มีโอกาสสัมผัสกับบรรยากาศของฟุตบอลโลก
ปัจจุบันในวัยย่าง 44 ปีเขายังมีร่างกายที่ดีเยี่ยมและยังลงเตะฟุตบอลในแมตช์พิเศษอยู่เรื่อยๆ
โฆษณา