"เส้นเลือดสมองแตกภัยร้ายที่คุณอาจจะมองข้ามไป"
สวัสดีครับห่างหายกันไปเป็นปีกับเพจนี้แล้วก็เพิ่งได้มีโอกาสกลับมาทำต่อเนื่องด้วยปีที่ผ่านมาคุณแม่ก็เป็นเส้นเลือดสมองแตกอย่างกะทันหันก็อยากจะมาแชร์ประสบการณ์เบื้องต้นแล้วก็แชร์ข้อมูลหลายๆอย่างให้ได้ทราบกันนะครับ
เกริ่นก่อนว่าตัวแม่ผมเนี่ยเป็นคนที่ไม่เคยตรวจสุขภาพเลยในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่คลอดลูกแม่ก็คือไม่เคยเข้าโรงพยาบาลอีกเลยจนตอนนี้อายุ 63 เป็นคนที่ไม่กินยาไม่เคยตรวจความดันไม่เคยตรวจสุขภาพแล้วก็กินเหล้าจัดคือต้องกินทุกวันวันละประมาณ 2-3 ขวดอย่างต่ำซึ่งมันก็มีสัญญาณบ่งบอกมาก่อนช่วงประมาณ 3-4 เดือนก่อนหน้านี้แล้วแต่ว่าตัวแม่ไม่ได้บอกและตัวเราที่ทำงานอยู่ก็ไม่ได้สังเกตอะไรมากมองว่าเป็นแค่นิสัยส่วนตัวของแกก็เลยไม่ได้ที่จะสนใจอะไรจนมันบานปลายกลายเป็นเรื่องขึ้นมา
สัญญาณที่มันบ่งบอกมาก็คือตัวแม่นั้นมีอาการที่อยู่ดีๆน้ำลายก็หกออกมาจากปากคือน้ำลายมันไหลยืดออกมาเองโดยที่แกก็ไม่รู้ตัวซึ่งแกก็บอกไปก่อนๆแล้วแต่แล้วก็คิดว่ามันไม่ได้มีเรื่องอะไรหรอกมั้งเราก็เคยบอกให้แม่ไปตรวจแล้วแต่แกก็ดื้อที่จะไม่ไปคนแก่จะดื้อมากๆเวลาให้ไปหาหมอซึ่งแม่ผมก็เป็นหนึ่งในนั้นแล้วก็ไม่ยอมไปแล้วก็อาการเตือนอีกอย่างนึงก็คือมือชาเท้าชาจะเป็นหนักมากๆช่วงที่กินข้าวช่วงเช้าๆซึ่งบางทีเนี่ยแม่ผมเป็นหนักถึงขั้นที่ว่าจับช้อนกินข้าวเองไม่ได้เพราะว่ามือชาอันนี้หากใครมีอาการประมาณนี้ลองไปตรวจ
อาจจะเริ่มจากการเข้าคลินิกเพื่อหาหมอก่อนก็ได้ค่าใช้จ่ายส่วนนี้มันคงไม่ได้แพงมากอย่างน้อยก็ดีกว่ามาจ่ายตอนที่ป่วยแล้วซึ่งหลังจากที่ป่วยแล้วเนี่ยค่าใช้จ่ายมันบานปลายมากทั้งค่ากายภาพทั้งค่ารถไปหาหมอค่ายามันแพงมากกว่าการที่เราไปตรวจที่คลินิกตั้งแต่แรกตอนนี้อยากจะฝากบอกทุกคนที่มองข้ามเรื่องพวกนี้ไปว่าบางทีสัญญาณพวกนี้มันอาจจะเตือนเราแล้วก็ได้อยากให้เราได้สังเกตคนรอบข้างหรือว่าสังเกตตัวเองบ้างก่อนที่มันจะสายเกิน
ปีที่แล้ว 2023 เป็นปีที่ก็ดูจะราบรื่นดีของใครหลายๆคนนะรวมถึงตัวผมด้วยในช่วงต้นปีก็เหตุการณ์นี้มันเริ่มช่วงเดือนมีนาคมตัวแม่ผมเนี่ยวันที่ 18 มีนาคม 2023 มีอาการเริ่มแรกช่วง 2 ทุ่มเป็นอาการของลิ้นแข็งซึ่งแม่ผมเนี่ยสติค่อนข้างจะดีอยู่ในระดับนึงก็เลยโทรมาหาผมเพราะว่าตอนนั้นผมออกมาข้างนอก
จังหวะที่แกโทรมาหาเนี่ยคือแกเริ่มลิ้นแข็งเริ่มพูดไม่ชัดเริ่มพูดอู้อี้แล้วตัวผมเลยก็คือตกใจแล้วก็รีบตีรถกลับมาบ้านทันทีซึ่งจากจุดหมายที่อยู่ณตอนนี้กับบ้าน ห่างกันประมาณ 20 นาทีซึ่งช่วงระยะเวลา 20 นาทีนี้อาการมันทรุดลงไวมากจากที่แค่ลิ้นแข็งพูดไม่ชัดอาการเริ่มเป็นมือซ้ายไม่สามารถใช้งานได้แล้วก็ตัวแม่ผมจะพยุงตัวเองไม่ได้ที่เตียงทำหลังจากนั้นประมาณ 10 นาทีขาซ้ายก็ใช้งานไม่ได้ตอนนี้ซีกซ้ายแม่ผมเป็นอัมพฤกษ์ไปแล้ว
จังหวะที่ผมกลับมาถึงบ้านเนี่ยเป็นช่วงประมาณ 20:30 น ซึ่งพอขึ้นมาถึงห้องแล้วเนี่ยแม่ผมสภาพที่คล้ายก็คือใช้งานไม่ได้แล้ว จังหวะนั้นเนี่ยเราก็รู้แล้วว่าน่าจะโดนแล้วแหละเส้นเลือดสมองแตกก็เลยรีบเรียกรถพยาบาลซึ่งต้องพูดก่อนว่าสิทธิ์ที่ใช้รักษาของแม่ผมเป็นสิทธิ์บัตรทองแล้วก็เป็นสิทธิ์ว่างเนื่องจากโรงพยาบาลต้องเสร็จได้เหมือนกับว่ายกเลิกสิทธิ์ไปแล้วแล้วก็ตัวแม่ยังไม่ได้ทำเรื่องหาโรงพยาบาลใหม่ก็ปล่อยเป็นบัตรว่างมาสักพักใหญ่ๆแล้ว
ตัวผมเองก็ทำงานไม่ได้ว่างจะตามเรื่องให้จนมาเกิดเรื่องนี้แหละ ช่วงนั้นก็คือชุลมุนมากตอนนั้นไม่รู้ว่าจะต้องติดต่อใครไม่รู้ว่าต้องทำยังไงต่อก็โทรไปหาประกันสังคมนะแล้วก็เขาก็แนะนำมาว่าให้ใช้สิทธิ์ฉุกเฉินเข้าไปก่อนซึ่งของแม่เนี่ยก็โชคดีที่ว่าเราติดต่อเจ้าหน้าที่แล้วก็ประสานงานกับเจ้าหน้าที่กู้ภัยทันพอดี
เจ้าหน้าที่กู้ภัยก็แนะนำว่าให้เราทำเรื่องย้ายสิทธิ์ให้เสร็จซึ่งจังหวะนั้นมันชุลมุนมากแล้วก็ด้วยอะไรหลายๆอย่างเราก็เลยไม่ได้ทำตามที่เจ้าหน้าที่บอก ทำให้ตัวคุณแม่ต้องรอโรงพยาบาลที่สามารถเข้าได้ประมาณชั่วโมงกว่าซึ่งมันค่อนข้างนานมากสำหรับคนที่ป่วยเป็นโรคนี้นะครับ
แต่สุดท้ายตัวคุณแม่ก็ได้โรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่งแล้วก็ตัวรถก็รีบพาแกไปถึงโรงพยาบาลน่ะภายในประมาณครึ่งชั่วโมงนี้แหละ
ซึ่งพอเราเข้าไปถึงโรงพยาบาลแล้วเนี่ยสิ่งแรกที่หมอถามเลยนะก็คืออาการนี้เริ่มตั้งแต่กี่โมงครึ่งในช่วงนี้เราจะต้องนึกให้ได้ว่าอาการมันเริ่มตั้งแต่กี่โมงเริ่มมีอาการตั้งแต่กี่โมงเพราะว่าอาการพวกนี้มันจะส่งผลต่อการฟื้นฟูในระยะยาวคนที่ป่วยเป็นเส้นเลือดสมองแตกเนี่ยถ้าจำไม่ผิด จะต้องถึงมือหมอภายในระยะเวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ซึ่งหากเกินกว่านั้นน่ะอาจจะทำให้การฟื้นฟูหลังจากรักษาแล้วเป็นไปได้ยากหรือตัวคนป่วยเองเนี่ยอาจจะเสียชีวิตได้
ซึ่งก็โชคดีว่าเราไปถึงโรงพยาบาลตอน 3 ทุ่มครึ่งพอดีแล้วก็รักษาทันตอนที่แรกความดันเนี่ยอยู่ที่ประมาณ 240 ซึ่งมันสูงมากแล้วก็ต้องรีบเข้าไปสแกนสมองและผลตอบมาว่าของแม่ผมเนี่ยเส้นเลือดสมองแตกฝั่งที่เป็นส่วนควบคุมการทำงานของซีกซ้ายทั้งหมด
ตัวเส้นเลือดสมองแตกเนี่ยมันฟื้นฟูนานมากแล้วก็ต้องทำกายภาพงานมากๆนานกว่าตีบแต่ก็มีโอกาหาย แต่ว่าถึงหายแล้วมันก็จะไม่กลับมาเต็มร้อยเหมือนตีบอันนี้คือสิ่งที่หมอได้แจ้งมา ตัวแม่ผมเนี่ยคืนนี้ก็ต้องแอดมิดอยู่ที่โรงพยาบาลทันทีแล้วก็ต้องรอดูอาการด้วยถ้าหากว่าความดันไม่ลดลงเนี่ยก็ต้องมีการผ่าตัดเพื่อเปิดสมองแล้วก็เข้าไปรักษาต่อซึ่งผลกระทบถ้าเกิดผ่าของตัวแม่ผมเนี่ยมันค่อนข้างรุนแรงกว่าแต่เราก็ต้องให้หมอเป็นคนตัดสินใจ
แล้วก็เหมือนเป็นความโชคดีที่ตัวแม่ผมน่ะความดันลงพอดีก็เลยไม่ต้องผ่าตัวแม่ก็คือสภาพตอนนี้ก็คือใส่สายให้อาหารใส่สายปัสสาวะเพราะว่าตัวแม่เนี่ยไม่สามารถปัสสาวะเองได้ไม่สามารถทานอาหารเองได้เพราะว่ากลืนแล้วก็จะติดคอช่วงนี้ก็จะเป็นช่วงที่ช็อคมากตัวผมเองก็ช็อคมากเพราะว่าเหตุการณ์มันเกิดแค่ภายใน 2 ชั่วโมงจากที่เป็นคนปกติกลายเป็นคนพิการแล้วก็รู้สึกว่าชีวิตหลังจากนี้ก็คือจะไม่เหมือนเดิมแล้วตัวทั้งแม่และก็ผมต้องปรับตัวอะไรหลายอย่างมากหลังจากนี้
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
