15 เม.ย. เวลา 23:37 • ไลฟ์สไตล์

DAY 107

Tue 16.04.24
ขากลับจากใต้ ผมเดินทางโดยเครื่องบิน ผมได้ที่นั่ง 9D ติดริมทางเดิน จากนั้น มีน้องผู้หญิงคนหนึ่งมานั่งที่ 9E นั่งตรงกลาง ซึ่งจะมีที่ว่าง 9F ริมหน้าต่างอีก 1 ที่
ครู่ต่อมา คนทยอยขึ้นเครื่องเยอะขึ้น มีพี่ผู้ชายท่านหนึ่ง ท่าทางรีบๆ มาหยุดตรงแถว 9 ส่งสัญญาณว่านั่งที่นั่ง 9F แกก็รีบบอกเลยว่า.. ” ขยับเข้าข้างในเลยครับ“
ผมลุกขึ้นเพื่อให้พี่แกเข้าไปข้างใน ส่วนน้องผู้หญิงก็ลุกจากที่นั่ง 9E ไปที่นั่งข้างใน 9F
หลังจากนั้น แกก็บอกให้ผมเข้าไปข้างใน
ผมคิดในใจ ”คุณอยากนั่งข้างนอกหละสิ“ ผมเข้าข้างตัวเองประมาณว่า ถ้าทุกคนเลือกได้คงอยากนั่งติดทางเดิน (ซึ่งไม่ทุกคน)
”ผมนั่งด้านนอกครับ“ ผมตอบแกไป แกก็ทำหน้างงๆ
สรุปชายคนนั้น นั่งตรงกลาง 9E
หลังจากนั่งเรียบร้อย ความรู้สึกและความคิดของผมยังวนเวียนอยู่ว่า.. ทำไมแกอยากให้ผมเข้าไปไปนั่งข้างใน แล้วทำไมทำหน้างง หลังจากผมบอกไปแบบนั้น
1. เพราะแกอยากนั่งข้างนอกริมทางเดิน (ผมคิดในตอนแรก)
2. แล้วผมก็มีความคิดแว๊บนึงว่า.. หรือเพราะแกน่าจะเข้าใจว่าผมกับน้องผู้หญิงคนนั้นมาด้วยกันหรือเปล่า (ผมมาคิดได้หลัง)
ความคิดแรก ต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นสำคัญ แต่ถ้าคุณรู้ทันมัน ความคิดต่อมาหลังจากนั้นก็สำคัญไม่แพ้กัน
ความคิดแรกของผมคือคิดลบ คิดว่าชายคนนั้นอยากนั่งที่ริมทางเดิน ส่วนความคิดที่สองของผมคือเค้าอาจจะเข้าใจผิด คิดว่าผมกับน้องผู้หญิงคนนั้นมาด้วยกัน
เวลาเกิดเหตุการณ์หรือสถานการณ์ใดๆ ขึ้นมา..
ปฏิกิริยาหรือความคิดแรกของคุณต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นคืออะไร มันเป็นบวกหรือเป็นลบ
แล้วคุณรู้ทันมันมั้ย
ผมคิดว่าผมรู้ทันเขา แต่นั่นไม่สำคัญเลย
ไม่สำคัญเลยจริงๆ.. เพราะสิ่งสำคัญคือเราต่างหาก ที่ต้องถามว่าเรารู้ทันตัวเองหรือเปล่า
”รู้ทันคนอื่นนั้นเล่า ไม่เท่าเรารู้ทันตัวเอง“
#EPOPARIS
โฆษณา