16 เม.ย. เวลา 16:24 • กีฬา

EP.36 อาลี อัล-ฮับซี - โอมานหนึ่งเดียวแห่งเวทีพรีเมียร์ลีก

- ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกของอังกฤษในยุคปัจจุบันถือว่าเป็นลีกที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับมากเป็นอันดับ 1 โดยนอกจากความเร้าใจในการเล่นแล้วสิ่งที่ทำให้พรีเมียร์ลีกได้รับความสนใจก็คือ บรรดาพวกนักเตะชาวต่างชาติที่เข้ามาวาดลวดลายจนสร้างความตื่นตาตื่นใจให้แก่ศึกพรีเมียร์ลีกได้เป็นอย่างดี
- นักเตะต่างชาติในศึกพรีเมียร์ลีกก็มาจากหลากหลายชาติทั้งในทวีปยุโรป อเมริกาใต้ แอฟริกา คอนคาเคฟ โอเชียเนียไปจนถึงทวีปเอเชีย โดยเฉพาะในยุคหลังๆจะเห็นได้ว่าแต่ละทีมในพรีเมียร์ลีกมักจะมีนักเตะชาวเอเชียอยู่ร่วมทีมด้วยเสมอโดยเฉพาะในกลุ่มนักเตะจากญี่ปุ่นและเกาหลีใต้
- แต่ถ้าหากเจาะไปที่กลุ่มนักเตะจากแถบตะวันออกกลางที่มาค้าแข้งในพรีเมียร์ลีกก็อาจจะทำให้มีข้อสงสัยกันมาก เพราะนักเตะจากตะวันออกกลางมักไม่ค่อยได้รับความนิยมเหมือนอย่างนักเตะญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ นอกจากนั้นแล้วกลุ่มนักเตะจากตะวันออกกลางมักจะค้าแข้งหากินในแถบประเทศอาหรับกันเสียมากกว่า
- แต่ถึงกระนั้นก็เคยมีนักเตะจากโซนตะวันออกกลางที่เคยเข้ามาวาดลวดลายในพรีเมียร์ลีก โดยที่เขาเป็นผู้รักษาประตูชาวโอมานซึ่งเขามีนามว่า อาลี อัล-ฮับซี
- อาลี อัล-ฮับซี (Ali Al-Habsi) เกิดเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม ปี 1981 ที่เมืองมัสกัต ประเทศโอมาน โดยเขาเริ่มต้นเล่นฟุตบอลอาชีพกับทีมในประเทศบ้านเกิดอย่าง อัล มูดายบี ในตำแหน่งผู้รักษาประตู ก่อนที่เขาจะย้ายไปร่วมทีม อัล นาเซอร์ ในปี 2002 แต่ก็ได้ลงเพียง 4 นัดซึ่งต่อมาเขาถูกแมวมองดึงตัวไปเล่นในยุโรปกับทีม ลินน์ ออสโล ของนอร์เวย์
- การที่เขาเป็นชาวโอมานและย้ายมาเล่นในยุโรป ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าจะเป็นการย้ายมาเพื่อเหตุผลทางการตลาดหรือไม่ แต่สุดท้ายแล้วอัล-ฮับซีก็พิสูจน์ตนเองว่ามีฝีมือดีพอและสามารถยึดตำแหน่งมือ 1 ของลินน์ ออสโลได้
- เมื่อทำผลงานเป็นที่น่าพอใจในลีกของนอร์เวย์ ทำให้เป็นจุดเริ่มต้นที่เหมือนเป็นการเปิดประตูให้เขาได้ก้าวเข้าไปเล่นในศึกพรีเมียร์ลีกของอังกฤษ โดยเป็นทาง โบลตัน วันเดอเรอร์ส ที่ดึงตัวเขาไปร่วมทีมในเดือนมกราคมของปี 2006 โดยทางโบลตันดึงตัวเขาไปเพื่อให้ไปเป็นมือ 2 ของ ยุสซี ยัสเคไลเนน นายทวารชาวฟินแลนด์
- ช่วงอยู่กับโบลตัน อัล-ฮับซีไม่ค่อยได้มีโอกาสลงสนามมากนักจนเมื่อยัสเคไลเนนได้รับบาดเจ็บ ทำให้เขาได้มีโอกาสลงเฝ้าเสานัดแรกให้ทีมซึ่งเป็นเกมลีกคัพที่เอาชนะ ฟูแล่ม ในช่วงต่อเวลาพิเศษไปได้ 2-1
- ในเดือนกรกฎาคมของปี 2010 อัล-ฮับซีถูกปล่อยไปให้ทาง วีแกน แอธเลติก ยืมตัวไปใช้งานเป็นเวลา 1 ฤดูกาลซึ่งเขาได้รับตำแหน่งมือ 1 ของทีมทันที โดยในฤดูกาล 2010/2011 เขาทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจโดยลงเล่นให้วีแกนไปถึง 40 นัดจากทุกรายการพร้อมด้วยการคว้ารางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมของสโมสรประจำฤดูกาล 2010/2011
- วีแกน แอธเลติก ตัดสินใจซื้อตัวอัล-ฮับซีจากโบลตันอย่างถาวรในช่วงซัมเมอร์ปี 2011 โดยค่าตัวของเขาอยู่ที่ประมาณ 4 ล้านปอนด์ โดยถึงแม้ว่าเขาจะไม่สามารถเก็บคลีนชีตได้อย่างมากมาย แต่เจ้าตัวก็มีจุดเด่นอยู่ที่การเซฟลูกจุดโทษซึ่งเขาเคยเซฟจุดโทษจากนักเตะดาวดังทั้ง โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ / คาร์ลอส เตเบซ / ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ รวมไปถึง มิเกล อาร์เตต้า
- ช่วงกลางฤดูกาล 2012/2013 โรแบร์โต มาร์ติเนซ กุนซือของวีแกนตัดสินใจยืมตัว โจเอล โรเบลส นายทวารชาวสเปนมาจาก ราโย บาเยกาโน่ ซึ่งการมาของโรเบลสทำให้เกิดการต่อสู้เพื่อแย่งตำแหน่งมือ 1 ของทีมจนในที่สุดก็เป็นทางโรเบลสที่สามารถยึดตำแหน่งมือ 1 ของทีมได้สำเร็จซึ่งนั่นเป็นการผลักให้ อัล-ฮับซี ต้องหลุดไปเป็นตัวสำรอง
- แม้ว่าเขาจะตกไปเป็นมือ 2 ของทีมแต่เขาก็สามารถร่วมคว้าแชมป์เอฟเอคัพกับวีแกนได้ในปี 2013 ซึ่งเป็นเกมที่พวกเขาพลิกล็อกเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปได้ 1-0 แต่เมื่อจบซีซั่นวีแกนมีอันต้องตกชั้นไปสู่ลีกแชมเปียนชิพ โดยที่อัล-ฮับซีได้กลับมาเป็นมือ 1 ของทีมหลังจากที่โรเบลสย้ายไปอยู่กับเอฟเวอร์ตัน
- อัล-ฮับซี ย้ายไปร่วมทีม ไบร์ทตัน เมื่อปี 2014 ในรูปแบบการยืมตัวแต่ก็ได้ลงสนามเพียงแค่นัดเดียวและกลับมาที่วีแกนอีกรอบ แต่เขาไม่อยู่ในแผนการทำทีมอีกต่อไปแล้วนั่นทำให้เขาได้ไปเซ็นสัญญา 2 ปีกับ เรดดิ้ง ในช่วงกลางปี 2015
- แม้ว่าจะต้องเล่นในลีกระดับแชมเปียนชิพ แต่เขาก็สร้างผลงานได้ดีพอสมควรโดยเฉพาะในเกมรอบเพลย์ออฟกับ เชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ เขามีช็อตการเซฟประตูอยู่หลายจังหวะซึ่งในฤดูกาล 2016/2017 เขาได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลของสโมสรเรดดิ้ง รวมไปถึงยังติดทีมยอดเยี่ยมของศึกแชมเปียนชิพ
- ช่วงกลางปี 2017 อัล-ฮับซีโบกมือลาลีกอังกฤษหลังจากอยู่ค้าแข้งมานานกว่า 11 ปี โดยเขาเลือกย้ายไปเล่นในซาอุดิอาระเบียกับทีม อัล ฮิลาล โดยที่เซ็นสัญญากัน 3 ปี
- แต่ในปี 2019 อัล-ฮับซีก็โหยหากลิ่นสาบลูกหนังของบอลอังกฤษอีกครั้ง โดยเขาตัดสินใจกลับมาที่อังกฤษและเซ็นสัญญากับทีม เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน แต่ก็ไม่ได้ลงสนามเลยสักนัดซึ่งในช่วงปี 2020 เขาตัดสินใจเดินทางกลับไปที่โอมานซึ่งในเวลานั้นโลกกำลังเผชิญกับสถานการณ์ของไวรัสโควิด 19 นั่นทำให้อัล-ฮับซีต้องเข้ารับการกักตัวซึ่งหลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้กลับมาที่อังกฤษอีกเลย จนกระทั่งในเดือนสิงหาคมเขาก็ตัดสินใจประกาศแขวนถุงมือด้วยวัย 38 ปี
- ขณะที่เส้นทางในทีมชาติโอมาน เขาเริ่มต้นติดทีมชาติในปี 2001 ซึ่งหลังจากนั้นเขาก็ถูกเรียกตัวติดทีมชาติเรื่อยมา โดยอยู่ในชุดที่ลงทำศึกเอเชียนคัพถึง 3 สมัยคือในปี 2004 / 2007 และ 2015 นอกจากนั้นยังลงช่วยโอมานในศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกรวมไปถึงลงเล่นในรายการ กัลป์ คัพ ซึ่งเป็นฟุตบอลทัวร์นาเมนต์ในกลุ่มประเทศอ่าวอาหรับ
- อัล-ฮับซี ลงเล่นเกมที่ 100 ในนามทีมชาติโอมานในเกมที่แพ้ ออสเตรเลีย ไป 4-0 ในศึกเอเชียนคัพ 2015 โดยเขาอำลาทีมชาติในช่วงต้นปี 2020 ซึ่งเขาทำสถิติรับใช้ทีมชาติโอมานไปกว่า 136 นัดในระยะเวลาเกือบ 2 ทศวรรษ
- ขณะที่ชีวิตส่วนตัวของอัล-ฮับซี เขาเป็นชาวมุสลิมที่ค่อนข้างเคร่งครัดโดยเขากล่าวว่าศรัทธาของเขาที่มีต่อศาสนาอิสลามมีส่วนสำคัญในชีวิตของตนเอง โดยด้านครอบครัวเขาแต่งงานและมีลูกทั้งหมด 3 คน
- โดยก่อนที่เขาจะก้าวมาเป็นนักฟุตบอลอาชีพ เขาเคยทำงานเป็นพนักงานดับเพลิงมาก่อนซึ่งเขาเคยบอกไว้ว่าหากไม่ได้ผันตัวมาเป็นนักฟุตบอลก็คงทำงานเป็นนักดับเพลิงต่อไป นอกจากนั้นเขายังได้ร่วมก่อตั้งองค์กร Safety First ซึ่งเป็นองค์กรด้านความปลอดภัยบนท้องถนนซึ่งมีจุดมุ่งหมายหลักในการลดการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุจากการขับขี่รถยนต์
#อาลีอัลฮับซี
#วีแกนแอธเลติก
#ทีมชาติโอมาน
อาลี อัล-ฮับซี ช่วงแรกๆที่มาค้าแข้งในอังกฤษกับโบลตัน วันเดอเรอร์ส ซึ่งเขาต้องใช้เวลาอยู่สักพักใหญ่ๆกว่าจะได้เวิร์คเพอร์มิตการทำงานในอังกฤษ
ผลงานที่โดดเด่นที่สุดของอัล-ฮับซีในการเล่นในอังกฤษก็คงเป็นช่วงที่เฝ้าเสาให้กับทีมวีแกน แอธเลติก
แม้จะหลุดไปเป็นมือ 2 แต่ก็สามารถคว้าแชมป์เอฟเอคัพร่วมกับวีแกนได้ในปี 2013
ย้ายไปเฝ้าเสาให้กับ เรดดิ้ง เมื่อปี 2015
เปิดตัวเวสต์บรอมวิชเมื่อปี 2019 แต่เมื่อไวรัสโควิด 19 แพร่ระบาดไปทั่วโลก ทำให้เขาไม่มีโอกาสลงเฝ้าเสาให้กับทีมเลยสักนัด
ในทีมชาติโอมาน เขาคือผู้เล่นคนสำคัญของทีมและติดทีมชาติเกิน 100 นัด
ได้รับเกียรติเป็นผู้เชิญถ้วยฟุตบอลอาหรับ คัพ เมื่อปี 2021
โฆษณา