17 เม.ย. เวลา 06:58 • หุ้น & เศรษฐกิจ
WealthMagik

อยากเลือกกองทุนให้ปัง! ต้องดูค่าธรรมเนียมให้เป็น! 🔥🔥

กองทุนรวมหนึ่งในทางเลือกยอดฮิตสำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงและลงทุนได้หลายสินทรัพย์ แต่ก่อนลงทุนในกองทุนรวมสิ่งหนึ่งที่เราต้องรู้เลย นั่นก็คือ “ค่าธรรมเนียม” ของกองทุนนั้นมีอะไรบ้าง? ซึ่งค่าธรรมเนียมกองทุนรวมแบ่งออกเป็นหลายส่วน และเป็นจุดที่สามารถช่วยให้ตัดสินใจเลือกกองทุนได้ง่ายขึ้นด้วย
📌 ประเภทค่าธรรมเนียมกองทุนรวมมีอะไรบ้าง?
ค่าธรรมเนียมกองทุนรวมแบ่งเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ คือ ค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากผู้ถือหน่วยลงทุนโดยตรง และค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากกองทุน ซึ่งทั้งสองส่วนก็จะแบ่งย่อยไปอีก
ค่าธรรมเนียมกองทุนรวม
  • ค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากผู้ถือหน่วยลงทุนโดยตรง
• ค่าธรรมเนียมการขาย (Front – End Fee) เป็นค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บเมื่อผู้ลงทุนซื้อหน่วยลงทุน
• ค่าธรรมเนียมการรับซื้อคืน (Back – End Fee) เป็นค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บเมื่อผู้ลงทุนขายหน่วยลงทุน
• ค่าธรรมเนียมการสับเปลี่ยนกองทุน เป็นค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บเมื่อผู้ลงทุนสับเปลี่ยนจากกองทุนหนึ่งไปยังอีกกองทุนหนึ่ง
• ค่าธรรมเนียมการโอน (Transfer Fee) ค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บเมื่อมีการโอนสิทธิ์ในหน่วยลงทุนให้ผู้อื่น
  • ค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากกองทุน
• ค่าธรรมเนียมการจัดการ (Management Fee) เป็นค่าตอบแทนให้กับทีมผู้จัดการกองทุนที่ดูแลบริหารกองทุนให้
• ค่าธรรมเนียมผู้ดูแลผลประโยชน์ (Trustee Fee) เป็นค่าธรรมเนียมที่จ่ายให้ผู้ดูแลที่มีหน้าที่ตรวจสอบและรับรองความถูกต้องของ NAV และดูแลผลประโยชน์ของนักลงทุน รวมไปถึงควบคุมให้กองทุนดำเนินงานตามนโยบาย
• ค่าธรรมเนียมนายทะเบียน (Registrar Fee) จ่ายให้นายทะเบียนที่ดูแลผู้ถือหน่วยลงทุนในเรื่องสิทธิประโยชน์ต่างๆ
• ค่าธรรมเนียมอื่นๆ เช่น ค่าส่งเสริมการขาย ค่าประชาสัมพันธ์กองทุน
ซึ่งค่าธรรมเนียมในส่วนที่เรียกเก็บจากกองทุนรวม หรือที่เรียกโดยรวมว่าค่าธรรมเนียมการบริหารกองทุนนั้นจะมีการคำนวณไว้เป็นรายปี แต่จะเรียกเก็บเป็นรายวันโดยหักจากสินทรัพย์ของกองทุนเฉลี่ยทุกวัน ก่อนที่จะประกาศออกมาเป็น NAV ทำให้เป็นค่าธรรมเนียมที่แฝงอยู่โดยที่เราเลี่ยงไม่ได้ นอกเสียจากเลือกกองทุนที่มีค่าธรรมเนียมในส่วนนี้ต่ำนั่นเอง
📌 ค่าธรรมเนียมกองทุนรวมสำคัญยังไง?
ค่าธรรมเนียมกองทุนรวมเป็นสิ่งที่มองข้ามไม่ได้ อย่างที่บอกข้างต้นว่าเป็นอีกหนึ่งข้อที่ทำให้ช่วยตัดสินใจเลือกกองทุนได้ง่ายขึ้น เพราะว่า ค่าธรรมเนียมนับเป็นต้นทุนหนึ่งที่นักลงทุนต้องจ่าย ดังนั้น ก็จะส่งผลต่อผลตอบแทนที่เราได้รับด้วย โดยถ้ากองทุนไหนเรียกเก็บค่าธรรมเนียมหลายต่อ หรือมีค่าธรรมเนียมการบริหารกองทุนสูง ผลตอบแทนหลังจากหักค่าธรรมเนียมต่างๆแล้วก็จะน้อยลงด้วย
📌 วิธีเลือกกองทุนรวมจากค่าธรรมเนียม
  • เปรียบเทียบค่าธรรมเนียมจากกองทุนรวมในประเภทเดียวกัน หลายคนคงสงสัยว่าทำไมเราถึงไม่เลือกเปรียบเทียบกองทุนหลายประเภทในทีเดียวเลย นั่นก็เพราะว่ากองทุนแต่ละประเภทลงทุนในสินทรัพย์ที่แตกต่างกัน นโยบายการลงทุน รวมไปถึงความยากง่ายในการจัดการจึงต่างกันไปด้วย ดังนั้น ค่าธรรมเนียมของแต่ละประเภทกองทุนจึงแตกต่างกันโดยขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ข้างต้น
ค่าธรรมเนียมกองทุนรวม
  • เปรียบเทียบกองทุนรวมระหว่างค่าธรรมเนียม กับผลตอบแทน ในกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนที่ใกล้เคียงกัน อาจจะสร้างผลตอบแทนที่ต่างกันได้ ดังนั้น ถ้ามีกองทุนที่คล้ายกัน แต่กอง A ให้ผลตอบแทนโดดเด่นกว่ามากถึงแม้ว่าจะค่าธรรมเนียมแพงกว่า เทียบกับกอง B ที่มีค่าธรรมเนียมถูกกว่า แต่ผลตอบแทนที่ได้รับเมื่อหักค่าธรรมเนียมแล้วเหลือน้อยกว่า แน่นอนว่ากองทุน A ย่อมมีความน่าสนใจในการเข้าลงทุนมากกว่านั่นเอง
ค่าธรรมเนียมกองทุนรวม
เพราะฉะนั้นแล้วก่อนเลือกซื้อกองทุนนอกจากเรื่องนโยบาย ผลการดำเนินงาน และความเสี่ยงของกองทุนแล้ว ค่าธรรมเนียมก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่นักลงทุนควรศึกษาให้ดี เพราะว่ายิ่งค่าธรรมเนียมกองทุนต่ำ ก็จะได้ผลตอบแทนหลังจากหักค่าธรรมเนียมแล้วแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยมากขึ้นด้วย
โฆษณา