18 เม.ย. 2024 เวลา 02:29 • ประวัติศาสตร์

79ปีการทิ้งระเบิดประตูน้ำคลองภาษีเจริญ/ดำเนินสะดวกและจุดตกของเครื่องบิน B-24 ที่ประตูน้ำบางยาง

18 เมษายน 1945-2024 ครบรอบ 79 ปี การทิ้งระเบิดที่ประตูน้ำคลองภาษีเจริญ/คลองดำเนินสะดวกและเหตุการณ์เครื่องบินทิ้งระเบิดแบบ B-24 Liberator ของอังกฤษ ตก ณ คลองดำเนินสะดวก  ประตูน้ำบางยาง
ในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่สองฝ่ายสัมพันธมิตร นำโดยอังกฤษและสหรัฐต่างร่วมมือกันทำลายโครงสร้างคมนาคมพื้นฐานในประเทศไทย เพื่อเป็นการตัดการส่งกำลังบำรุงของกองทัพญี่ปุ่น
ทางรถไฟ ท่าเรือ สะพาน ถนน ล้วนแล้วแต่เป็นเป้าหมายในการทิ้งระเบิด
ในภาพย่อยลงไป ในช่วงต้นปี 1945
สะพานรถไฟที่ข้ามแม่น้ำแม่กลองที่เรียกว่าสะพานจุฬาลงกรณ์ ถูกทิ้งระเบิดเสียหายใช้การไม่ได้ ทำให้การส่งยุทธปัจจัยของญี่ปุ่นจากทางใต้มายังกรุงเทพหรือไปกาญจนบุรี ทำได้ไม่สะดวก เพราะต้องขนถ่ายของจากรถไฟใช้เรือแพในการขนข้ามน้ำแล้วนำไปขึ้นขบวนรถไฟที่จอดอีกฝั่ง
สะพานจุฬาลงกรณ์ที่เสียหายจากการทิ้งระเบิดในคืนวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 1945 ระเบิดหน่วงเวลา 6 ชั่วโมงจนเช้าวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 1945 จึงเกิดระเบิดขึ้น ทำให้สะพานพังเสียหาย
ในช่วงใกล้เคียงกันทางรถไฟสายใต้ที่ข้ามแม่น้ำนครชัยศรี นครปฐม ที่ชื่อสะพานเสาวภาถูกทิ้งระเบิดเสียหาย ทำให้การส่งกำลังบำรุงของกองทัพญี่ปุ่นจากกรุงเทพไปกาญจนบุรีทางรถไฟทำได้ยากมากเช่นกัน
ทหารญี่ปุ่นจำเป็นต้องส่งยุทธปัจจัยไปทางชายแดนไทยแถบกาญจนบุรี จึงหันมาใช้การขนส่งทางระบบคลองของประเทศไทย
โดยเรือขนส่งของกองทัพญี่ปุ่นใช้เส้นทางจากแม่น้ำเจ้าพระยาตัดเข้าคลองบางกอกใหญ่ แล้วเข้าสู่คลองภาษีเจริญ แล้วมุ่งหน้าไปทางตะวันตกจนก่อนถึงทางออกที่แม่น้ำท่าจีน ตรงนั้นที่ปลายคลองภาษีเจริญฝั่งตะวันตกจะมีประตูน้ำที่ชื่อว่าอ่างทองครับ
เมื่อเรือออกจากประตูน้ำอ่างทองจะแล่นบนแม่น้ำท่าจีนและจะทวนกระแสน้ำขึ้นไปยังคลองดำเนินสะดวก และที่คลองดำเนินสะดวกฝั่งตะวันออกก็จะมีประตูน้ำที่เรียกว่าบางยาง
เมื่อเรือเข้าสู่ประตูน้ำบางยางแล้วก็จะแล่นตรงไปยังฝั่งตะวันตกของคลอง ก่อนที่จะออกแม่น้ำแม่กลอง จะมีประตูน้ำอีกประตูที่ชื่อว่า บางนกแขวก
หลังจากที่ออกจากประตูน้ำบางนกแขวกแล้ว คาดว่าเรือของกองทัพญี่ปุ่นก็จะขึ้นทวนกระแสน้ำในแม่น้ำแม่กลอง เพื่อไปยังตัวจังหวัดราชบุรี และทำการขนถ่ายยุทธปัจจัยขึ้นไปยังขบวนรถไฟที่อยู่ฝั่งเหนือของแม่น้ำแม่กลองตรงจุดใกล้กับสะพานจุฬาลงกรณ์ หรือไม่ก็สามารถล่องไปจนถึงตัวเมืองกาญจนบุรีได้เลยครับ
รวมรูปการทิ้งระเบิดตามประตูน้ำต่างๆของทั้งคลองภาษีเจริญ ดำเนินสะดวก
เมื่อฝ่ายสัมพันธมิตรล่วงรู้เส้นทางการขนส่งทางน้ำของกองทัพญี่ปุ่น ทำให้ประตูน้ำของคลองทั้งสองแห่งต้องตกอยู่ในเป้าหมายการที่จะต้องถูกทิ้งระเบิดทำลาย
ขออธิบายระบบคลองและประตูน้ำ ในระบบคลองฝั่งตะวันตกของกรุงเทพมีการสร้างเชื่อมแม่น้ำเจ้าพระยา ท่าจีน และแม่กลองเข้าด้วยกัน คลองดำเนินสะดวกและภาษีเจริญจึงถูกใช้เพื่อการคมนาคมขนส่งครับ
แต่ด้วยอิทธิพลน้ำขึ้นน้ำลง ทำให้คลองขุดเหล่านี้ในช่วงน้ำลง น้ำจะเหลือน้อย น้ำจะไหลจากคลองลงไปสู่แม่น้ำ จนทำให้ระดับน้ำในคลองขุดต่ำจนไม่สามารถเดินเรือได้
เพื่อที่จะแก้ไขปัญหานี้ จึงมีการสร้างประตูน้ำขึ้น เพื่อรักษาระดับน้ำในคลองให้คงที่ตลอดถึงแม้จะเป็นช่วงน้ำลงก็ตาม
การทำลายประตูน้ำ ทำให้ในช่วงที่น้ำลง น้ำในคลองขุดทั้งสองจะไหลออกไปสู่แม่น้ำใหญ่จนเหลือระดับน้ำน้อยทำให้เดินเรือไม่ได้เป็นการขัดขวางการขนส่งยุทธปัจจัยของญี่ปุ่น
เครื่องบินทิ้งระเบิดแบบ B-24 Kh272 ฝูงบินทิ้งระเบิดที่ 356
เครื่องบิน B-24 ฝูงบินที่ 356 ได้ทำการทิ้งระเบิดโจมตีประตูน้ำคลองภาษีเจริญและดำเนินสะดวก ในวันที่ 18 เมษายน 1945
ด้วยการบินระดับต่ำและทิ้งระเบิดไปยังประตูน้ำของคลองดังกล่าว
การทำลายประตูน้ำทำให้การใช้เรือในการขนส่งยุทธปัจจัยทางคลองของญี่ปุ่นลดประสิทธิภาพลงไป 80%
การเดินเรือของทหารญี่ปุ่น ประชาชนชาวไทยเป็นไปได้ยากมากขึ้น เพราะต้องรอให้น้ำขึ้นสูงพอ เรือจึงจะสามารถแล่นผ่านไปได้อีกครั้ง
โดยในเหตุการณ์นี้มีเครื่องบินทิ้งระเบิด B-24 รหัส KH272 เครื่องขัดข้องและตกลงไปในคลองดำเนินสะดวก ที่ทางตะวันออกของประตูน้ำบางยาง ด้วยครับ
เครื่องบินทิ้งระเบิดขนาดหนักแบบ  B-24 Liberator หมายเลข KH272 ชื่อว่า Deadalus(ตั้งชื่อตามเทพเจ้ากรีกโบราณ) โดยข้างลำตัวของเครื่องบินจะมีสัญลักษณ์ตัว D หรือย่อมาจาก Deadalus
KH272 เป็นหนึ่งในเครื่องบินทิ้งระเบิดในฝูงบินที่ 356 ของกองทัพอากาศอังกฤษ ที่ปฏิบัติการในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากฐานบิน Salbani ที่ประเทศอินเดีย
ก่อนหน้าที่จะทำการทิ้งระเบิดที่ประตูน้ำดำเนินสะดวกในวันที่ 18 เมษายน 1945 นั้น เครื่องบินลำดังกล่าวได้ร่วมทำภารกิจในการทิ้งระเบิดจุดยุทธศาสตร์สำคัญในประเทศไทยหลายแห่ง
ข้อมูลจาก Flight operation record ของฝูงบินทิ้งระเบิด 356 ระบุว่า
ในวันที่ 3 เมษายน 1945 ได้ทิ้งระเบิดที่สถานีรถไฟแก่งคอย
และ วันที่ 14 เมษายน 1945 ได้ทิ้งระเบิดทำลายโรงไฟฟ้าวัดเลียบ กรุงเทพ
วันที่ 16 เมษายน 1945
มีคำสั่งให้เครื่องบินทิ้งระเบิด 8 ลำ จากฝูงบินที่ 356 เตรียมทำภารกิจทิ้งระเบิดประตูน้ำคลองขุดทางทิศตะวันตกของกรุงเทพมหานคร โดยมีกำหนดการทิ้งระเบิดในวันที่ 17 เมษายน 1945 (โดยในเอกสารบันทึกของอังกฤษระบุว่าชื่อคลองดำเนินสะดวก คือ comfortable king's way  และคลองภาษีเจริญ Prosperous revenue (เป็นการแปลภาษาแบบตรงตัวเลย))
เวลา 13.00 น. ลูกเรือของเครื่องบินทั้ง 8 ลำเข้าฟังบรรยายสรุป
วันที่ 17 เมษายน 1945
ด้วยสภาพอากาศแปรปรวน ทำให้ภารกิจทิ้งระเบิดประตูน้ำในคลองทั้งสองแห่งถูกเลื่อนออกไป 24 ชั่วโมง
เครื่องบินทิ้งระเบิดแบบ B-24 รหัส Kh272 ฝูงบิน 356
วันที่ 18 เมษายน 1945
เครื่องบินทิ้งระเบิด B-24 Liberator จำนวน 8 เครื่อง บรรทุกระเบิดขนาด 1000 ปอนด์ จำนวน 7 ลูกต่อ 1 เครื่อง
เครื่องบินได้บินขึ้นจากสนามบินที่ Salbani อินเดีย ในเวลา 07.06 น. มุ่งหน้าทางตะวันออกสู่ประเทศไทย
6
ในระหว่างการบิน เมื่อเครื่องบินถึงเทือกเขาตะนาวศรี มีกลุ่มเมฆขนาดใหญ่ โดยความสูงของฐานเมฆอยู่ที่ 1,200 เมตรหรือ 4,000 ฟุต และความสูงของยอดเมฆอยู่ที่ 6,000 เมตร หรือ20,000 ฟุต
เครื่องบินทั้งหมดจึงต้องบินด้วยความระมัดระวัง โดยบินอยู่ระหว่างฐานของเมฆและยอดเขา
เมื่อเครื่องบินได้บินถึงพื้นที่ทางตะวันตกของกรุงเทพมหานคร อากาศค่อนข้างปลอดโปร่งทัศนวิสัยดี
เครื่องบินทั้งหมดทิ้งระเบิดประตูน้ำทั้งคลองดำเนินสะดวก และคลองภาษีเจริญ ในระยะความสูงเพียงแค่ 15-150 เมตรเท่านั้น
โดยที่ประตูน้ำของคลองดำเนินสะดวกฝั่งตะวันออกคือประตูน้ำบางยาง มีเครื่องบินทิ้งระเบิดจำนวนสี่ลำทำการทิ้งระเบิดทำลายประตูน้ำดังนี้
ลำที่ 1 คือ เครื่องบิน B-24 รหัส KH161 อักษรข้างตัวเครื่อง V
ลำที่ 2 เครื่องบิน B-24 รหัส KW283 อักษรข้างตัวเครื่อง P ลำนี้ได้รับรายงานว่ามีพลวิทยุได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยที่ข้อเท้า
ลำที่ 3 เครื่องบิน B-24 รหัส KW157 อักษรข้างตัวเครื่อง G  ลำนี้ทิ้งระเบิดถล่มประตูน้ำบางนกแขวกไป 4 ลูก เมื่อประตูน้ำบางนกแขวกถูกทำลายจึงบินมาทิ้งระเบิดใส่ประตูน้ำบางยางที่อยู่ทางตะวันออก ด้วยระเบิดที่เหลืออีก 3 ลูก
และลำสุดท้ายคือ KH272 อักษรข้างตัวเครื่อง D
(ส่วนเครื่องบินที่เหลืออีก 4 เครื่องก็บินวนทิ้งระเบิดประตูน้ำในคลองทั้งสองไปมา)
ภาพการทิ้งระเบิดประตูน้ำบางยาง
ในรายงานบันทึกว่า เวลา 14.10 น. ทันใดนั้นก็มีแสงสว่างวาบเกิดขึ้นในระวางบรรทุกระเบิดของเครื่องบิน KH272 แล้วหลังจากนั้นก็มีกลุ่มควันสีขาวขนาดใหญ่ออกมาจากบริเวณดังกล่าว
เครื่องบินไม่มีการระเบิด แต่กลับเสียการควบคุม เครื่องบินดิ่งปักหัวลงไปในคลองดำเนินสะดวก ห่างออกไปจากประตูน้ำไปทางตะวันออกไม่มากนัก
ดูเหมือนว่าไม่มีลูกเรือคนใดสามารถหนีออกมาจากเครื่องได้ทันจากเหตุการณ์นี้
เครื่องบินจมลงไปในคลองดำเนินสะดวก จะพบก็แต่เพียงคราบน้ำมันจากเครื่องบินที่ลอยอยู่บนผิวน้ำและกำลังลุกไหม้ มีกลุ่มควันสีดำหนาทึบที่เกิดจากการไหม้ของน้ำมันในบริเวณจุดตก
หลังจากภารกิจจบเครื่องบินที่เหลือทั้ง 7 ลำบินกลับได้อย่างปลอดภัย มีเพียง KH272 ที่ไม่ได้กลับ
ส่วนเป้าหมายที่คลองดำเนินสะดวก
ที่ประตูน้ำบางนกแขวกถูกทำลายทั้งประตูซ้ายและขวา
ประตูน้ำบางยาง ประตูฝั่งตะวันออกถูกทำลาย ประตูทางขวาได้รับเสียหายเท่านั้น (ตรงตามที่ตาสงวนบอกว่าประตูทางซ้ายไม่ถูกทำลาย)
คลองภาษีเจริญ
ประตูน้ำทางตะวันตกถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง
ประตูน้ำทางตะวันออกเสียหายอย่างหนัก
ในรายงานมีการระบุอีกว่าเครื่องบิน ถูกยิงด้วยปืนกลหนักและปืนกลเบาในระหว่างการทิ้งระเบิด จนทำให้พลวิทยุของเครื่อง KW283 ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยเป็นแผลถลอกที่ข้อเท้า และตัวเครื่องบินได้รับความเสียหายไม่มาก
อ้างอิงจากคุณ Peter Clare ได้เขียนข้อความโดยอ้างถึงหนังสือเล่มหนึ่งที่ชื่อ To Burma Skies and Beyond  ซึ่งเป็นบันทึกความทรงจำของนักบินที่ชื่อ Reg Jordan ซึ่งในวันที่ 18 เมษายน 1945
Reg Jordan เป็นนักบินของเครื่องบิน B-24 รหัส KG831 ที่ร่วมทำภารกิจทิ้งระเบิดประตูน้ำภาษีเจริญที่อยู่ใกล้เคียง เขาได้พูดถึงเหตุการณ์ที่เครื่องบิน KH272 ตกว่า
ในวันที่ 18 เมษายน 1945 ฝูงบินได้วางแผนโจมตีประตูน้ำ ทางตะวันตกของกรุงเทพ
โดยมีการแบ่งกลุ่มของเครื่องบินออกสองกลุ่ม เพื่อทำลายเป้าหมายประตูน้ำของทั้งสองคลอง
โดยการบินทิ้งระเบิดจะใช้การบินในระดับต่ำมาก
ที่ต้องบินในระดับต่ำก็เพราะ เมื่อปล่อยลูกระเบิดในระดับบินที่ต่ำ จะทำให้ระเบิดสามารถพุ่งไปในแนวระนาบ กระดอนบนผิวน้ำก่อนพุ่งชนเป้าหมายที่ขวางหน้า (เหมือนเรายืนอยู่ข้างหนองน้ำแล้วโยนก้อนหินให้ไปในแนวตรงแรงๆ หินก็จะกระดอนบนผิวน้ำสักสามสี่ครั้ง และมีระยะที่ไปได้ไกล)
ช่วงจังหวะที่เครื่องบินทั้งสองกลุ่มกำลังวุ่นในการทิ้งระเบิดใส่เป้าหมายที่ตนเองได้รับมอบหมายนั้น
ในขณะที่เครื่องบินของเขากำลังจะทิ้งระเบิดลูกสุดท้ายบนประตูน้ำคลองภาษีเจริญ
เขาได้ยินเสียงตะโกนจากพลปืนคนหนึ่ง เขาจึงหันไปมองเครื่องบินที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก
เขามองเห็นเครื่องบิน(KH272)บินที่ความสูงประมาณ 60 เมตร อยู่เหนือประตูน้ำบางยางพอดี
เครื่องบินกำลังบินในลักษณะที่ปักหัวลำดิ่งลง และได้ทิ้งกลุ่มควันสีขาวขนาดใหญ่ไว้ข้างหลัง
ในอีกไม่กี่วินาทีถัดมาเครื่องบินก็ปักหัวแทบจะเป็นแนวดิ่งพุ่งลงไปในคลอง  และเกิดลูกไฟขนาดใหญ่พวยพุ่งขึ้นมาพร้อมกับควันสีดำ
ภาพหลังจากที่เครื่องบิน B-24 ตกลงในคลองดำเนินสะดวก ช่วงทางตะวันออกของประตูน้ำบางยาง
ภาพคราบน้ำมันและเศษซากเล็กน้อยๆที่ลอยอยู่บนน้ำเหนือจุดตก ไฟที่กำลังไหม้ผิวน้ำและควันไฟสีดำลอยขึ้น
ภาพที่เห็นเป็นสิ่งที่ทำให้เขาตกตะลึง เพราะตั้งแต่เริ่มทำภารกิจครั้งนี้ ยังไม่มีสัญญาณใดๆที่บ่งบอกว่ามีระบบป้องกันภัยทางอากาศของไทยหรือญี่ปุ่นในบริเวณนี้เลย
(ถ้าอธิบายในลักษณะนี้ เครื่องบิน KG831 ของ Jordan ต้องกำลังบินทิ้งระเบิดอยู่ที่ประตูน้ำทางตะวันตกของคลองภาษีเจริญ แล้วมองเห็นเครื่องบิน KH272 กำลังตก)
มีเรื่องเล่าจากคนในยุคนั้นครับ เช่น คุณตา สงวน ควรผดุง ที่ได้เล่าไว้ว่าในช่วงที่มีการทิ้งระเบิด เครื่องบินสองลำได้บินตามกันมาในระยะกระชั้นชิด
เมื่อเครื่องบินลำแรกทิ้งระเบิดลงที่ประตูน้ำบางยาง ระเบิดยังไม่ทำงาน แต่เมื่อเครื่องบินลำที่สองที่บินเข้ามาใกล้บริเวณดังกล่าวกำลังจะทิ้งระเบิด
ทันใดนั้นระเบิดจากเครื่องบินลำแรกได้ระเบิดขึ้น จนเป็นเหตุให้เครื่องบินลำที่สองตก
คุณตา สงวน ควรผดุง
คุณตา สงวน ควรผดุง อายุ 91 ปี ผู้อาวุโส แถบบางยาง
โดยในปีสุดท้ายของสงครามโลกครั้งที่สอง คุณตาสงวนบอกว่าตนเองมีอายุ 14 ปี ในขณะนั้นเรียนจบ ป.4 พอดี
คุณตาสงวนเล่าถึงเรื่องราวในช่วงอดีตว่า คลองดำเนินสะดวกเป็นคลองที่หนาแน่นไปด้วยเรือนานาชนิดของทั้งพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนทั่วไปที่ใช้สัญจรเดินทาง เพราะเส้นทาง ทางบก เดินทางไม่สะดวก
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง กองทัพญี่ปุ่นก็ใช้เส้นทางคลองดำเนินสะดวกในการขนส่งยุทธปัจจัยไปทางตะวันตก มีทหารญี่ปุ่นคุมเรือโยงผ่านบริเวณนี้ตลอด
คุณตาสงวนยังเล่าเหตุการณ์ในวันที่เครื่องบินฝ่ายสัมพันธมิตรมาทิ้งระเบิดที่ประตูน้ำบางยางต่ออีกว่า
เช้าวันหนึ่ง(ท่านจำวันที่ไม่ได้) เครื่องบินทิ้งระเบิดของสัมพันธมิตรบินมาถึงบริเวณนี้ เครื่องบินได้บินวนเป็นวงกลมในระดับต่ำหลายรอบ
คุณตาเข้าใจว่าการบินวนระดับต่ำหลายรอบนี้ก็เพื่อเป็นการเตือนให้ชาวบ้านในพื้นที่แถบนั้น รีบหนีออกจากพื้นที่
เพราะนักบินไม่ต้องการทิ้งระเบิดแล้วอาจจะพลาดไปถูกชาวบ้าน
บ้านคุณตาอยู่ในพื้นที่ประตูน้ำ คุณตาได้ยินเสียงระฆังที่เจ้าหน้าที่ที่ดูแลประตูน้ำคอยตีเป็นจังหวะและประกาศเตือนภัย
ชาวบ้านหลายคนก็พยายามพายเรือหนีออกไปตามคลองต่างๆ คุณตาเองก็เช่นกัน
เมื่อถามถึงเรื่องการทิ้งระเบิดคุณตากล่าวว่า เครื่องบินทิ้งระเบิดได้ทิ้งตรงประตูระบายน้ำ จนทำให้บานประตูน้ำที่เป็นเหล็กกระเด็นไปไกลนับร้อยเมตร ไปตกที่ป่าจากตรงข้ามฝั่งคลอง
และเมื่อถามคุณตาสงวนว่า มีเหตุการณ์เครื่องบินตกหรือถูกยิงตกหรือไม่
คุณตาสงวนบอกว่ามีเครื่องบินอยู่ลำหนึ่งตกในขณะที่มาทิ้งระเบิด
คุณตาเล่าว่าเหตุที่ทำให้เครื่องบินตกนั้นเกิดจาก เครื่องบินทิ้งระเบิดบินตามกันมาหลายลำ ในระดับเพดานบินที่ต่ำมาก
เมื่อเครื่องบินลำแรกบินอยู่เหนือประตูน้ำก็ทำการทิ้งระเบิดลงมาจากเครื่องบิน
ระเบิดที่ทิ้งลงไปยังประตูน้ำยังไม่ทันจะได้ระเบิดขึ้นมา
ประตูน้ำคลองบางยางในปัจจุบัน
มีเครื่องบินทิ้งระเบิดอีกลำบินตามหลังมาอย่างกระชั้นชิด
เมื่อเครื่องบินลำที่สองบินเหนือประตูน้ำ ในระหว่างนั้นระเบิดที่เครื่องบินลำแรกทิ้งลงไปก่อนหน้าเกิดระเบิดขึ้น
เนื่องจากเครื่องบินนั้น บินเหนือจุดทิ้งระเบิดในระดับต่ำมาก แรงระเบิดที่ระเบิดขึ้นมาจากคลองและประตูน้ำได้ทำลายเครื่องบินที่ตามมาทันที
เป็นเหตุให้เครื่องบินลำที่บินตามมาถูกแรงระเบิดและตกลงในคลองดำเนินสะดวก
ซึ่งตำแหน่งที่ตกก็อยู่ทางตะวันออกของประตูน้ำ (เลยจากประตูน้ำออกไปประมาณ 150 เมตรเท่านั้น)
เมื่อถามคุณตาต่อว่าเห็นซากเครื่องบินหรือไม่ คุณตาตอบว่า บริเวณนั้นคนเก่าๆเรียกว่าอ่าว เป็นผืนน้ำขนาดใหญ่ บริเวณที่เรียกอ่าวจะอยู่ก่อนถึงประตูน้ำ
น้ำค่อนข้างลึก และลึกลงไปภายใต้พื้นน้ำบริเวณนั้น เป็นโคลนหนา
ซากเครื่องบินได้จมลงไปในคลองดำเนินสะดวกทั้งลำ
ภายหลังจากการตกของเครื่องบิน คุณตาบอกว่าชาวบ้านยังเกรงกลัวอันตรายไม่กล้าเข้าใกล้ เนื่องจากมีน้ำมันลอยขึ้นมาเหนือน้ำในจุดที่ซากเครื่องบินจมอยู่ และมีเพลิงไหม้น้ำมันที่รั่วขึ้นมาบนผิวน้ำอยู่หลายวัน
ในภายหลังสงครามจบลงหลายปี มีชาวบ้านบางคนลงไปงมหาของในคลอง พบเศษชิ้นส่วนเครื่องบินที่เป็นแผ่นอลูมิเนียม บางคนก็เอามาทำเป็นหวี
ซึ่งคำกล่าวนี้ตรงกันกับคำบอกเล่าของยายอ้วน ผู้อาวุโสในพื้นที่อีกคนที่มีอายุ ประมาณ 81 ปี (สัมภาษณ์เมื่อปี 2022)
คุณยายอ้วนเกิดในปี 1941 เมื่อช่วงที่มีการทิ้งระเบิดคุณยายยังเด็กมากจำความไม่ได้ แต่ที่จำได้คือเมื่อโตขึ้น ยังมีโอกาสได้ไปเดินงมของบริเวณที่เครื่องบินตกในเวลาที่น้ำลด ยายอ้วนบอกว่าบางคนก็ได้แผ่นอลูมิเนียม ก็เอามาทำหวี เอามาทำกระบวย
ส่วนยายอ้วนเองไปงมเช่นกัน ยายอ้วนงมได้สายยางของเครื่องบินและเอามาใช้งานที่บ้าน
เมื่อผมถามถึงเรื่องศพของลูกเรือ คุณตาสงวน บอกเพียงว่าน่าจะตายยกลำและไม่น่าจะเหลือซาก และเรื่องศพของลูกเรือนั้นคุณตาเองไม่มีข้อมูล
แต่เมื่อถามคำถามนี้กับยายอ้วน ยายอ้วนบอกว่า เมื่อยายยังเด็กมีคนเล่าให้ฟังว่ามีคนตายเยอะตรงที่เครื่องบินตก แต่ก็ไม่รู้เขาจัดการกับศพอย่างไร
อีกบุคคลหนึ่งที่อยู่ในเหตุการณ์ คือคุณยายเพ็ญแข ดาวเรือง ซึ่งขณะเกิดเหตุการณ์นี้คุณยายยังเป็นเด็กเช่นกัน
คุณยายเพ็ญแข ดาวเรือง
ได้ข้อมูลมา มีทั้งสอดคล้องและแตกต่างไปจากข้อมูลด้านเอกสาร
1.คุณยายบอกว่าในขณะที่เครื่องบินมาทิ้งระเบิดคุณยายอยู่ไม่ไกลจากประตูน้ำมากนัก เนื่องจากพ่อทำงานที่ประตูน้ำจึงเที่ยวเล่นในบริเวณนั้นตามประสาเด็ก ได้ยินเสียงป๊อกๆๆ จากบนฟ้าในระดับความสูง ทีแรกไม่รู้ว่าคืออะไร ในภายหลังเครื่องบินบินต่ำ และมีเสียงป๊อกๆๆๆ อีก จึงรู้ว่าเป็นการยิงปืนกล
2.ก่อนที่จะทิ้งระเบิดคุณยายเห็นลูกเรือของเครื่องบินได้โบกผ้าแดง ซึ่งเข้าใจว่าเป็นสัญลักษณ์ว่าให้รีบหนีออกไปกำลังจะทิ้งระเบิดแล้ว
3.ในขณะที่เครื่องบินมาทิ้งระเบิด มีเรือขนยุทธปัจจัยของทหารญี่ปุ่นจำนวนหลายลำและมีทหารญี่ปุ่นอยู่บนเรือจำนวนหลายนายเช่นกัน เรือจอดอยู่ในอ่างระหว่างประตูระบายน้ำ
(เรื่องนี้คุณยายบอกว่าได้ยินคนในสมัยนั้นเล่ากันมาอีกที)
4.มีการยิงปืนกลกราดลงมาใส่เรือของทหารญี่ปุ่น ทหารญี่ปุ่นไม่มีการต่อสู้แต่อย่างได้ ทำได้เพียงขึ้นฝั่งแล้ววิ่งหนีไปคนละทิศคนละทาง (เรื่องนี้คุณยายบอกว่าได้ยินคนในสมัยนั้นเล่ากันมาอีกที)
5.เพราะช่วงที่จะทิ้งระเบิด คุณยายได้นั่งเรือหนีออกจากพื้นที่ไปป่าหลบจาก ได้ยินเสียงระเบิดดังกึกก้อง จึงไม่ได้เห็นเหตุการณ์
6.คุณยายบอกว่าคนในสมัยนั้นคนที่เห็นเหตุการณ์เล่าสู่กันฟังว่า เครื่องบินหัวปักทิ่มลงไปในคลองดำเนินสะดวก และจมลงไปทั้งลำ
7.คุณยายบอกว่ามีการพบศพของทั้งทหารญี่ปุ่นและฝรั่ง มีการใช้เรือลากเอาไปไว้ที่วัดบางยางจำนวนหลายศพ (ผมเข้าใจว่าศพน่าจะอืดแล้วจึงใช้เรือลากไป)
กลับมาวิเคราะห์กันว่าเครื่องบิน KH272 ตกได้อย่างไร เพราะสาเหตุใด
ในเอกสารบันทึกการบินของอังกฤษอ้างถึงว่ามีการยิงปืนกลหนักและปืนกลเบาเข้าใส่เครื่องบินที่ทำภารกิจทิ้งระเบิด แต่ไม่ได้ระบุว่าเครื่อง KH272 ถูกยิงตก
และไม่มีเครื่องบินลำอื่นนอกจากเครื่องบิน KW283 (เครื่องอีกลำ)ที่บอกว่าถูกยิง จนเครื่องบินเสียหายเล็กน้อยและพลวิทยุมีแผลถลอกที่ขา
จุดที่คุณตาสงวนยืนยันจุดตก อยู่ห่างไปจากจุดที่ถ่ายรูปประมาณ 100 เมตร
และผู้สนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ทั้งชาวไทยชาวต่างชาติต่างก็ตั้งข้อสังเกตุว่า เครื่องบิน KH272 อาจจะไม่ได้ถูกยิงตก
ด้วยเหตุผลที่ว่า เครื่องบินที่เหลือไม่มีรายงานว่าถูกโจมตีด้วยปืนกลหรือปืนต่อสู้อากาศยาน นอกเหนือจาก KW283
เพราะถ้ามีปืนต่อสู้อากาศยานในบริเวณนั้นจริง เครื่องบินทุกลำที่บินผ่านเพื่อทิ้งระเบิดก็คงต้องถูกยิงแทบทุกลำ
ประกอบกับที่คุณตาสงวนได้ยืนยันอย่างหนักแน่นว่าไม่มีทหารในบริเวณประตูน้ำบางยาง หรือพื้นที่ใกล้เคียง และไม่มี ปตอ. หรือการยิงปืนใดๆใส่เครื่องบิน
จึงดูเหมือนว่าน้ำหนักจะมาในแนวทางที่เครื่องบินอาจจะเกิดการขัดข้องภายในเอง หรืออาจจะเป็นตามคำกล่าวของคุณตาสงวนที่ว่า เครื่องบินที่ตกถูกระเบิดของเครื่องบินอีกลำระเบิดใส่
หลังจากที่อ่านบันทึกอย่างละเอียดพบว่า ระเบิด 1000 ปอนด์ หรือ 450 กิโลกรัมที่บรรทุกบนเครื่องบินนั้น มีการตั้งชนวนถ่วงเวลา 11 วินาที
ตามที่ได้รับคำแนะนำจาก พลอากาศเอก ศักดิ์พินิต พร้อมเทพ ผู้เชี่ยวชาญในประวัติศาสตร์อากาศยานและกองทัพอากาศไทยกล่าวว่า
การตั้งเวลาหน่วงของระเบิดถึง 11 วินาที ถือว่าเป็นการตั้งเวลาหน่วงที่ค่อนข้างนาน และที่ตั้งเวลาหน่วงนานแบบนี้คาดว่า ต้องการให้ระเบิดที่ทิ้งลงจากเครื่องได้ทำการกระทบกับตัวโครงสร้างประตูน้ำที่เป็นปูนให้เสียหายก่อน แล้วค่อยระเบิดขึ้น
(ผมเข้าใจว่าอีกส่วนหนึ่งที่ตั้งเวลาระเบิดถึง 11 วินาทีหลังพุ่งชนเป้าหมาย ก็เพราะการบินทิ้งระเบิดด้วยความสูงประมาณ 15-150 เมตรนั้นค่อนข้างอันตราย
หากตั้งหน่วงเวลาระเบิดน้อยจนเกินไป เมื่อระเบิดที่ทิ้งไปเกิดระเบิดเร็วกว่าที่เครื่องบินจะออกมาจากรัศมีทำลายล้างของระเบิด สะเก็ดระเบิดและแรงระเบิดอาจจะทำให้เกิดอันตรายแก่ตัวเครื่องบินและลูกเรือได้)
และ พลอากาศเอก ศักดิ์พินิต ยังกล่าวอีกว่าเป็นไปได้ว่าเครื่องบินลำที่สอง (KH272) ตัวนักบินอาจจะกะเวลาไม่ถูก และบินเข้ามาไวจนเกินไป
จนถูกแรงระเบิดหรือสะเก็ดจากระเบิดที่ถูกทิ้งจากเครื่องบินลำก่อนหน้า จนเครื่องเสียหายจนทำให้เครื่องบินตก
ก็เป็นการสนับสนุนคำบอกเล่าของคุณตาสงวน ควรผดุง อย่างที่กล่าวไปข้างต้น
และเมื่ออ่านข้อความการวิเคราะห์ของ นักบินที่ชื่อ Jordan ซึ่งขับเครื่องบิน B-24 รหัส KG831 เขาได้เห็นเหตุการณ์บางส่วนด้วยตาตนเองและร่วมทำภารกิจในครั้งนี้ให้ความเห็นว่า
เขาคิดว่าปัญหามาจากถังน้ำมันเสริม
กล่าวคือในภารกิจบินระยะไกลจากอินเดียมาทิ้งระเบิดที่ไทย เครื่องบินจะต้องใช้ระยะทางบินทั้งไปและกลับ
ซึ่งถังน้ำมันธรรมดาของเครื่องบินมีความจุไม่เพียงพอ จำเป็นต้องมีการติดตั้งถังน้ำมันเสริม
โดยจุดที่ติดตั้งอยู่บริเวณส่วนหน้าของระวางเก็บระเบิด
และเมื่อบินมาถึงที่ประเทศไทยถังน้ำมันส่วนนี้อาจจะหมดลง เหลือเพียงไอระเหยของน้ำมันภายในถังและอาจจะมีออกซิเจนในถังด้วย
เป็นไปได้หรือไม่ว่า ในระหว่างบินมีกระสุนปืนถูกยิงทะลุเข้าไปถูกถังน้ำมันเปล่านี้ จนทำให้เกิดการระเบิดของถังน้ำมันเปล่า และทำให้มีกลุ่มควันสีขาวออกมาจำนวนมาก
แรงระเบิดของถังน้ำมันเสริมภายในอาจจะเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายกับตัวอุปกรณ์ควบคุมการบิน และในท้ายที่สุดเครื่องก็ปักดิ่งลงในคลอง
ผมเอาข้อมูลทั้งหมดมารวมกัน ส่วนตัวสันนิษฐานว่า ความเป็นไปได้น่าจะเกิดจากสะเก็ดระเบิดที่พุ่งเข้าไปในตัวเครื่องและอาจจะทำให้อุปกรณ์ภายในเสียหาย จนไม่สามารถใช้งานได้
และด้วยความสูงที่เครื่องบิน บินอยู่เพียง 60 เมตร เป็นไปไม่ได้เลยที่จะแก้ไขสถานการณ์หรือพยายามหนีออกมาจากเครื่องบิน
ส่วนเครื่องบิน KW283 ที่มีรายงานว่าเครื่องบินถูกยิง และทำให้พลวิทยุได้รับบาดเจ็บเป็นแผลถลอกที่ขา เครื่องบินได้รับความเสียหาย อาจจะเกิดจากสะเก็ดระเบิดมากกว่าที่จะเกิดจากการยิงปืนเข้าใส่หรือไม่
แต่อย่างที่บอกเป็นการเอาข้อมูลมาวิเคราะห์ความเป็นไปได้และความสมเหตุสมผล อาจจะมีข้อผิดพลาดจากความเห็นของผม ถึงอย่างไรนี้เป็นข้อมูลทั้งหมดในตอนนี้ที่ผมพยายามสืบหามาได้ และยังคงพยายามหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ต่อไป
ส่วนชะตากรรมของลูกเรือเครื่องบิน B-24 รหัส KH272 ที่ตกที่คลองดำเนินสะดวกในระหว่างการทำภารกิจทิ้งระเบิดที่ประตูน้ำบางยาง
จากการติดตามข้อมูลไปยังกองทัพอากาศอังกฤษ
ในปี 1948 มีการค้นพบและนำศพ 6 ศพไปฝังไว้ที่สุสานทหารสัมพันธมิตรที่กาญจนบุรี
มีรายชื่อดังต่อไปนี้
1. Clarke Leonard George, อายุ 20 ปี พลวิทยุ
2. Harrison Robert Francis อายุ 21,  พลนำร่อง
3. Neale Philip Anthony อายุ 21 นักบินคนที่สอง
4. Passey Norman Edgar, อายุ 22 พลทิ้งระเบิด
5. Taylor-Walker Ian อายุ 18 พลประจำป้อมปืนหลัง
6. Winchester Reginald Charles อายุ 21, ช่างเครื่อง
โดยศพถูกบรรจุในหลุมศพ แถว M10 หมายเลขหลุมที่ 2 3 4 5 6 7
หลุมศพที่สุสานดอนรัก M10 หมายเลข 2-7
ภาพป้ายหลุมศพของแต่ละท่าน
ส่วนลูกเรือที่เหลืออีก 3 คนที่ยังสูญหายนั้นมีข้อมูลดังนี้
บันทึกของอังกฤษ ระบุว่าในปี 1948 มีการเข้ามาสืบหาศพของลูกเรือ KH272
หน่วยงานที่รับผิดชอบคือกองทัพอากาศอังกฤษได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบและค้นหา
เจ้าหน้าที่บันทึกว่าได้ความว่าหลังจากเครื่องบินตกชาวบ้านพบศพและนำไปฝัง (ผมเข้าใจว่าศพน่าจะลอยอืดขึ้นมาหลังจากเครื่องบินตกไปสักสาม สี่วัน)
ชาวบ้านนำร่างทั้งหมดไปฝังไว้ในพื้นที่ที่เรียกว่า Kang Yang แต่ผมเชื่อว่าเป็น Bang Yang บางยาง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ใช้เรียกบริเวณแทบประตูน้ำบางยางทั้งหมด
ประวัติไม่มีการระบุอย่างชัดเจนว่าฝังไว้ที่ใด แต่ด้วยลักษณะวัฒนธรรมของคนไทย ส่วนใหญ่แล้วก็จะฝังไว้ตามป่าช้า หรือวัด ที่ใกล้ที่สุดน่าจะเป็นวัดสวนส้มและวัดบางยาง
อย่างที่กล่าวไปปี 1948 หลังจากเครื่องบินตกไปสามปีโดยประมาณ ชุดเก็บกู้และค้นหาศพของกองทัพอากาศอังกฤษได้เข้า ศพนั้นน่าจะเหลือเป็นกระดูกไปแล้ว เสื้อผ้าเครื่องหมายต่างๆน่าจะยังอยู่ครบ หากไม่มีการฉีกขาดสูญหาย
โดยเมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงจุดที่เป็นหลุมฝังศพ พบว่ามีหลุมศพ 6 หลุม
ในแต่ละหลุมมีไม้กางเขนปักไว้หลุมละ 1 อัน แต่ที่น่าสังเกตุคือในหลุมที่ 6 มีไม้กางเขน 2 อัน
สิ่งนี้ทำให้ชุดเก็บกู้มีปัญหาในการตรวจสอบจำนวนศพในหลุมที่ 6 ว่ามีศพหนึ่งหรือสองศพ (ส่วนตัวเข้าใจว่าน่าจะมาแบบศพที่ไม่ครบส่วน อาจจะมาบางชิ้นส่วน ชาวบ้านในขณะนั้นเห็นว่าเป็นชิ้นส่วนของร่างกายมนุษย์อีกคน แต่มีขนาดไม่ใหญ่จึงฝังรวมกับศพในหลุมที่ 6ไปเลย)
และเมื่อชุดเก็บกู้ทำการตรวจสอบ อาจจะตรวจสอบจากเอกสารเครื่องหมายที่อยู่ติดเครื่องแบบของลูกเรือก็สามารถยืนยันได้ว่าทั้ง 6 ศพเป็นของใครบ้าง แต่ส่วนที่เป็นศพที่ 7 เข้าใจว่าไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นของใคร
เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้ยังได้รับข้อมูลอีกว่า หลังจากเหตุการณ์เครื่องบินตกไม่นาน ที่บริเวณปลายน้ำที่ไกลออกไปจากจุดตก มีการพบศพลูกเรือสองศพที่ลอยอืดขึ้นมา และพระสงฆ์ที่อยู่บริเวณนั้น นำศพไปทำพิธีเผา (ส่วนตัวมองว่าน่าจะเป็นพระจากวัดบางยาง และสถานที่เผาผมเข้าใจว่าเป็นวัดบางยางที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 2 กิโลเมตรทางตะวันออกของคลองดำเนินสะดวก ซึ่งจะอยู่ก่อนที่จะออกแม่น้ำท่าจีน เพราะศพไม่น่าจะไหลย้อนกลับเข้าไปทางประตูน้ำได้)
รายชื่อลูกเรือทั้งสามคนที่ไม่พบศพถูกขีดออก
สองเหตุการณ์นี้ทำให้เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้ศพไม่สามารถระบุได้ว่า ศพที่ 7 ที่ฝังรวมในหลุมของศพที่ 6 และ ศพที่ 8 และ 9 ที่ถูกพระนำศพไปทำพิธีเผา เป็นศพของใครระหว่างสามคนนี้
1.Newman Eric Walter นักบินคนที่หนึ่ง
2.Ross Tomas Douglas Munro
พลปืนประจำป้อมปืนหัวเครื่องบิน
3. Raybould Jack Joseph Richard
พลปืนที่อยู่ในป้อมปืนทรงกลมใต้ท้องเครื่องบิน
ในปี 1950 หลังจากเหตุการณ์ 5 ปี เจ้าหน้าที่ของคณะกรรมการสุสานทหารในเครือจักรภพ จึงจัดรายชื่อของทั้งสามคนนี้เป็นผู้ที่สูญหาย และนำเฉพาะชื่อไปจารึกไว้ที่อนุสรณ์ที่สิงคโปร์
ตามหมายเลขและรายชื่อด้านล่าง
1583053 Sgt Jack Joseph Raybould,
128642 Flight Lt Eric Walter Newman
165752 Flying Officer Thomas Douglas Munro Ross.
และเจ้าหน้าที่ได้ระบุว่าทั้งสามคนหายสาบสูญ ที่เจ้าหน้าที่ตัดสินใจแบบนี้เนื่องจากข้อมูลเป็นเรื่องละเอียดอ่อนต่อญาติของทหารทั้งสามคนนี้ ด้วยเรื่องศพที่7ที่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถระบุตัวตนของศพได้ และศพที่ 8 และ 9 ที่ถูกเผาโดยพระสงฆ์ โดยที่เจ้าหน้าที่ไม่รู้และไม่ได้ติดตามต่อว่าจุดเผาอยู่ที่ใด และไม่รู้ว่ายังมีการเก็บเถ้ากระดูกไว้หรือไม่
การที่ไม่เปิดเผยตามตรงเพราะเกรงว่าถ้าเปิดเผยจะทำให้ญาติๆของทหารเหล่านั้นไม่พอใจ
ด้วยเหตุผลนี้ทำให้หลักฐานเอกสารชั้นต้นที่ถูกเก็บไว้ในหน่วยประวัติศาสตร์การบิน จะไม่มีการนำมาเปิดเผยต่อบุคคลภายนอก ตลอดจนข้อมูลก็ไม่มีการตีแผ่ออกไปสู่สาธารณะ
โดยข้อมูลเกี่ยวกับศพทั้งสามเป็นข้อมูลที่ผมคุยกับเจ้าหน้าที่ที่ดูแลเอกสารตัวนี้เอง
จะมีเพียงการระบุว่าทั้งสามคนหายสาบสูญเท่านั้น
ปัจจุบันหลักฐานที่ยังคงมีเหลืออยู่ในการทิ้งระเบิดประตูน้ำบางยางก็เห็นจะเป็นซากบานประตูน้ำที่ถูกทิ้งระเบิดปลิวไปไกลหลายร้อยเมตร ไปยังป่าจาก
ซากประตูน้ำกระเด็นไปตกในป่าจาก
ผมได้พบกับพี่ๆคนพื้นที่หลายคนที่บางยาง มีอายุประมาณ 40-50 ทุกคนก็ได้พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ตอนที่พวกเขาเป็นเด็ก เคยไปในป่าจาก ตามประสาเด็กหนุ่มวัยรุ่นที่ออกเที่ยว ไปหายิงสัตว์ หาเก็บลูกจากกิน ยังพูดจุดที่บานประตูน้ำเป็นจุดที่พวกเขาใช้นั่งพักคลายเหนื่อย
โชคดีที่ผมพบกับพี่อีกคนหนึ่ง ซึ่งพี่เขาบอกว่าตอนอายุ 20 ปี เขาเองได้เข้าไปตัดเอาซากประตูน้ำเพื่อนำไปชั่งกิโลขาย
พี่ชายคนนี้บอกผมว่าเขาพยายามตัดเอาซากบานประตูระบายน้ำทั้งหมด แต่มันมีบางส่วนจมอยู่ในดิน พี่เขาไม่สามารถขุดหรือดึงขึ้นมาได้ จึงไม่สามารถตัดขายได้ทั้งหมด
(ปล.ไม่ต้องไปโทษชาวบ้านที่ตัดขายหรอกนะครับ มันเป็นวิถีชีวิตชาวบ้านในเวลานั้นจนถึงปัจจุบัน  ซึ่งพวกเขาเองก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้ เพราะเรื่องที่สำคัญคือเรื่องปากท้อง และภาครัฐก็ไม่ได้ส่งเสริมความรู้ความเข้าใจในเรื่องการอนุรักษ์ จึงไม่แปลกที่เขาจะคิดถึงเรื่องปากท้องก่อน ผมไม่เคยโกรธคนเหล่านี้ครับ เพราะพวกเขาเองไม่ได้ตั้งใจทำลาย ทำไปเพราะต้องการเงิน ผมแค่เสียดายเท่านั้นเอง แต่ที่ผมไม่พอใจคือภาครัฐครับ)
กลับมาต่อ
เมื่อหลายปีก่อนมีการใช้รถไถ ไถปรับพื้นที่บริเวณป่าจาก เพื่อนำไปใช้ประโยชน์
ในระหว่างการปรับพื้นทีที่ก็มีการพบซากประตูน้ำที่เหลือจมอยู่ในดิน ซึ่งตอนนั้นก็เหลือไม่มากนัก ชาวบ้านบางคนจึงขอนำมาเก็บไว้ที่ทำการประตูน้ำบางยาง
ซากประตูน้ำบางยางที่ถูกระเบิดและลอยไปจกที่ป่าจาก ภาพนี้ถ่ายหลังจากถูกเก็บกลับมากองไว้ที่สำนักงานของประตูน้ำบางยาง
และก็จะมีอีกอย่างคือลูกระเบิด MK1. ของอังกฤษ ที่นำดินระเบิดออกไปแล้ว ถูกพบที่ ประตูน้ำบางนกแขวก และปัจจุบันจัดแสดงที่วัดเจริญสุขารามวรวิหาร
ซึ่งเป็นระเบิดขนาด 1000 ปอนด์ที่ใช้ทิ้งระเบิดทำลายประตูน้ำทั้งหมดในวันที่ 18 เมษายน 1945
จกการสอบถามคนในพื้นที่ที่มีอายุมากๆ ยืนยันกับผมว่า ซากเครื่องบินยังคงจมอยู่ในโคลนใต้น้ำครับ แต่ไม่ทราบว่าลึกเท่าใด
ผมเคยติดต่อชุดประดาน้ำเพื่อที่จะดำลงไปสำรวจ แต่ก็กลัวอันตราย เนื่องจากมีความเป็นไปได้สูงมากๆที่ในซากเครื่องบินที่จมโคลนอยู่จะมีระเบิดอยู่ในซากเครื่องบิน จึงยังชะลอการค้นหาซากเครื่องบินไปก่อน
สอบถามไปยังหน่วยงานรัฐ เจ้าหน้าที่เองก็ไม่ค่ยให้ความสนใจเท่าไหร่ครับ
ปัจจุบันผมจึงได้เพียงทำโมเดลจำลองเครื่องบิน B-24 ลำนี้เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจในควาใพยายามศึกษาหาข้อมูลของผมเองกับเรื่องนี้ครับ ถึงแม้จะไม่เกี่ยวกับเรื่องทางรถไฟสาบมรณะก็ตาม
โมเดล B-24 Kh272
ขอบพระคุณรูปภาพจุดตกจาก
ท่านพลอากาศเอกศักดิ์พินิต พร้อมเทพ ที่กรุณามอบให้ครับ
ปล.ภาพนี้ก็มีในหนังสือ 80 ปี สดุดีวีรชนสงครามมหาเอเชียบูรพา ที่กองทัพอากาศจัดพิมพ์ขึ้น และหนังสือ เขียนโดยท่าน พลอากาศเอก ศักดิ์พินิต พร้อมเทพ ครับ
คุณ Stefan Zingg ที่เป็นคนเขียนข้อมูลชุดนี้ครั้งแรก จนผมเข้าไปศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติม
คุณ Matt Pool ที่ให้คำแนะนำ
โฆษณา