18 เม.ย. เวลา 13:40 • หุ้น & เศรษฐกิจ

ลงทุน 15 ปี ตลาดไหนบวกลบมากที่สุด? และประโยชน์ของการทำ Asset Allocation

วันนี้ #เด็กการเงิน ขอนำผลตอบแทนแยกตาม Asset Class จากเว็บไซต์ของ Novel Investor มาดูกันว่าในรอบ 15 ปีที่ผ่านมาผลตอบแทนของแต่ละ Asset Class เป็นอย่างไร
อย่างที่รู้กันดีว่าหุ้นเทคฯ วิ่งแรงมากๆ แต่ในโพสต์นี้จะไม่ได้มีพูดถึงหุ้นเทคฯ นะ ให้ลองดู Asset Class อื่นๆ แทน
ในรูปจะแยก Asset Class ตามนี้
Lg Cap คือ Large Cap Stocks – S&P 500 Index
Sm Cap คือ Small Cap Stocks – Russell 2000 Index
Int'l Stk คือ International Developed Stocks – MSCI EAFE Index
EM คือ EM Stocks – MSCI Emerging Markets Index
REIT คือ REITs – FTSE NAREIT All Equity Index
HG Bnd คือ High Grade Bonds – Bloomberg Barclays U.S. Agg Index
HY Bnd คือ High Yield Bonds – ICE BofA US High Yield Index
Cash คือ Cash – S&P U.S. Treasury Bill 0-3 Mth Index
AA คือ Asset Allocation Portfolio ซึ่งเป็นการจัดแบบมี หุ้น/REIT/ตราสารหนี้ = 50/10/40
โดยหุ้นจะเป็นกลุ่ม large cap อย่างดัชนี S&P500 15% หุ้นกุล่มประเทศพัฒนาแล้ว 15% หุ้นขนาดเล็กอย่างดัชนี Russell 2000 10% และกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา 10%
ขณะที่ตราสารหนี้ก็เป็น Investment Grade 40%
ที่น่าสนใจคือในรอบ 15 ปี ตราสารหนี้ Investment Grade ติดลบหนักสุด 13% เพียงปีเดียวคือปี 2022 ปีของการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ที่ทำให้ทั้งหุ้นและตราสารหนี้ติดลบหนักพร้อมกัน ทั้งหุ้นสหรัฐฯ หุ้นฝั่ง DM, EM ก็ติดลบหนักเกือบ 20% แม้แต่การทำ Asset Allocation ก็ยังไม่รอด ติดลบถึง 16.5%
ซึ่งการที่ทั้งหุ้นและตราสารหนี้จะติดลบแรงๆ ในปีเดียวกัน มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก
ปัจจุบัน YTD ถึงสิ้นเดือนมีนาคม กลุ่ม Large Cap อย่าง S&P500 ให้ผลตอบแทนสูงสุดที่ราว 10.6% หุ้นที่เหลือก็บวกแต่น้อยลงไป ส่วน REIT ติดลบราว 1.3% ขณะที่ตราสารหนี้ Investment Grade ติดลบเล็กน้อย 0.8%
ในระยะยาว โอกาสที่พอร์ตจะติดลบมีน้อย หากเรามีการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ และจัด Asset Allocation ที่ดี
จากรูป จะเห็นว่าในการลงทุนไม่มีสินทรัพย์ใดที่จะให้ผลตอบแทนดีหรือแย่ได้ตลอดไป แต่ละสินทรัพย์มีโอกาสให้ผลตอบแทนมากน้อยต่างกันตามแต่ละวัฏจักรเศรษฐกิจ และสภาวะตลาดในแต่ละช่วง จึงเป็นที่มาของการจัดพอร์ตลงทุนแบบ Asset Allocation หรือกระจายลงทุนในหลายสินทรัพย์ เพื่อให้นักลงทุนได้รับประโยชน์ในหลายสินทรัพย์ถ้าหากตลาดเป็นขาขึ้น และยังสามารถลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุนโดยรวมได้หากตลาดเป็นขาลง
นอกจากการทำ Asset Allocation แล้ว เราก็ต้องให้เวลาสำหรับการลงทุนด้วย หากใครที่เริ่มไม่สบายใจแล้วว่าทำไมพอร์ตขาดทุน อยากให้ลองกลับไปทบทวนใหม่ว่าวัตถุประสงค์ของการลงทุนเราคืออะไร หากเป็นการลงทุนระยะยาวแล้วเราได้ให้เวลาในการลงทุนนานมากพออย่างที่เคยคิดไว้หรือยัง เราได้ทำตามวินัยการลงทุนที่ตั้งใจไว้ หรือถอดใจไปแล้ว
ถ้าใครที่ยังไม่ถอดใจ แต่พอเห็นแล้วว่าเราพลาดตรงไหน และยังมีเวลาลงทุน เราก็มาค่อยๆ ปรับแก้พอร์ตกันไป ✌️
ิติดตามการทำ Asset Allocation แบ่งตามความเสี่ยงอีกแบบนึงได้เร็วๆ นี้
📍ผลตอบแทนในอดีตไม่ได้ยืนยันถึงผลตอบแทนในอนาคต การลงทุนมีความเสี่ยง นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน
LINETODAY 👉https://today.line.me/th/v2/publisher/10240
โฆษณา