20 เม.ย. เวลา 10:48 • ดนตรี เพลง

[รีวิวอัลบั้ม] WE STILL DON’T TRUST YOU - Future & Metro Boomin’ >>> ยังไว้ใจไม่ได้

-ผมยกให้ Part แรกเป็นการคอลแลปอันสมเกียรติระหว่างแรปเปอร์และโปรดิวซ์เซอร์ชาวแอตแลนต้าที่สมการรอคอย ถึงแม้จะไม่เกินความคาดหมาย แต่ก็มีความเข้าที่เข้าทางพอที่จะเอ็นจอยเพลินๆ ถูกใจสายฟังอย่างผมพอสมควร และสปอยไว้ก่อนเลยว่า ชอบมากกว่าพาร์ท “Still” หลายเท่า
-หลายๆคนอาจจะคิดว่าการเปิดตัวผลงานของทั้งคู่ที่มัน boost ขึ้นมามีซีนได้ส่วนนึงมาจากอานิสงฆ์ของ surprise guest ในเพลง Like That อย่าง Kendrick Lamar ที่นอกจากจะติดอันดับ 1 บิลบอร์ดต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 3 แล้ว ยังมีการดิสสุดร้อนฉ่าจาก K.Dot ที่ diss สองแรปเปอร์ที่เบอร์ใหญ่พอกันอย่าง Drake และ J .Cole ตอบโต้เพลง First Person Shooters และนี่เป็นการ diss แบบเอิกเกริกจาก K.DOT นานๆทีปีหน หลังจากที่โฟกัสไปที่ผลงานอัลบั้มตัวเองอย่างเนิ่นนาน
-ขอตอกย้ำในบทความรีวิวพาร์ทแรกที่ได้วิเคราะห์เพลง Like That ซึ่งผมยังมั่นใจอยู่เสมอว่า ต่อให้ไร้ซึ่ง verse ตัวแปร K.DOT เพลงนี้ก็สามารถฮิตได้ด้วยตัวพวกเขาเอง ด้วยปัจจัยตัวบีทและแซมเปิ้ลที่เปรี้ยวโดดจนเป็น outstanding track ประจำอัลบั้ม อีกทั้ง Future ก็สามารถเหยาะเซนส์ป็อปลงไปทั้งโฟลว์และท่อนฮุก เรียกได้ว่ามีคุณสมบัติพร้อมฮิตติดลมบนในกระแสหลักได้ไม่ยาก
-ไม่ใช่แค่เบอร์ใหญ่จุดคบเพลิงเปิดศึกด้วย verse ไม่ถึงนาทีเท่านั้น WDTY โดยนัยแล้วทั้งคู่ยังเล็ง beef พุ่งเป้าไปที่ Drake โดยเฉพาะ สังเกตได้จากประวัติศาสตร์ความขัดแย้งทั้งฝั่งแรปเปอร์ที่ออกมาให้สัมภาษณ์เชิงตัดพ้อที่อัลบั้มคอลแลปร่วมกับ 21 Savage อย่าง Her Loss กระแสยอดขายดีกว่า What a Time To Be Alive ของตัวเอง
-ผลตอบแทนที่ไม่ลงตัวจากการที่ Future เคยมีส่วนร่วมในการแต่งเพลงของ Drake อยู่หลายเพลงพอสมควร และความขัดแย้งเพราะหญิงเป็นเหตุ รวมๆกันเลยเป็นที่มาของการดิสในไตเติ้ลแทร็ค We Don’t Trust You ไม่ยอมคบค้าสมาคมกับ fake friend คนๆนี้อีกต่อไป
-ทางด้านฝั่งของโปรดิวซ์เซอร์ Metro Boomin’ ก็ไม่น้อยหน้า เคยโพสต์ X ตอบคำถามแฟนเพลงเกี่ยวกับผลประกาศรางวัลที่อัลบั้ม Her Loss ดันกวาดรางวัลได้มากกว่า HEROES & VILLIANS ของตัวเองนั้นเป็นเพราะเหตุผลทางการเมืองอยู่เหนือกว่าเหตุผลเชิงศิลป์ต่างหาก ซึ่งนั่นทำให้ Drake อัดคลิปออกมายั่ว Metro ว่าให้เจอกันต่อตัวต่อตัวดิวะ ไอ้ทวีตแล้วลบเอ้ย
-นี่ถือเป็นครั้งที่ 3 ที่ผมรีแคป beef Drake VS Pluto-Metro ทุกคนก็อย่าเพิ่งเบื่อกัน เพราะมันเกี่ยวกับสิ่งที่ผมจะรีวิวในพาร์ทสอง WE STILL DON’T TRUST YOU อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะสิ่งที่ทั้งคู่ทำผ่านผลงานทั้งสองพาร์ทไม่ใช่แค่การสำแดงเดชความเป็นคู่หู Pluto-Metro ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกฮิปฮอปแล้ว ยังทำตัวเป็น hub ความขัดแย้งแจกตั๋วทัวร์ไปลงที่ Drake อย่างมีนัยสำคัญ
-สังเกตได้จากแขกรับเชิญ(บางคน)ที่คัดเลือกมาด้วยจุดร่วมแห่งความบาดหมางที่มีศัตรูเป็นคนเดียวกัน มีบ้างที่ร่วมงานกันบ่อย แต่ก็มีบางคนที่มาจากไหนก็ไม่รู้ ประวัติการร่วมงานกับ Metro ก็ไม่เด่นชัด แต่อยากผสมโรงด้วยส่วนนึง เฉกเช่น Rick Ross เป็นต้น มันทำให้เราอดที่จะแซวไม่ได้ถึงชื่ออัลบั้มที่แท้จริง ไม่ใช่แค่วลีเด็ดอันมาจากป้ายกำกับการโปรดิวซ์เพลง ในเมื่อพี่ประกาศสงครามกับเค้าแล้ว พวกพี่เปลี่ยนชื่อเป็น We Still Don’t Trust Drake ไปเลย
-นั่นทำให้ผมคิดว่า beef ดังกล่าวกลับมีอิทธิพลกลบงานเพลงพาร์ทสองชุดนี้ชนิดที่มุดจมดิน ด้วยท่วงทำนองฮิปฮอปอาร์แอนด์บีอันแสนจำเจ การเดินเกมส์ด้วยจำนวนแทร็คที่เท่ากับคราวก่อนชนิดที่ไม่แคร์ความเหนื่อยหน่ายของผู้ฟังเลยทีเดียว ถ้าหากว่าพาร์ทแรกน่าเบื่อสำหรับคุณแล้ว พาร์ทนี้จะทำให้คุณหลับแบบกลับมาไม่ได้เลยครับ
-เข้าใจอยู่ว่านี่เป็นการ throwback กลับไปสู่ธรรมเนียมการปล่อยอัลบั้มคู่ที่ฟิวเจอร์เคยทำมาแล้วในปี 2017 ที่เป็นทั้งโหมดอัลบั้มแร็ปและโหมดอัลบั้มอาร์แอนด์บี (Future HNDRXX เรียงตามลำดับ) เพียงแต่รอบนี้เป็นการใส่แบรนด์ดิ้งของ Metro เข้าไปด้วย แต่ก็ไม่สามารถยกระดับอัลบั้มคู่เมื่อ 7 ปีก่อนได้อยู่ดี
-ย้อนไปช่วงนั้นจนถึงตอนนี้ ขนาดผมชอบโหมดแรปบู๊ๆ ผมก็ยังรู้สึกเอ็นจอยชุด HNDRXX มากกว่าชุด Self-Titled อยู่ดีด้วยความที่รสอาร์แอนด์บีไม่ยืดยาดแซมแรปแบบพอดิบพอดี อีกทั้งบีทค่อนข้างหลากหลายโดดเด้งกว่า Self-Titled ที่บีทนั้นค่อนข้างทุ้มจำเจได้ง่าย 7 ปีต่อมากลับกลายเป็นว่าการใส่แบรนด์ดิ้งของ Metro ลงไปในพาร์ทสองนี้ โคตรจำเจราวกับว่า Metro นั้นติดอยู่ในเซฟโซน ทำเพลง Trap ตามบล็อคสูตรสำเร็จตัวเองอยู่อย่างนั้น
-แค่การรีบเตรียมการ release ด้วยระยะเวลาไม่ถึง 1 เดือนเท่านั้นก็นับว่าคิดผิดตั้งแต่เริ่ม ยิ่งประเดประดังด้วยจำนวนแทร็ค 18+7 แทร็คก็ร้องอื้อหือออ เหนื่อยอีกแล้วกู ต่อให้เว้นช่วงให้พักหายใจมากกว่าสมัยตอน 7 ปีก่อนที่มาแบบไม่เว้นสัปดาห์ ซึ่งช่วงนั้นแก split character ได้ชัดเจนพอที่จะบอกว่านี่คือ separate body of work ได้อย่างเต็มปาก
-แต่พอมาอยู่ในแบรนด์ดิ้งของ Metro ที่จังหวะเพลงของเขาก็เนิพอในการเอื้อให้ Future แรปเอื้อนใส่อยู่แล้ว มันจึงไม่ได้ฉีก Trap Rap เดิมๆมากเท่าไหร่นัก ต้อนรับด้วยไตเติ้ลแทร็ค We Still Don’t Trust You ที่เจือด้วยดิสโก้สลัวๆให้เรารู้ว่า เออแยกส่วนตามที่เคลมไว้จริงๆแหละ แต่พอเดินทางไปเรื่อยๆปุ๊บ แบนราบเป็นเส้นตรงเลยจ้า จืดชืดโคตรๆ
-มีเพลงที่อยู่ในระดับเข้าท่าพอเข้าตาก็จะมีเช่น Night Like This ที่ใช้ประโยชน์ความยึกยักของแซมเปิ้ลเพลง Dancin’ On a Pole ของ Three 6 Mafia ได้อย่าง catchy พอสมควร Came To The Party ที่ให้ฟีลเปลี่ยวเหงา Beat It ที่มีพรายกระซิบปริศนาอันน่าฉงนสนเท่ห์ และ Always Be My Fault เป็นการโชว์เอื้อนที่มีแรงตะคอกขึ้นมาบ้าง แต่นั่นก็เป็นความเข้าท่าอันเป็นส่วนน้อยเท่านั้นที่ดันโดนกลบซีนด้วย “ช็อตเด็ดกีฬามันส์” จากแขกรับเชิญที่พร้อมงัดคอนเทนท์ Diss Drake กันอย่างพร้อมใจ
-เริ่มด้วย The Weeknd ที่โผล่มามีบทบาทคอรัสโหยหวนให้ถึง 3 เพลงด้วยกัน ไฮไลต์แซะ Drake อยู่ที่เพลง All To Myself ที่มาด้วยท่วงทำนองคาราโอเกะชวนระลึกถึง Playa Hater ของ Biggie เพียงแต่เมโลดี้เพลงนี้หวานกว่ามากๆ verse แหลมๆของ Abel กลายเป็นความปะแล่มด้วยความเยาะเย้ยต่อผลงานเพลงของ Drake ในยุคปัจจุบันที่ไม่ได้มีดีไปมากกว่าการสร้างกระแสให้ TikTokers เต้นได้ชั่วคราวก็เท่านั้น อีกทั้งรู้สึกขอบคุณพระเจ้าที่ไม่หลวมตัวเซ็นสัญญาค่าย OVO ในช่วงก่อนมีชื่อเสียง
They could never diss my brothers, baby (Future)
When they got leaks in they operation
I thank God that I never signed my life away
And we never do the big talk (No, no, no, no, no)
They shooters makin' TikToks
Got us laughin' in the Lambo (Yeah)
All To Myself - The Weeknd's Verse
-อีกหนึ่งราย A$AP Rocky ที่ต่อให้จะอยู่ในช่วงเพลงแถม แต่ก็เป็นไฮไลท์แห่งการ diss ที่ถูกเอาไปเม้าท์อย่างสนุกปากในเพลง Show of Hands โดย Flacko แซะอัลบั้มล่าสุด For All The Dogs ที่กระแสมาชั่วคราวแล้วก็ไปเช่นกัน อีกทั้งความจริงอันเจ็บแสบที่ปฏิเสธไม่ได้คือ การได้ Rihanna แฟนเก่าของ Drake มาครอบครอบครองก่อนที่ Drake จะมี Adonis เสียอีก
Niggas swear they bitch the baddest, I just bagged the worst one
Niggas in they feelings over women, what, you hurt or somethin'?
I smash before you birthed, son, Flacko hit it first, son
Still don' trust you, it's always us, never them
Heard you dropped your latest shit
Funny how it just came and went (Ha-ha-ha)
Show of Hands - A$AP Rocky's Verse
-เฮีย Pluto เจ้าของอัลบั้มก็ไม่พลาดรื้อฟื้นอดีตด้วยการเอาเพลงอายุเกือบ 10 ปีมาโชว์ให้เห็นเผื่อ Drake ฟังแล้วรู้สึกสะดุ้งบ้าง นั่นก็คือ This Sunday ที่ท่อนฮุกนั้นเป็น reference ให้กับเพลง Feel No Ways เพลงเด่นประจำอัลบั้ม Views ซึ่งก็ใส่ชื่อ Future ในฐานะ co-writer ลงในเครดิตเพลงแล้ว
แต่การเอามารื้อฟื้นแบบนี้ก็อดคิดเป็นการอื่นไม่ได้นอกจากการทวงบุญคุณอย่างอ้อมๆ ซึ่งเอาเข้าจริงก็สายเกินไป เพราะตัวเพลงต้นฉบับ reference ก็ไม่ได้ฆ่าเพลงของคู่ปรับคนปัจจุบันได้อยู่ดี ท่วงทำนองยืดขั้นสุด ต่อให้ปล่อยตัดหน้าก็ไม่ได้ first come first wow อยู่ดี
-ขอแวะพูดถึง J .Cole ที่แม้ว่าเส้นเรื่อง beef ของเขาน่าจะจบนับตั้งแต่ยกธงขาวขอโทษที่ดิส “คนที่ดิสตัวเอง” ซึ่งนั่นก็อัปยศพอสมควร เพราะนี่คือเกมส์การโต้ตอบทางวาทศิลป์มิใช่พี่ไปแอบเอาเมียเค้าโว้ย อันนี้ไม่อยากให้มองว่าการขอโทษในเคสนี้เป็นศีลธรรมอันดีงามนะครับ มันคนละบริบทกัน ทางคู่หู Pluto-Metro ไม่รู้ว่าจะเล่นเกมส์ประสาทหรือถูกใจ verse รึไงไม่ทราบ กลายมาเป็นแขกรับเชิญสุดเซอร์ไพร์สด้วยบีทเคาะสุดชิวล์ในเพลง Red Leather ทั้ง Pluto และ Cole ใส่แร็ปร่ายยาวเอาให้คนฟังเฝ้าพระอินทร์เลยทีเดียว
-ตั้งแต่การออกมาขอโทษก็ไม่ทำให้การปิดท้ายดูหล่อหรือโดนสรรเสริญถึงความพยายามเป็นคนกลางแต่อย่างใด แถมยังมีแต่ความสับสนถึงจุดยืนถึงฟากฝั่งว่าจะยืนข้างเพื่อน Drake หรือคู่ขัดแย้งของเพื่อนกันแน่ สำหรับผมแล้ว เพลงนี้เป็นการร่วมงานกันนานก่อนที่จะรีลีสเพลง Like That มีหลักฐานที่ทีมงานของโคลแชร์คลิปที่โคลออกมาเล่าประสบการณ์ได้ร่วมงานกับ Metro มาตั้งแต่ต้นปี
จากเพลง Push Ups เพลงดิสกลับคู่กรณีทั้งหลายของ Drake ก็ออกมาพูดเกี่ยวกับโคลในเชิงที่เป็นกลาง และดูเหมือนว่าจะไม่ติดใจอะไรมากนักที่โคลไปร่วมงานเพลงโดยที่ไม่บอกกล่าว น่าจะแยกแยะได้ แต่ก็ไม่ทำให้ Red Leather เป็นเพลงปิดท้ายพาร์ท Still ที่ต่อให้จะตัด verse ของ Cole ทิ้งก็ไม่ได้ช่วยให้จบพาร์ทได้อย่างสมเกียรติมากเท่าไหร่นัก
-จะไม่ให้คิดว่า beef over music ได้ไง? ในเมื่อแพทเทิร์นการเดินเพลงนั้นไม่ต่างจากพาร์ทแรกมากนัก ต่อให้อันเชิญฟีทเจอร์ที่ไม่ได้เป็นคู่กรณี อาทิเช่น Ty Dolla $ign และ Lil Baby กลายเป็นธาตุอากาศที่ถูกลืม ไม่ได้มีซีนเด่นเพื่อให้อยู่เหนือทุกวิวาทะแต่อย่างใด
และในพาร์ท Still ไม่มีเพลงที่ชูโรงในระดับเดียวกันกับที่ Like That หรือ WDTY แบบพาร์ทที่แล้ว ซึ่งจิ้มเพลงที่พอตัดมาเป็นซิงเกิ้ลได้หลายเพลงกว่าพาร์ท Still และก็เป็นสัญญาณในเรื่องของโปรดักชั่นที่เริ่มอิ่มตัวแล้วของ Metro ควรต้องขวนขวายแนวทางอื่นๆเพื่อมาผสมปนเปขบอีโก้ความเป็นตัวเองตั้งแต่ตอนนี้เลย
-ถ้าคนชอบ rap mode ในพาร์ทแรกอาจจะพึงพอใจกับ 7 เพลงแถมก็เป็นได้ เพราะนี่คือการ throwback คืนถิ่นกลับสู่ความเป็นมิกซ์เทปยุคแรกๆเลยก็ว่าได้ ใครก็ตามที่เป็นสาย rap mode จิ้มที่ 7 เพลงแถมนี้แบบ shortcut ไปเลยครับ เพราะพวกเขาเซอร์วิสความเป็น ATL Underground แบบฟ้าผ่าไปเลยครับ ไม่ว่าจะเป็น Nobody Knows My Struggle เพลงที่ A$AP Rocky มาร่วมแจม Show of Hands ก็ซ่องแตกกันไปเลย
-พอได้ยินคลิปเสียงของ Charlamagne Tha God ที่กำลังถกเถียงเรื่องใครเป็น big three ในอินโทรเปิดแผ่นเพลงแถม #1 ที่แกแย้งว่า Future ต่างหากที่มีอิทธิพลอยู่เหนือกว่าทุกคน โดยเฉพาะแรปเปอร์รุ่นใหม่ ใครๆก็อยากเป็นแบบ Future กันทั้งนั้น
-นั่นทำให้ผมคิดได้อย่างนึงคือ Future อยู่ได้ด้วยเอกลักษณ์จริงๆว่ะ แต่ไม่ใช่คนที่เราควรคาดหวังให้รังสรรค์ผลงานด้วยกวีอันชาญฉลาด แต่ควรคาดหวังให้แกเป็นสาย entertainer ที่รู้จักลิมิตแห่งการลดทอน สนใจคุณภาพให้มากกว่านี้ ด้วยความที่ผ่านมาก็ใช้กลยุทธ์เดิมๆในการปล่อยผลงานสุดถี่ และจำนวนแทร็คที่บ้าพลังอย่างไม่ออมแรง กลายเป็นปัญหาที่แสนเหนื่อยล้าสำหรับคนฟัง แปลกดีที่ Metro ไม่คิดจะคัดกรองเพลงเหล่านั้นหน่อยหรอ
-แกชอบทำในสิ่งที่เพิ่มเป้าให้ระบบสตรีมมิ่งจิ้มสุ่มเลือกเกินกว่าที่จะเน้นความพึงพอใจอันพอดิบพอดีตามยุคสมัยนั้นๆ แล้วก็เป็นปัญหาต่อการทำให้ผลงานถูกลืมเหมือน Drake ไม่มีผิดเลยครับ นี่ก็เป็นพาร์ทสองที่ผมทำใจในระดับนึงว่าต้องเจอกับอะไร และไม่ควรคาดหวังกับอะไร quantity over quality มันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ
รีวิวแบบสุดทางคู่หูไปเลย
Top Tracks: Night Like This, Came To The Party, Beat It, Show of Hands
Give : Boring/10
Thx 4 Readin’
See Y’all
โฆษณา