22 เม.ย. เวลา 03:16 • หุ้น & เศรษฐกิจ
efinanceThai

KBANK เผย Q1/67 มีกำไร 13,485 ลบ. โต 26% - ตั้งสำรอง 11,684 ลบ. รองรับความไม่แน่นอนศก.

KBANK เผยผลดำเนินงานไตรมาส 1/67 กำไร 13,485.72 ล้านบาท เติบโต 25.55% พร้อมตั้งสำรองเผื่อหนี้สูญฯ 11,684 ล้านบาท ด้าน NPL อยู่ที่ 3.19%
นางสาวขัตติยา อินทรชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/67 ธนาคารมีบริษัท 13,485.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.55% โดยในไตรมาสแรก ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นและภาษีเงินได้ 29,439 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.93% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการเติบโตของรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ การบริหารจัดการค่าใช้จ่าย และการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน
สำหรับการตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น อยู่ที่ 11,684 ล้านบาท โดยธนาคารยังคงยึดหลักความระมัดระวังอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สำรองอยู่ในระดับที่เหมาะสมเพียงพอ สะท้อนสถานการณ์ในปัจจุบัน และรองรับความไม่แน่นอนของปัจจัยต่างๆ ที่อาจจะส่งผลต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ
ด้านรายได้ดอกเบี้ยสุทธิมีจำนวน 38,528 ล้านบาท โดยมีอัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ อยู่ที่ระดับ 3.76% เป็นไปตาภาวะตลาด นอกจากนี้ รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิมีทั้งสิ้น 8,299 ล้านบาท หลักๆจากการเติบโตของค่าธรรมเนียมรับจากการจัดการกองทุน ค่าธรรมเนียมรับจากการรับรองตั๋ว และค้ำประกัน และค่าธรรมเนียมรับจากธรุกิจบัตร รวมรายได้จากการดำเนินงานสุทธิมีทั้งสิ้น 50,152 ล้านบาท เติบโต 7.68% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน
สำหรับค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานมีจำนวน 20,713 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.65% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน หลักๆ เป็นการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานต่างๆ ที่สอดคล้องกับรายได้ที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่นๆ ต่อรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ อยู่ที่ระดับ 41.30% ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ระดับ 42.50%
ทั้งนี้ เงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อ (NPL) อยู่ที่ระดับ 3.19% และค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ อยู่ที่ระดับ 150.35% สำหรับอัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้นต่อสินทรัพย์เสี่ยงของกลุ่มธุรกิจการเงินธนาคารกสิกรไทยตามหลักเกณฑ์ Basel III ณ วันที่ 31 มี.คง 67 ยังคงมีความแข็งแกร่งอยู่ที่ 19.37%
นางสาวขัตติยา กล่าวว่า สำหรับแนวโน้มในช่วงที่เหลือของปี 67 มองว่า เศรษฐกิจไทยอาจประคองเส้นทางการฟื้นตัวได้ดีขึ้น หากภาคการท่องเที่ยวยังคงขยายตัว และมีแรงหนุนเพิ่มเติมจากการกลับมาเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ และมาตรการอื่น ๆ ของภาครัฐ
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความท้าทายของปัจจัยต่าง ๆ ในปีนี้ธนาคารกสิกรไทยได้วางยุทธศาสตร์ 3+1 โดยการเพิ่มประสิทธิภาพการเติบโตด้านสินเชื่ออย่างมีคุณภาพภายใต้การบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม การขยายธุรกิจรายได้ค่าธรรมเนียม การเสริมสร้างความแข็งแกร่งของช่องทางการให้บริการ
การแสวงหารายได้ใหม่ในระยะกลางและระยะยาว รวมถึงการบริหารจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อส่งมอบคุณค่าที่ยั่งยืนให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย ทั้งลูกค้า ผู้ถือหุ้น พนักงาน หน่วยงานกำกับดูแล และสังคม ภายใต้บริบทของเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอน
สำหรับภาวะเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 1/67 ยังคงเผชิญข้อจำกัดในการฟื้นตัว เพราะแม้จะมีแรงหนุนจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและการส่งออกสินค้า แต่การผลิตภาคอุตสาหกรรมยังคงหดตัวลงอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับผลผลิตสินค้าเกษตรที่ลดลงจากผลกระทบของปัญหาภัยแล้ง ขณะที่การใช้จ่ายภายในประเทศขยายตัวแต่ในอัตราที่ชะลอลงทั้งในส่วนของภาครัฐและเอกชน
โฆษณา