23 เม.ย. เวลา 05:41 • ท่องเที่ยว

Wang Xian Gu .. หุบเขาเทวดา ดินแดนลับแห่งสวรรค์ (01)

บ่อยครั้งที่การก้าวเท้าออกเดินทางอีกครั้งของฉัน เกิดจากแรงบันดาลใจจากพลังของภาพถ่ายที่งดงามเพียงใบเดียว
.. ครั้งนี้ก็เช่นกัน เพียงได้เห็นภาพหน้าผาสูงชันที่มีห้องพักห้อยติดอยู่กับหน้าผา .. แสงเลเซอร์หลากสีจากจุดสูงสุดของภูเขาสาดส่องกระทบกับน้ำตก ภูเขา และหุบเขาที่สว่างไสวด้วยแสงไฟ
.. ทั้งหมดนี้เนรมิตออกมาเป็นภาพฝันที่สวยงาม เหมือนไม่ใช่ดินแดนที่มีจริงๆในโลกใบนี้ หากแต่เป็นดินแดนลี้ลับที่ซ่อนอยู่ในสวรรค์ .. แต่นี่คือความจริง และสถานที่นี้เรียกว่า Wang Xian Gu หุบเขาเทวดา
ข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่เที่ยวที่ฮ๊อตฮิต เป็นไวรัลของหุบเขาเทวดา มีอยู่น้อยมาก โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับประวัติของหุบเขาแห่งนี้ .. บ้างก็ว่าเป็นหมู่บ้านโบราณที่มีอายุราว 2000 ปีย้อนหลังไปถึงสมัยสามก๊ก
ฉันส่งคำถามนี้ให้กับไกด์ชาวจีนของเรา .. เขาเล่าว่า
.. ย้อนหลังไปในช่วงเวลาสามก็ก หมู่บ้านใกล้กับที่นี่ มีชายคนหนึ่งที่เป็นผู้มีความรู้ดี .. เมื่อโจโฉ ผ่านมาถึงดินแดนแถบนี้ จึงต้องการให้ชายคนนั้นไปทำงานให้ แต่ชายผู้นั้นได้หลบเข้ามาซ่อนตัวอยู่บนยอดเขาแห่งหนึ่ง ซึ่งปัจจุบันคือ หุบเขาเทวดา ชายคนนั้นบำเพ็ญเพียรเป็นนักบวชในลัทธิเต๋า มีอ่าศรมอยู่ ณ จุดที่เป็น White Crane Tower ในปัจจุบัน
.. ลูกชายของนักพรตได้บอกให้พ่อก่อกองไฟเอาไว้ .. ในตอนกลางวันเขาจะเห็นควัน และช่วงกลางคืนจะเห็นแสงไฟ และรู้ได้ว่าพ่อยังมีชีวิต
ในยุคปัจจุบัน ชาวบ้านได้เข้ามาสกัดหินแกรนิตเอาไปชายในอุตสาหกรรมการก่อสร้าง ... เมื่อไม่เกิน 20 ปีที่ผ่านมา ทางการได้สั่งห้ามการทำเหมืองแกรนิต เพราะทำลายสิ่งแวดล้อม
.. ต่อมาในปี 2011 ได้มีบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เล็งเห็นศักยภาพของหุบเขาแห่งนี้ และได้เข้ามาลงทุนราว 2600 ล้านหยวน ในการปรับปรุงและพัฒนาภูมิทัศน์ในพื้นที่ราว 93 ตารางกิโลเมตร ให้เป็น High Light ของหุบเขาแห่งนี้
.. ด้วยการสร้างน้ำตกขนาดใหญ่ Pavilions หอคอยแบบจีนโบราณที่เราเห็นตามวัด ศาลา ศาลเจ้า สะพานโค้ง สะพานกระจก สะพานมีหลังคาแบบจีนโบราณ รวมถึงทางเดินคอนกรีตที่ห้อยลงมาตามหน้าผา .. เป็นการผสมผสานธรรมชาติ และสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นให้เข้ากันได้อย่างสวยงาม ลงตัวและสมบูรณ์แบบมากที่สุด
.. มีการสร้างที่พักแบบ Homestay ทั้งในแบบบนที่ราบ และแบบที่ห้อยบนหน้าผาในบริเวณที่ทิวทัศน์สวยงามอลังการสุดๆ .. ร้านค้า ภัตตาคาร และสิ่งอื่นๆอีกมากอย่างยิ่งใหญ่ อลังการ เพื่อมุ่งรับและตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยว
.. หุบเขาเทวดา จึงเป็นรีสอร์ทที่สร้างขึ้นมาใหม่ทั้งหมด ยกเว้นธารน้ำที่ไหลลงมาจากด้านท้ายของหมู่บ้านอย่างเดียวที่พูดได้ว่าเป็นของโบราณ
เมื่อหุบเขาเทวดาแห่งนี้ได้รับการจัดอันดับให้เป็นที่เที่ยวระดับ 4A รวมถึงเป็น 1 ใน 10 ของสถานที่ท่องเที่ยวที่มีจุดชมวิวสวยที่สุด และคนอยากมาเที่ยวมากที่สุดในจีนในปี 2022
.. ปัจจุบัน หุบเขาเทวา จึงเป็นอันดับต้นๆที่อยู่ใน Bucket List ที่นักท่องเที่ยวจีนและต่างชาติตั้งเป้าว่าจะต้องมาเที่ยวให้ได้อย่างน้อยก็ครั้งหนึ่งในชีวิต
เราจองที่พักของหมู่บ้าน ซึ่งมี Homestay Service Center เป็นผู้ดำเนินการ
.. ที่พักจะอยู่ในบริเวณยอดเขา ใกล้กับ White Crane Tower หรือหอคอยนกกระเรียนสีขาว ซึ่งเป็น Pavilion ซึ่งสร้าง ณ จุดสูงสุดของหุบเขา และเป็นจุดที่เคยเป็นอาศรมของนักพรตเต๋าในอดีต เมื่อราวสองพันปีที่แล้ว
การเข้าพักในหมู่บ้าน ทำให้รถของเราสามารถผ่านเข้ามาจอดใกล้ๆกับที่พักได้ และการลงไปที่ด้านล่างของหุบเขาทำได้สะดวกด้วยการเดินลงไปตามบันไดคอนกรีตที่สร้างซิกแซกห้อยอยู่ตามหน้าผา
.. สำหรับผู้ที่พักภายนอก จะไม่ได้รับอนุญาตให้นำรถขึ้นมาจอดด้านบน (ไม่มีรถบัส แต่มีรถรับ-ส่งผู้โดยสารที่วิ่งตรงไปยังสถานีขนส่งเมืองซ่างเหราและภูเขาซานชิง หรือต้องเรียกแท็กซี่ให้มารับ-ส่ง) จะสะดวกกว่าหากจะขับรถมา และคุณสามารถจอดรถได้ฟรีที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว
… และจะต้องซื้อตั๋วราคา 120 หยวนผ่านประตูเข้ามา แล้วเดินตามทางด้านล่าง ผ่านสะพานแดงเข้ามาในหมู่บ้าน .. หากอยากจะเก็บภาพในมุมสูงที่ ทาวเวอร์ จะต้องเดินขึ้นบันได ซึ่งจะต้องใช้พลังเยอะมากที่เดียว เพราะความสูงชันของหน้าผา
อาคารที่พักบนเขาที่อยู่ด้านใน เป็นกลุ่มอาคารที่สถาปัตยกรรมภายนอกเป็นแบบจีน มีกำแพงล้อม ผนังเป็นแบบบ้านดิน ซึ่งหลายคนบอกว่าจะทำให้ไม่ร้อนหรือหนาวเกินไป ..
ห้องพักดี ที่นอนสะอาด มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และราคาค่อนข้างสูง ด้วยเหตุที่มูลค่าการลงทุนสร้างสิ่งที่ยากเกินจินตนาการ (Homestay และบันไดลอยฟ้า) นั้นสูงลิ่วอย่างที่เรานึกไม่ออกว่าจะสามารถคืนทุนและทำกำไรได้อย่างไร เมื่อไหร่ .. ตอนนี้ต้องยอมจ่ายเพื่อให้ใกล้ชิดกับทิวทัศน์ที่มหัศจรรย์เหล่านี้สักครั้งในชีวิต
หลัง Check in เราก็พร้อมที่จะออกเดินชมวิว ถ่ายภาพ และสำรวจความมหัศจรรย์ของ หุบเขาเทวดา กันแล้วค่ะ
เราเริ่มต้นจาก White Crane Tower ซึ่งอยู่ใกล้ห้องพัก .. หอนกกะเรียนขาวนี้เป็นอาคาร 3 ชั้น ด้านในตกแต่งน้อยมาก ด้วยวัตถุประสงค์หลักเพื่อให้เป็นลานชมวิวและถ่ายรูป รวมถึงชั้น 3 เป็นจุดที่ใช้ส่องแสงเลเซอร์ในยามค่ำคืน
.. ใกล้ๆกัน เป็นที่ตั้งของที่พักที่ไม่แน่ใจว่า เป็นส่วนของเจ้าของหรือเป็นอาคารที่พักพิเศษ เพราะมีที่กั้นห้ามเข้าจากทางด้านทาวเวอร์ และอีกด้านหนึ่งมีลิฟท์แก้วพาขึ้นไปยังอาคารหลังนี้
ทิวทัศน์เมื่อมองจากจุดสูงสุดของภูเขา อลังการมากทุกด้าน จนต้องร้อง ว๊าววววๆๆ หลายๆครั้ง โดยเฉพาะทิศทางที่มองไปยังหุบเขาด้านที่เห็นสะพานพระจันทร์ (สะพานโค้ง)
.. ภาพของอาคารที่ตั้งลดหลั่นกันในระดับความสูงต่างๆทั้ง 2 ข้างของธารน้ำ ทำให้ภาพมีมิติน่ามอง
.. หอคอยในเวอร์ชั่น(เสมือน)จีนโบราณที่อยู่ถัดไปจากจุดที่เรายืนตอนนี้ เป็น “ฉากหน้าที่งามสง่า” ทำให้ภาพที่ถ่ายออกออกมา “สวยทุกภาพ”
.. และเมื่อภาพถูกส่งออกไป คนที่พบเห็นจึงประทับใจในความงดงามโดยรวมอย่างช่วยไม่ได้ และดึงดูดความสนใจให้อยากมาเยือน .. เป็นความฉลาดและใส่ใจในการออกแบบอย่างที่สุดค่ะ ขอชมเชยและปรบมือให้ดังๆ
ทิวทัศน์อีกด้านหนึ่ง เป็นภาพของน้ำตก 3 สายที่สวยงามและใหญ่โตมาก
.. น้ำทิ้งตัวดิ่ง ไหลอย่างเกรี้ยวกราดลงมาจากด้านบนของภูเขาอีกลูกหนึ่งที่อยู่ตรงข้ามกับด้านที่เรายืนอยู่ในขณะนี้ .. เสียงน้ำตกที่มากระทบโขดหินด้านล่างนั้นดังมาก
... ไม่น่าเชื่อว่า น้ำตกสวยงามทั้ง 3 สายที่ส่งให้เกิดทัศนียภาพโดยรวมสวยงามมากขึ้นนี้ เป็นน้ำตกที่มนุษย์สร้างหรือเนรมิตให้เกิดขึ้น
.. ใช่คะ .. มีการนำมวลน้ำจำนวนมหาศาลขึ้นไปบนภูเขาผ่านท่อส่งน้ำขนาดใหญ่มาก (ที่เราเห็นเป็นท่อสีแดงในภาพ) ส่งไปที่เขื่อนเล็กๆที่สร้างอยู่บนจุดปล่อยน้ำบนภูเขา .. Only China that make this possible .. Amazing มาก
เราเริ่มเดินลงมาตามบันไดคอนกรีตที่ถูกสร้างให้เกาะหน้าผาในแนวดิ่ง .. บันไดไม่แคบมากและมีราวกั้นที่แข็งแรง เป็นเหมือนระเบียงชมวิวมากกว่า เวลาเดินจึงรู้สึกสบายๆ ไม่น่ากลัว
แถมยังถ่ายรูปได้สวยงาม .. เพราะในแนวดิ่งบนที่สูงอย่างนี้ จะได้ภาพตัวเราที่มีฉากหลังสวยๆของหุบเขา เอาไปอวดเพื่อนๆได้อย่างภาคภูมิใจแน่นอน
ชะโงกลงไปดูด้านล่าง .. ในบริเวณเหนือธารน้ำ มีทางเดินคอนกรีตให้เดินชมทิวทัศน์โดยรอบตลอดทาง
เราเดินๆ หยุดๆ เก็บภาพมุมต่างๆที่น่าสนใจและสวย ซึ่งมีอยู่มากมายในรายทางที่เราเดินผ่าน แล้วเดินต่อ
.. มีทางแยกให้เลือกเดินอยู่บ้างที่จะเป็นช่องทาง Short Cut ผ่านป่าไผ่ ไปยังถนนคนเดิน Street Food หรือ Bar Street .. หากไม่ต้องการลงไปยังด้านล่างสุดของหุบเขา
… ส่วนเราเลือกที่จะเดินลงไปให้สุดทางด้านนี้
ธารน้ำใสแจ๋ว สีฟ้า ไหลมาตามทางน้ำด้วยความเร็ว เลี้ยวลดเมื่อมีก้อนหินเป็นสิ่งขวางทางทางน้ำ ก่อนที่จะรวมมวลน้ำ ทะยานพุ่งตัวไปข้างหน้า .. หลายๆจุดก่อให้เกิดมุมมองที่งดงาม
.. หากมวลน้ำมีมากพอ นักท่องเที่ยวสามารถไปทำกิจกรรมล่องแก่งได้ที่บริเวณถัดจากน้ำตก 3 สาย ซึ่งจะมีการทำร่องน้ำลักษณะคล้าย Slider เอาไว้ให้ .. เคยเห็นในวีดีโอ ดูแล้วน่าสนุก
Photo : Internet
ฉันใช้เวลาเดินชมและถ่ายภาพในบริเวณน้ำตกอยู่ชั่วชณะหนึ่ง .. ภาพของภูเขาสูงตระหง่านที่ด้านหนึ่งเป็นหน้าผาสูงชัน ปัจจุบันมีบันได/ระเบียงคอนกรีตซิกแซ๊กห้อยติดหน้าผาในแนวดิ่งจากบนลงสู่ล่าง
ระหว่างทางของบันไดแขวนมีอาคารเล็กๆห้อยติดหน้าผาเช่นกันเป็นระยะ .. ในขณะที่ด้านบนมีภาพของหอคอยสไตล์จีนโบราณที่โดดเด่นเป็นจุดรวมสายตาขั้นสุดท้าย
.. ภาพที่เห็นนั้นงดงามและอลังการมากมายเกินกว่าที่จะเชื่อว่านี่คือการเนรมิต สร้างโดยมนุษย์
.. มันเหมือนกับดินแดนที่ไม่มีอยู่จริง เหมือนดินแดนลึกลับของสวรรค์ที่สวยเกินจริง เหนือจินตนาการ ที่เราฝันและหลงทางมาพบเจอโดยบังเอิญ .. แต่นี่คือของจริง หุบเขาเทวดา Wang Xian Gu
.. โชคดีที่วันนี้ฟ้าเปิด ท้องฟ้าแจ่มใส เราจึงได้ภาพสวยๆมามากมาย
สะพานข้ามลำธาร มีผ้าหรือริบบิ้นสีแดงผูกเต็มราว และบนส่วนหนึ่งของต้นๆไม้ ดูแปลกตา
.. ความเชื่อ ความศรัทธาในบางสิ่งมีอยู่ในตัวของเราทุกคน ริบบิ้นเหล่านี้เป็นคำอธิษฐานของใครหลายคนที่อยากส่งความรัก ความปรารถนาดี ไปให้กับคนที่เขาเหล่านั้นรัก รวมถึงขอพรให้กับตนเอง
จากบริเวณน้ำตก เราเดินไปทางด้านขวา ซึ่งจะนำเราไปสู่ โซนของ Bar Street ..
ในบริเวณพื้นที่ที่กว้างขวางมากของหุบเขาเทวดา มีการบริหารจัดการด้วยการแบ่งพื้นที่ออกเป็นโซนต่างๆไม่ปะปนกัน เช่น โซนที่พัก ถนนคนเดิน Food Street .. Bar Street
โซน Bar Street เป็นอาคารที่รูปลักษณ์ออกจะธรรมดาๆ อาจจะมี 1-2 ชั้นที่สร้างลำเลียบไปตามความโค้งของธารน้ำ
.. มีร้านอาหารหลายสไตล์ ร้านขายเครื่องดื่มที่มีเทอเรซและที่ให้นั่งชิลๆ ดื่มไป ดูวิวไปด้วย .. มีร้านคาราโอเกะ ดนตรีเล่นสด และอีกมากมาย
.. แต่ละร้านอาจจะตกแต่งสวยงาม ด้วยภาพวาด ด้วยการประดับสิ่งต่างๆที่เข้ากันได้กับธีมของร้าน
บริเวณนี้มีมุมสวยๆ ให้กดชัตเตอร์ หากหันกลับไปมองในทิศทางที่ตั้งของหอนกกะเรียนขาว
เราเดินมาถึง “สะพานพระจันทร์” ซึ่งเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของหุบเขาเทวดา .. นักท่องเที่ยวทุกคนต้องมาเช็คอิน ณ จุดนี้ ทำให้การจราจรบนสะพานแห่งนี้หนาแน่นเกือบตลอดเวลา
ฉันจึงเลือกที่จะเดินผ่านสะพานด้านบน แล้วมาเก็บภาพด้านข้างแทน
.. ปลายด้านหนึ่งของสะพานพระจันทร์ เป็นที่ตั้งของ Food Street .. เราจะผ่านจุดนี้ไปก่อน เพื่อจะมาเก็บภาพในตอนกลางคืน ที่ว่ากันว่า ถนนสายนี้คึกคักที่สุดในยามนั้น
สะพานสไตล์จีน (เสมือน)โบราณ มีหลังคาคลุม .. เป็นอีกจุดหนึ่งที่คึกคักทุกโมงยาม ด้วยนอกจากจะเป็นจุดนั่งพักชมวิวของธารน้ำแล้ว .. ยังเป็นจุดถ่ายภาพที่สวยงามจุดหนึ่ง
.. เป็นจุดที่ถ่ายภาพไปยังสะพานพระจันทร์ และทิวทัศน์ที่ห่างออกไป จนถึงจุดสุดท้ายของฉากหลังที่เป็นศาลาชมวิว (White Crane Tower) สุดขอบฟ้าได้อย่างงดงามเหมือนภาพวาด
.. ภาพทิวทัศน์ด้านข้างสองฟากฝั่งของธารน้ำ .. สวยไม่แพ้จุดไหนๆใน Wang Xian Gu
“ตรงนั้นเป็นสิ่งก่อสร้างเก่าแก่หรือเปล่า?” .. ฉันถามไกด์ของเรา ในขณะที่ชี้มือขึ้นไปบนหน้าผาอีกแห่ง ที่มองเห็นสิ่งก่อสร้างคล้ายกับส่วนที่เราผ่านมา .. มีหอคอย ณ จุดสูงสุด มีกลุ่มอาคารขนาดเล็ก และสะพานเกาะหน้าผา แต่มีผ้าตาข่ายคลุมกันไม่ให้สิ่งที่กำลังก่อสร้าง หรือซ่อมแซมปลิวตกลงมาจากด้านบน
“กำลังมีการก่อสร้างเพิ่มเติมครับ ยังไม่เสร็จ และยังไม่เปิดบริการ” .. คือคำตอบจากไกด์ของเรา
.. ฉันคิดและจินตนาการได้ไม่ยากว่า ในอนาคตที่ไม่ไกลเกินรอ จะมีสิ่งก่อสร้างแนวแฟนตาซีเหนือจริงแบบนี้อยู่ทั่วไปในหุบเขาแห่งนี้ ซึ่งคงสวย .. แต่จะมากจนขาดความโดดเด่นหรือไม่ เวลาเท่านั้นที่จะพิสูจน์ได้
ลานกิจกรรม .. ตั้งอยู่ใกล้กับสะพานที่มีหลังคาคลุม เป็นสถานที่จัดการแสดง และกิจกรรมต่างๆ
ในช่วงบ่ายเกือบเย็นในวันที่เราไปเยือน … มีการแสดงส่วนหนึ่งของประเพณีการแต่งงานของชาวบ้าน มีการหามเกี้ยวเจ้าสาวมาในบริเวณลานแห่งนี้ .. บนเวทีมีการแสดงตอนที่เจ้าสาวในชุดแดงแบบจีนโบราณโยนดอกไม้เลือกเจ้าบ่าวของเธอ
ฉันประสงค์ที่จะไปชมน้ำตกธรรมชาติ และสะพานน้ำตก จึงเดินจากลานกิจกรรมลึกเข้าไปด้านใน
.. น้ำตกธรรมชาติของหุบเขาเทวดาไม่ได้ใหญ่โตเว่อร์วัง ออกจะเป็นน้ำตกขนาดเล็กด้วยซ้ำ แต่เป็นต้นกำเนิดธารน้ำสวยๆที่ไหลลัดเลาะผ่านหุบเขาที่เราชื่นชมมาแล้ว
.. ฉันชอบศาลาและสะพานข้ามลำธาร ณ จุดนี้มากค่ะ .. การปรุงแต่งดูจะน้อยกว่าที่เราผ่านมา และรูปลักษณ์คลาสสิกน่าเพ่งมอง
Credit : ภาพจากเพื่อนร่วมทริป
Credit : ภาพจากเพื่อนร่วมทรืป
สวนดอกโบตั๋น .. รวบรวมดอกไม้ประจำชาติจีนที่งดงาม หลากหลายสีให้มาอยู่ในที่เดียวกัน สวยงามมากค่ะ
เราเดินขึ้นเนินมาเรื่อยๆ มุ่งหน้ากลับที่พัก .. เพื่อเตรียมตัวครั้งใหม่ในการออกมาเดินชม หวังเซียนกู่ยามค่ำคืน
.. แวะถ่ายรูปทิวทัศน์บ้าง รวมถึงอาคารหลายแห่งที่รูปลักษณ์น่าสนใจ อาคารส่วนใหญ่จะเป็นภัตตาคาร เมนูที่เสริฟมีหลากหลายประเภท สามารถหาข้อมูล และเลือกใช้บริการได้
โฆษณา