24 เม.ย. เวลา 09:02 • การศึกษา
กรุงเทพมหานคร

เกิดเป็นLGBTQIA+เพราะชาติที่แล้วทำผิดศีลข้อกาเมฯ จริงหรือ?

อันดับแรกเลย มาทำความเข้าใจกันก่อนว่าการเป็นรักร่วมเพศหรือการเป็นเกย์นั้น{ไม่ใช่นิสัย} มีบางคนยังเข้าใจไปว่าการเป็นเกย์(ผู้เขียนขออนุญาตใช้เพศเกย์ในการอธิบายLGBTQIA+ทั้งหมด)คือ ความประพฤติตน หรือ นิสัย แต่ในทางวิทยาศาสตร์ได้มีการพิสูจน์มาอย่างชัดเจนเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าเกย์คือ เพศ(Gender) ไม่ใช่อุปนิสัย
แม้จะมีการวิจัยกันมาอย่างยาวนานว่ายีนตัวใดทำให้ชายคนหนึ่งเป็นเกย์ แต่ก็ยังไม่ได้ผลลัพธ์ที่แน่ชัดในปัจจุบันเสียที บางผลวิจัยก็ทำมาอย่างไม่แยบคายและด่วนสรุปว่ามียีนเกย์ที่ทำให้ผู้ชายเป็นเกย์ ทั้งที่จริงๆแล้วไม่มียีนตัวไหนเลยที่ทำให้คนคนหนึ่งเบี่ยงเบนทางเพศได้ นอกจากสมองเท่านั้น
ปัจจุบันนี้ยังคงมีการค้นคว้าและวิจัยกันอย่างต่อเนื่องว่าอะไรทำให้สมองของคนที่เป็นเกย์นั้นรู้สึกพิศวาสกับรูปลักษณ์-เรือนร่างของคนเพศเดียวกัน ไม่ว่าจะรู้สึกเช่นนั้นมาตั้งแต่จำความได้ หรือเพิ่งจะมารู้สึกเช่นนั้นเมื่อเกิดพฤติกรรมสนใจทางเพศในช่วงวัยรุ่นก็ตาม
โชคดีที่ในปัจจุบัน เพศเกย์และเพศทางเลือกอื่นๆได้รับการยอมรับมากขึ้น มีการรณรงค์เรื่องสมรสเท่าเทียม ความเสมอภาคทางเพศ มีเทศกาลPride Month ทำให้ปุถุชนสามารถอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างผาสุกยิ่งขึ้นโดยไร้ซึ่งการกีดกันขอบเขตทางเพศ นับว่าเป็น Turning Part to Tune the society ทางสังคมที่ยอดเยี่ยม
สรุปก็คือ เกย์และเพศทางเลือก คือ เพศ อย่างแน่นอนในทางวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่อุปนิสัยหรือลักษณะนิสัยแต่อย่างใด นั่นจึงทำให้ WHO ถอดอาการเบี่ยงเบนทางเพศออกไปจากกลุ่มอาการทางจิตเป็นที่เรียบร้อย ทุกวันนี้หลายประเทศทั้งในแถบอเมริกา เอเชีย ละตินและยุโรปก็ออกกฎหมายให้คนเพศเดียวกันที่รักกันสามารถแต่งงานอยู่กินกันได้ตามปกติ ผู้เขียนรู้สึกว่าพลวัตรนี้ช่างดีต่อสันติภาพแห่งโลกอย่างเห็นได้ชัด
กลับมาที่เรื่องทัศนะทางจิตวิญญาณ พุทธศาสนาและปรัชญากันบ้าง ด้วยความที่ผู้เขียนศึกษาในพุทธวจนะและกฎแห่งกรรมมาพอสมควร แม้จะไม่ถึงขั้นจบเปรียญธรรมชั้นสูงแต่ก็มั่นใจว่าตนมีความเข้าใจในกฎแห่งกรรมพอที่จะอธิบายให้ผู้อ่านเข้าใจได้โดยใช้ภาษาบ้านๆง่ายๆในเวลาสั้นๆ โดยไม่บิดเบี้ยวผิดประเด็นหลักธรรมอย่างแน่นอน
ปกติแล้วคนที่เป็นเพศทางเลือกมักจะรู้สึกอยู่ในสัญชาตญาณของตนเลยว่าตนนั้นไม่ได้ชอบเพศตรงข้าม ซึ่งนี่คือเรื่องปรกติ แต่ในยุคสมัยอันเรืองอำนาจแห่งปวงชนผู้ชอบเพศตรงข้าม ผู้เป็นเพศทางเลือกที่กล้าเผยตัวตนก็มักจะต้องผงะหงายกันเป็นแถว เมื่อถูกคนที่อยู่ในอำนาจนิยมเพศดั้งเดิม ตอกกลับเสียหน้าหงายว่าพฤติกรรมรักชอบเพศเดียวกันคือความผิดปกติ-ความชั่วช้า
บางกลุ่มชนถึงขั้นกล่าวอ้างว่าเกย์เป็นบาป เป็นพ่อมด-ปีศาจมาเกิด เป็นสาวกของซาตานมารร้าย ก็ว่ากันไปตามแต่ละบริบทกรรมในสังคมนั้นๆ แม้แต่ในกลุ่มชาวพุทธเองก็มีชาวพุทธอนุรักษ์นิยมหลายกลุ่มมองว่าเพศทางเลือกเป็นกรรมชั่วที่เกิดจากการผิดศีลข้อกาเมฯมาในชาติปางก่อน
ผู้เขียนไม่เถียงในสิ่งนั้น เพราะในพระไตรปิฎก ก็มีกล่าวถึงตามนั้นจริงๆว่า การผิดศีลข้อกาเมฯหรือศีลข้อ ๓ นั้นส่งผลให้เกิดมาเบี่ยงเบนทางเพศ(ไม่ทุกกรณี) ทำให้รักชอบเพศเดียวกันได้จริงๆในชาติใหม่ แต่ทว่า กรรมเป็นอจินไตยชนิดหนึ่ง ดังที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่าเป็นเรื่องที่มีเหตุมีผลอันประณีตพิสดาร ยากแก่การที่ปุถุชนจะเข้าใจ จึงยากที่จะให้ถามไถ่กันได้โดยลุแก่คำตอบที่ผู้ถามอยากรู้ในทันควัน ดังนั้น...
ลองดูว่าปัจจุบันคุณเป็นสุขหรือไม่กับการที่ได้มาเกิดเป็นเกย์ ชีวิตคุณเดือดร้อนทุกข์ใจมากแค่ไหนกับเพศสภาวะเกย์(เพศทางเลือก-ที่ไม่ได้เลือก มันเป็นเอง)ที่คุณเป็นอยู่ ยกตัวอย่าง ถ้าหากคุณเป็นเกย์ แต่รายล้อมไปด้วยคนน่ารักมากมาย มีเพื่อนดี(หรือบางคนโชคดีมากหน่อยก็อาจจะมีคนรักที่ดีที่ซื่อสัตย์) จิตใจฝักใฝ่ความดีงาม ไม่สำส่อน หน้าที่การงานดี ความรู้สูง หรืออาจจะแค่เป็นเกย์ที่มีชีวิตเรียบๆแต่เปี่ยมสุข ไม่มีใครมาดูถูกและไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อนเลย.. การเป็นเกย์ของคุณจะถือว่าเป็นกรรมจากบาปไปได้อย่างไร?
กรรมจากบาป หรือกรรมชั่ว หรือ ผลของอกุศลกรรมด้านการทุศีลข้อกาเมสุมิจฉาจารนั้น จะทำให้ชีวิตคุณเป็นทุกข์ซึ่งส่งผลได้หลายแบบ การเบี่ยงเบนทางเพศเป็นเพียงส่วนหนึ่งของผลกรรมของการผิดศีลกาเมฯเท่านั้น กล่าวง่ายๆก็คือ ถ้าคุณเบี่ยงเบนทางเพศแล้วเป็นทุกข์ เพราะปัจจัยใดๆก็ตาม ตัวอย่างเช่น โดนเพื่อนร่วมชั้นรังแกเพราะเพื่อนๆรังเกียจเกย์ โดนพ่อทำโทษทำร้ายเพราะจะบังคับคุณเป็นผู้ชาย อึดอัดอับอายไม่กล้าบอกพ่อแม่พี่น้องว่าเป็นเกย์เพราะคุณไม่เคยแสดงออกชัดเจนว่าเป็นเกย์ แบบนี้ถึงจะเรียกว่าเป็น ผลกรรมจากการผิดศีลข้อ๓
แต่กรรมจากการผิดศีลข้อ๓ นั้นก็ไม่ได้มีแต่เรื่องเบี่ยงเบนทางเพศเท่านั้นที่จะสร้างทุกข์ได้ คุณอาจจะยังเกิดมาเป็นชายจริงหญิงแน่ แต่ก็อาจถูกคนรักหลอกถลุงทรัพย์จนหมดตัว หรือไม่ก็เกิดมาในครอบครัวที่ต่ำทรามแม้คุณจะเป็นเพศออริจินอล พ่อแม่อาจงี่เง่า ขี้ตำหนิ ขี้ด่าทอจับผิดคุณ เปรียบเทียบคุณกับคนอื่นให้คุณทุกข์ใจตลอดเวลา หรือ ไปไหนก็มีแต่คนเหม็นหน้า ขอความช่วยเหลือใครเขาก็ไม่มีใครช่วย ฯลฯ เป็นต้น
เห็นมั้ยว่ากรรมผิดศีลข้อกาเมฯในชาติปางก่อน(หรือแม้แต่ชาตินี้)นั้น ให้ผลได้หลายอย่าง ไม่ใช่ว่าจะต้องไปในทางเบี่ยงเบนทางเพศอย่างเดียว ที่สำคัญ จิตพ้นสำนึกหรือจิตเหนือสำนึกของคนเราจะสะสมอยู่ในรูปแบบของพลังงานควอนตั้มละเอียดที่อยู่ในชั้นมิติรอบๆธาตุรู้(จิตเดิมแท้)ของเราทุกคน จิตเหนือสำนึกนี่เองที่จะคอยทำหน้าที่บันทึกปรภพ หรือ สภาวะที่เป็นไปได้ เอาไว้ตามความเคยชินเป็นอาจิณของพฤติกรรมตอนอยู่ในกายเนื้อ!
จิตพ้นสำนึกเป็นจิตที่ถูกกลั่น กล่าวคือ คนเราจะมีจิตไร้สำนึก(กิน นอน เดิน ขับถ่าย ขยับลิ้น กะพริบตา หายใจ กลืนน้ำลาย ขมิบก้น ฯลฯ เป็นต้น) จิตสำนึก(ทำงาน พูดคุยโต้ตอบสื่อสาร จีบ รัก ชอบ เกลียด ต้องการ ไม่ต้องการ เล่ห์กล ฯลฯเป็นต้น) จิตใต้สำนึก(หลับฝันไปว่าได้ทำนู่น ได้ไปนั่นไปนี่ โดนคนนั้นคนนี้มากระทำเช่นนั้นเช่นนี้ในฝัน กลัวที่สูงเพราะเคยพลัดตกชั้นสองของบ้านตอนเด็ก กลัวหนอน,งู เผลอนึกถึงหน้าคนที่ชอบตอนช่วยตัวเอง ฯลฯ เป็นต้น) จิตทั้งสามแบบเหล่านี้มันจะแข่งกันสะสมแต้มให้จิตเหนือสำนึกอยู่ตลอดเวลา
คำว่าสะสมแต้มในที่นี้ หมายความว่า จิตประเภทใดปฏิบัติการบ่อยสุด เข้มข้นสุด จิตประเภทนั้นก็จะปล่อยคลื่นควอนตั้มเข้าไปในมิติแห่งจิตที่พ้นไปจากมิติแห่งจิตทั้งสามแบบข้างต้น เรียกมิติจิตที่พ้นขึ้นไปนั้นว่า จิตเหนือสำนึก,จิตพ้นสำนึก นั่นเอง
จิตเหนือสำนึกจะทำหน้าที่กักเก็บคลื่นควอนตั้มที่แปรสภาพมาจากความถี่,ความเข้มหรือความบ่อยครั้งที่แต่ละจิต(ไร้สำนึก,สำนึก,ใต้สำนึก) ราวกับเป็นเซิฟเวอร์ที่ไว้ใช้เก็บโฟลเดอร์ข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์ และแน่นอน การเป็นเกย์ หรือตัวตนแห่งเพศทางเลือก นั้นก็มาจากโฟลเดอร์ที่อยู่ในเซิร์ฟเวอร์ที่ชื่อจิตเหนือสำนึกนั่นเอง
ยกตัวอย่างเช่น ชาติที่แล้วคุณเป็นผู้ชายที่ชื่นชอบร่างกายตัวเองมาก คุณทั้งหล่อทั้งล่ำสุดๆ สาวๆติดตรึม แม้แต่เก้งกวางก็มาตามต้อยๆ คุณก็ใช้เสน่ห์ที่คุณมีในทางที่ไม่น่ารัก โดยการหลอกให้เกย์เหล่านั้นมารักมาชอบคุณ แล้วคุณก็หนีพวกเขาไปพร้อมกับเงินทองที่พวกเขาเผลอมอบให้คุณด้วยความสเน่หา กรรมนี้บันทึกไว้ในจิตเหนือสำนึกของคุณทุกขณะจิตโดยที่คุณไม่รู้ตัว(แม้จะลืมว่าเคยทำเรื่องเช่นนั้นไปแล้วก็ตาม) สุดท้ายแล้วคุณก็เสียชีวิตด้วยกามโรค(เที่ยวผู้หญิงบ่อย) แต่ก็ยังมีราคะจริตหลงใหลในความสวยงามบึกบึนของร่างกายตนเอง
ราคะจริตนั้นเลยทำให้คุณได้มาเกิดเป็นผู้ชายหน้าตาดีเช่นเดิมเพราะยังมีบุญเก่าแก่จากชาติก่อนๆย้อนหลังได้หนุนนำไว้ แต่ด้วยความที่หลงใหลในรูปกายล่ำสันของตัวเองเลยทำให้คุณต้องมาเกิดเป็นเพศชายที่ชอบเพศชายด้วยกัน อันพ่วงผลของการไปหลอกลวงให้เกย์มารักมาชอบตัวเองอีกทอดหนึ่ง จึงทำให้คุณต้องปิดบังตัวเองมิให้ใครรู้ว่าแท้จริงแล้วคุณชอบผู้ชาย บุคคลเหล่านี้พบได้มากในแวดวงศิลปิน ไอด้อล ดารา นายแบบ(นี่แค่ตัวอย่างแรก)
ตัวอย่างถัดไป คุณเคยเกิดเป็นหญิง มีความลุ่มหลงในกามคุณมาก แต่เกลียดการถูกกดขี่ทางเพศ เพราะในสมัยนั้นผู้หญิงถูกปฏิบัติราวกับเป็นชนชั้นต่ำกว่าผู้ชาย คุณอยากได้ความเป็นใหญ่อย่างชายมาครองบ้าง แต่เมื่อคุณออกเรือนไป ปรากฏว่าผัวคุณพิสมัยในกามคุณจัดๆ เสพกามกับคุณอย่างวิจิตรพิศวงให้คุณได้เร่าร้อนสนุกสนานสาใจในกามราคะ ใจจึงใฝ่หากามจากบุรุษเพศอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ไม่คิดไปเสพกามกับบุรุษคนอื่นนอกจากผัวตน บุญที่ครองศีลข้อกาเมฯมาดี บวกกับความไม่พอใจในการถูกกดขี่ทางเพศ แต่คุณหลงใหลในกามคุณของบุรุษมาก
ด้วยความเพลินนั้น ผสมรวมกับความตั้งใจในจิตขณะมีชีวิต บวกกับบุญเก่ายังพอมี เมื่อคุณสิ้นชีพลงในชาตินั้น คุณจึงได้มาเกิดเป็นบุรุษเพศเกย์ในชาติปัจจุบัน(เคสนี้เป็นเพียงแค่ตัวอย่างหนึ่ง) เป็นต้น จะเห็นได้ว่าผลของกรรม มีความซับซ้อนซ่อนปมไว้พิสดารเกินกว่าที่เราจะรู้เห็นและตรึกตรองเอาได้แค่เพียงง่ายๆเผินๆ จะต้องใช้ตรรกะปัญญาในการขบคิด หรือรู้แจ้งเฉพาะบุคคลเป็นคนๆไป ไม่ใช่ว่าไปผิดลูกผิดเมียเขาเท่านั้นที่จะส่งผลให้คุณได้มาเกิดเป็นเพศเบี่ยงเบน(ที่ไม่ได้เบี่ยงเบนจริง แค่เป็นเพศที่นอกเหนือจากเพศออริจินอล)
การเกิดมาเบี่ยงเบนทางเพศนั้น ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว ไม่ใช่เรื่องผิดบาป ไม่ใช่ความชั่วช้าแต่อย่างใด เพศทางเลือกหลายคนมีความสามารถหลากหลายอันมาจากจริตอันไม่ยึดมั่นในเพศ ในกฎเกณฑ์อีกต่อไป ก็เลยทำให้พวกเขาสรรค์สร้างผลงานศิลปะอันเล่อค่า สรรสร้างแฟชั่นไร้ขอบเขต และมีหัวอภิวัฒน์ ทำได้ทุกอย่างที่ล้ำโลก ก้าวหน้า นำสมัย
กลับกันหากคุณผิดศีลข้อกาเมฯ แทนที่จะได้ไปเกิดเป็นเกย์ ส่วนมากมักจะได้ไปเกิดในนรกภูมิ หรือไม่ก็เปรตภูมิ หรือสัตว์เดรัจฉานภูมิเสียมากกว่าหลายเท่า การจะเกิดเป็นมนุษย์นั้นยากยิ่งกว่าการที่เต่าตาบอดตัวหนึ่งจะว่ายน้ำขึ้นมายังผิวน้ำให้ห่วงเชือกที่ลอยอยู่เหนือน้ำคล้องคอมันเสียด้วยซ้ำไป เพราะฉะนั้นการจะเกิดมาเป็นเกย์ก็ไม่ต้องพูดถึง เป็นมนุษย์ยังยากเลย ถ้าบุญไม่พร้อม ยังไงๆตายไปก็ไม่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์อีก
เพราะฉะนั้นผู้เขียนจึงปรารถนาดีอยากให้เราทุกคนไม่ประมาทในกรรม ไม่มัวแต่หลงใหลในสุขนิยม หมั่นสร้างความดีงามเอาไว้บนแผ่นดินโลก ตั้งจิตตั้งใจอยู่ในศีลในธรรม เพื่อชาติภพต่อไปจะได้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีกครั้ง ไม่ว่าเพศอะไรก็ตาม ขึ้นชื่อว่าเป็นมนุษย์แล้ว พระพุทธองค์ทรงบัญญัติไว้ในพุทธวจนะแล้วว่าภพภูมิมนุษย์เป็นภพที่ดีที่สุด สามารถใช้กายเนื้อปฏิบัติธรรมให้เล็งเห็นความจริงของโลกและสังสารวัฏได้ง่ายที่สุดในทุกๆภพภูมิ
หากได้เกิดมาเป็นมนุษย์แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเพศออริจินอลหรือเพศอื่นๆก็สามารถสั่งสมสุตะเพื่อบรรลุธรรมได้(ง่าย)กว่าภพภูมิอื่นๆยิ่งนัก ง่ายเสียยิ่งกว่าเทพและพรหม การมาเกิดในภพภูมิมนุษย์นั้นดีทั้งสิ้น เพราะภพภูมินี้เป็นTerminalหรือสถานที่ซื้อตั๋ว อยากซื้อตั๋วไปเมืองไหน ก็เลือกช่องตั๋วที่ตัวเองอยากไป อยากไปเมืองนรก อยากไปเมืองสวรรค์ อยากไปเมืองเดรัจฉาน อยากไปเมืองอสุรกาย หรืออยากไปเมืองนิพพาน ก็เลือกซื้อตั๋วไปเมืองนั้นจากTerminalนี้ได้เลย
แต่ค่าตั๋ว เราต้องหามาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง ถ้าอยากไปใกล้ๆ(นรก,เดรัจฉาน,อสุรกาย)ก็ไม่ต้องขยันทำงาน มันใกล้ มันถูก ก็จ่ายแค่ยี่สิบบาทก็ได้ไปแล้ว ทำงานลวกๆเอาสักสามสิบนาทีก็ได้แล้ว20 แต่การจะไปสวรรค์ ไปพรหมโลก หรือไปแดนอริยโลก,โลกอุดร หรือ นฤพาน ก็จะไกลกว่า ต้องขยันมากกว่า ใช้เงินค่าตั๋วแพงกว่า หากใครขยันน้อยหน่อยก็ปฏิบัติเรียบๆให้พอได้ไปสวรรค์ก็พอ หรือไปพรหมโลกก็ได้ แต่ก็ต้องทำใจว่าต้องกลับมาเกิดในภพภูมิที่ต่ำลงมาในทันทีที่บุญหมด โชคดีหน่อยก็กลับมาเป็นมนุษย์ อย่างร้ายก็อาจจะลงนรกไปเลย
เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเพศไหน ขอให้ทุกคนภูมิใจไว้เลยว่าฉันคือมนุษย์ในชมพูทวีป เป็นภพภูมิที่ดีที่สุด สามารถทำงานเก็บเงินซื้อตั๋วเดินทางไปประเทศโลกอุดรได้ง่ายที่สุด หรือ เข้าถึงธรรมได้ง่ายที่สุดนั่นเอง มนุษย์มีสิทธิ์บรรลุธรรมได้ด้วยการสั่งสมสุตะ สั่งสมทานมัย ศีลมัยและภาวนมัย เพื่อให้ดวงจิตของตนไปสู่สุคติภูมิ และสืบกมลวิสัยที่ใฝ่ในธรรมไปในทุกภพทุกชาติ ด้วยแรงอธิษฐานแห่งโพธิจิตอันหมายซึ่งการพ้นทุกข์ทรกรรมที่เราทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย ทุกฐานะ สามารถทำได้ เท่าเทียมเสมอเหมือนกันทั้งสิ้น เพราะในวัฏสงสาร..
บุญเท่านั้นคือตัวบ่งชี้ว่าใครจะมีความสุขกว่าใคร.. บุญเท่านั้นคือตัวนำพาให้เราไปเกิดในสถานที่อันร่มเย็นเป็นสุข ...บุญนี่แหละคือยาอันเลิศ ที่จะทำให้ความสุขใจ เบาสบายเกิดขึ้นในชีวิตของทุกผู้ทุกนาม โดยไม่มีเพศมาคอยจำกัดกีดกันในทุกเส้นทาง ไม่เว้นแม้แต่เส้นทางข้ามห้วงโอฆะสงสารของเราทุกคน (บทความนี้เขียนโดยแอดภุชงค์ แอดมินเพจเฟซบุ๊ค {ธรรมะแฟนตาซี} ท่านสามารถคัดลอกบทความนี้ไปใช้ได้ฟรีโดยไม่ต้องขออนุญาต เพียงให้เครดิตเพจเพื่อไม่ให้เข้าข่ายละเมิดลิขสิทธิ์ครับ)
โฆษณา