25 เม.ย. เวลา 07:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

ส่อง 5 หุ้น ฟาดเคราะห์สงครามตะวันออกกลาง ราคาร่วงแรง...แต่พื้นฐานยังโดดเด่น

ตามที่นักลงทุนได้ติดตามข่าวสารหรือความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้น จะทราบดีว่าหลังจากที่มีข่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์โจมตีระหว่างอิสราเอล-อิหร่านในวันที่ 16 เม.ย. ที่ผ่านมา ก็ได้ส่งผลให้ตลาดทุนหลายประเทศรวมถึงตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง ด้วยความกังวลของนักลงทุนที่มีต่อตลาด
โดยได้ส่งผลให้ราคาหุ้นรายบริษัทหลายๆตัวได้ปรับตัวลดลงเกินกว่าปัจจัยพื้นฐาน ซึ่งก็อาจจะถือเป็นโอกาสการลงทุนที่ดีสำหรับคนที่อยากจะเข้าสะสมหุ้นที่ปรับตัวขึ้นไปก่อนหน้า แต่จะมีหุ้นรายตัวใดบ้างที่น่าสนใจและเป็นจังหวะให้ลงทุนในวันนี้ทางเราก็รวบรวมให้ได้ชมกัน
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ได้ให้มุมมองว่า ตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในภาวะเปราะบาง จากกังวลสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางและเฟดอาจปรับลดดอกเบี้ยล่าช้ากว่าที่ตลาดคาดไว้เดิม ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
โดยหนึ่งในธีมหลักที่น่าสนใจและแนะนำ สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงและต้องการเก็งกำไรสำหรับหุ้นที่ราคาปรับลงแรงเกินไปตั้งแต่เกิดเหตุการณ์โจมตีระหว่างอิสราเอล-อิหร่าน แต่พื้นฐานยังไม่ได้เปลี่ยนแปลง เลือก GPSC, GULF, SPRC, CRC และ MTC
สำหรับพื้นฐานหุ้นรายตัว GPSC นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ให้มุมมองว่า ผลประกอบการช่วงที่เหลือของปีฟื้นตัวจากค่าไฟฟ้าสะท้อนต้นทุนที่แท้จริงมากขึ้น, รับรู้กำลังผลิตใหม่, ประสิทธิภาพการผลิตดีขึ้น คาดการณ์กำไรสุทธิในปี 2567 จะอยู่ที่ 5,349 ล้านบาท เติบโต 44%
ขณะที่ระยะยาวมีการเติบโตตามการขยายธุรกิจเครือ PTT, รับรู้ประโยชน์จากการลงทุนในอินเดีย, การขยายธุรกิจพลังงานหมุนเวียนในต่างประเทศเพิ่มเติม แต่อย่างไรก็ดี ราคาหุ้นได้สะท้อนการฟื้นตัวของกำไรระยะสั้นไปบ้างแล้ว ทำให้อัพไซด์เหลือไม่มาก จึงให้คำแนะนำ “เก็งกำไร” ราคาเหมาะสม 57 บาท โดยรอจังหวะเพิ่มน้ำหนักลงทุนเมื่ออัพไซด์เปิดกว้าง
ด้าน GULF นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ให้มุมมองว่ากำไรไตรมาส 2/67 มีโอกาสกลับมาทำนิวไฮได้อีกครั้งจากต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวลง รวมถึงการเริ่มรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้า GPD หน่วยที่ 3 และการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าหินกองหน่วยที่ 1แบบเต็มไตรมาส ซึ่งคาดกำไรทั้งปี 67 ที่ 18,107 ล้านบาท เติบโต 21% ดังนั้น แนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 52.75 บาท
ต่อมา SPRC นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด คาดการณ์กําไรไตรมาส 2/67 อ่อนตัว ตามทิศทางค่าการกลั่น (GRM) ที่ปรับตัวลดลง หลังผ่านพ้นช่วงฤดูกาลฤดูหนาวและโรงกลั่นหลายแห่งเริ่มทยอยกลับมาเดินเครื่องใหม่อีกครั้ง ขณะที่กําไรปี 2567 จะอยู่ที่ 4,277 พันล้านบาท พลิกมีกำไรจากปีก่อน จากค่าการกลั่นที่ปรับตัวสูงขึ้นตามภาพรวมเศรษฐกิจที่ทยอยฟื้นตัวและต้นทุนค่าขนส่งที่ลดลง ทั้งนี้ แนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมาย 10.90 บาท
ถัดมา CRC นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาดการณ์กำไรปี 2567 ที่ 8,775 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้า 10% จากการฟื้นตัวต่อเนื่องของเศรษฐกิจโดยรวมในประเทศตามการท่องเที่ยวและนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ รวมถึงคาดการฟื้นตัวในเวียดนามที่เริ่มเห็นชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลังปี 2567 ดังนั้น แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 48 บาท
สุดท้าย MTC นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) คาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/67 อยู่ที่ 1.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกัน 13% ตามการเติบโตของสินเชื่อและการตั้งสำรองที่ลดลง ทั้งปี 2567 คาดกำไรสุทธิที่ 5,770 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% ได้แรงหนุนจากการขยายตัวของสินเชื่อและคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้น ดังนั้น แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 50 บาท
โฆษณา