25 เม.ย. เวลา 07:39

... "เงินเฟ้อ หรือ เงินฝืด : โลกการเงิน มีแค่สองทาง , นายธนาคารชอบเงินเฟ้อ QE"

... สำหรับนักลงทุนส่วนใหญ่แล้ว "เงินเฟ้อ" เป็นเรื่องเข้าใจง่าย เมื่อระดับ ราคาเริ่มสูงขึ้น ความคาดหวังจะเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว พวกเขาเริ่มมองหามุมมองเกี่ยวกับ "ที่อยู่อาศัย ทองคำ ที่ดิน"
และ "การป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ" (Inflation Hedges) อื่นๆ ให้กับตนเอง ใน ขณะที่นักลงทุนใช้เลเวอเรจ (การก่อหนี้เพื่อลงทุน) เพื่อให้ได้มาซึ่ง การป้องกันความเสี่ยงนั้น ส่งผลให้ "ราคาสูงขึ้นไปอีก"
................................................
***... "เงินฝืด": นั้นเข้าใจยากกว่ามาก
ภาวะเงินฝืดอาจเกิดจากปัจจัยทางเศรษฐกิจต่างๆ มากมาย รวมถึง
...."ความต้องการสินค้าที่ลดลง" ,
... "อุปทานของผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น"
... "กำลังการผลิตส่วนเกิน"
... "ความต้องการเงินที่เพิ่มขึ้น"
... "อุปทานของเงินหรือความพร้อมของเงินลดลง"
... "ภาวะเงินฝืดครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกา" เกิดขึ้นระหว่างปี 1930 ถึง 1933 ในช่วง "ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่"
(*** ... เมื่อเกิดวิกฤติใดๆ เช่น วิกฤติการเงิน 1997, 2008 , กลัวสงคราม กลัวโรคระบาด กลัวตกงาน ประชาชนจะเก็บเงิน ใช้จ่ายน้อยลง )
... ตัวอย่างล่าสุดของภาวะเงินฝืดเกิดขึ้นในศตวรรษที่ 21 ระหว่างปี 2007 ถึง 2008 ในช่วงเวลาในประวัติศาสตร์ของอเมริกาที่นักเศรษฐศาสตร์เรียกว่า Great Recession ...
.............................................
... เงินฝืดไม่ใช่ปัญหาเศรษฐกิจที่ร้ายแรงในอเมริกานับตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 1930 , "นักลงทุนและ ผู้ฝากเงิน" ไม่คุ้นเคยกับภาวะนี้และไม่ได้ตระหนักถึงอันตรายของมัน ตลอดเวลา
... ทุกวันนี้ เงินฝืดถูกผลักดันจากข้อมูลประชากร เทคโนโลยี หนี้ และการลดภาระหนี้ "มูลค่าที่แท้จริงของหนี้เพิ่มขึ้นในภาวะเงินฝืด" ซึ่งเพิ่มหนี้สงสัยจะสูญ (Loan Losses)
ความสูญเสียเหล่านั้นเป็น "กรรมที่ตามสนองธนาคาร" เนื่องจากบทบาทหลักของธนาคารกลางอเมริกา คือการให้เงินช่วยเหลือธนาคารอื่นๆ,
***... " เฟด กลัวเงินฝืด" จึงทำทุกอย่างเท่าที่ ทำได้เพื่อหยุดเงินฝืด
... "เงินฝืด" ยังส่งผลกระทบต่อการเก็บภาษีของรัฐบาลเนื่องจากคนทำงานไม่ได้รับการขึ้นค่าจ้าง ซึ่งหมายความว่า ไม่มีรายได้ส่วนเพิ่มขึ้นเพื่อจ่ายภาษี ( ... คนงานยังสามารถมีมาตรฐานการครองชีพที่ดีขึ้นในภาวะเงินฝืดแม้ไม่มีการขึ้นค่าจ้างเพราะค่าครองชีพลดลง แต่รัฐบาลไม่ได้คิดหาวิธีเก็บภาษีการลดค่าครองชีพ)
***... "เงินฝืด" ยังกัดกินตัวมันเอง หากคุณคาดว่า "ราคาสินค้าจะลดลง" คุณอาจรอที่จะซื้อได้ การรอนั้นลดอุปสงค์ในระยะสั้นและทำให้ ราคาลดลงอีก ผลจากการขาดแคลนอุปสงค์โดยรวมสามารถนำไปสู่การเลิกจ้าง การล้มละลาย( ของผู้ประกอบการเงินหมุนเวียนต่ำ ) และภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ...
"เงินฝืดเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อการเงินของรัฐบาล" ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมรัฐบาล จึงทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อหลีกเลี่ยง
*** ... "การชักเย่อระหว่างเงินฝืดกับเงินเฟ้อ" คือ การอธิบาย สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นใน "ระบบเศรษฐกิจทุกวันนี้" ได้ดีที่สุด ในระบบการเงินโลก
*... "เงินเฟ้อ สินค้าแพงขึ้น : เงินฝืด สินค้าถูกลง"
(... "เงินเฟ้อ" ประชาชนจะทำงานหนักขึ้น เพราะค่าเงินถูกลง มะนาว ไข่ เนื้อ ผัก นม บ้าน รถ แพงขึ้น : "เงินฝืด" สินค้า อาหาร บ้าน รถ จะถูกลง แต่ผู้ประกอบการจะตาย ธนาคารจะตาย เพราะถ้าเงินฝืด[ =เงินเฟ้อ ติดลบ แปลว่า ธนาคารต้องจ่ายคืนคนมีเงินในบัญชีธนาคารมากขึ้น ] ... รัฐบาลก็จะเก็บภาษีได้ยากขึ้น ... )
... เงินฝืดเป็นผลสืบเนื่องโดยธรรมชาติของการนำทางสู่ความเป็นหนี้ของผู้ซื้อบ้านและผู้ซื้อข้าวของด้วยบัตรเครดิต ระหว่างปี 2002 ถึง 2007 "ปิรามิดหนี้" ที่เป็นผลที่เกิดขึ้นนั้นสร้างความ ตื่นตระหนกเมื่อปี 2008 โดยปริยาย
คุณคาดการณ์ได้เลยว่า เงินฝืดจะทำให้เกิดความตกต่ำทางเศรษฐกิจซึ่งอเมริกาประสบ นับตั้งแต่ 2008 เงินฝืดดังกล่าวถูกทำให้ขยายใหญ่ขึ้นด้วยการ ลดภาระหนี้ การขายสินทรัพย์ การลดงบดุล และปัจจัยอื่นๆ
... "เงินเฟ้อ" ได้รับการส่งเสริมจากนโยบายของธนาคารกลาง ส่วนใหญ่เป็นการพิมพ์เงิน และได้รับการกระตุ้นโดยการเปลี่ยน ความคาดหวังที่นำไปสู่มูลค่าการซื้อขายหรืออัตราการหมุนของเงิน ที่เพิ่มขึ้น
... อันที่จริง ดัชนีราคาแสดงให้เห็นการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ประมาณ 1 เปอร์เซ็นต์ ต่อปี นี่เป็นเพราะอำนาจของเงินเฟ้อและ เงินฝืดกำลังผลักกันอยู่ในระดับหนึ่ง กำลังหักล้างซึ่งกันและกัน
***... "เฟด ชักคะเย่อ ช่วยข้างเงินเฟ้อ"
... นอกเหนือจากการต่อสู้กับเงินฝืดแล้ว ธนาคารกลางอเมริกา ต้องทำให้เกิดเงินเฟ้ออีกด้วยเพื่อมิให้ล้มละลาย หนี้ของประเทศมีมากกว่า 18 ล้านล้านดอลลาร์ในขณะที่เขียนเรื่องนี้ หนี้ไม่เคยต้อง “ชำระ” เต็มจำนวน แต่กระนั้น ก็จำเป็นต้องมีความ ยั่งยืนของหนี้ (Debt Sustainability)
การทดสอบความยั่งยืนของหนี้คือถ้าเศรษฐกิจกำลังเติบโตในแง่ที่เป็นตัวเงินได้เร็วกว่าหนี้และ ดอกเบี้ย การเติบโตที่แท้จริงนั้นดี แต่การเติบโตที่แท้จริงไม่จำเป็นต้องประคองหนี้ไว้ สิ่งที่จำเป็นคือการเติบโตที่เป็นตัวเงิน ซึ่งคือการเติบโตที่แท้จริงบวกกับอัตราเงินเฟ้อ
***... เนื่องจากการเติบโตที่แท้จริง นั้นทำยากที่จะบรรลุ เนื่องจาก "อเมริกายังคงก่อหนี้ใหม่ปีแล้ว ปีเล่า" ทางออกเดียวคือเงินเฟ้อ
... ( เจ้าหนี้ชอบเงินฝืด : ลูกหนี้ชอบเงินเฟ้อ)
... แน่นอนว่า "เงินเฟ้อไม่ดีสำหรับ (เจ้าหนี้) ผู้ออมเงินและผู้เกษียณอายุเนื่องจากรายได้คงที่และบัญชีธนาคารของพวก"
... เขาจะมีค่าน้อยกว่า กระนั้น เงินเฟ้อดีเยี่ยมสำหรับประเทศ "ลูกหนี้" อย่างอเมริกาเพราะหนี้มีค่าน้อยลงอีกด้วย เงินเฟ้อเป็นกุญแจ สำคัญของความสามารถในการชำระหนี้
... ปัญหาทางเศรษฐกิจของหนี้คือถูกควบคุมโดยกฎหมายและ สัญญาที่มองหนี้จากมุมมองตามตัวเลข ถ้าผมยืมเงินคุณหนึ่งดอลลาร์ ผมเป็นหนี้คุณหนึ่งดอลลาร์
ในแง่จริง เงินดอลลาร์อาจมีมูลค่า 1.50 ดอลลาร์หรืออาจเท่ากับ 50 เซ็นต์ในแง่ของกำลังซื้อ ขึ้นอยู่กับว่าเรา มีเงินเฟ้อหรือเงินฝืดหรือไม่ในเวลาที่ผมจ่ายคืน ถึงกระนั้น ผมก็เป็นหนี้คุณอยู่หนึ่งดอลลาร์หนึ่ง
***... "อเมริกา":เป็นหนี้โลกอยู่ 18 ล้านล้านดอลลาร์ และ เพื่อชำระหนี้นั้น เราจำเป็นต้องมีความเติบโตของตัวเลขในระดับ
( ... เราจะเห็น เฟด เร่งออกเงินกระดาษมาซื้อหนี้เสียหลังวิกฤติ 2008 คือ QE ... เพราะกลัวธนาคารไม่มีเงินมาจ่ายหนี้เสีย Too big Too fail )
... เฟดชอบการเติบโตที่แท้จริงมากกว่าใช่ไหม? ใช่แล้ว แต่เฟด จะยอมรับการเติบโตของตัวเลข พร้อมด้วยองค์ประกอบของอัตรา เงินเฟ้อรุนแรงแทนการชำระหนี้เช่นนั้นหรือ? ใช่ เฟดจะยอมรับ ถ้านั่นดีที่สุดที่จะทำได้
ในกรณีที่ไม่มีการเติบโตที่แท้จริงเพียงพอ เงินเฟ้อก็ดีหรือการไม่ยอมชำระหนี้อย่างสิ้นเชิงก็ดีเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยง ไม่ได้ "ราคาทองคำ" เป็นเงินดอลลาร์จะพุ่งขึ้นในทั้งสองสถานการณ์ เพราะมันคือเงินจริง
... จากปี 2013 ถึงปี 2015 การขาดดุลงบประมาณ ของอเมริกา ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จากประมาณ 1.4 ล้านล้านเป็น ประมาณ 4 แสนล้านดอลลาร์ นั่นเป็นการลดลงอย่างมโหฬารแต่ ก็ไม่ดีไปกว่านั้นได้อีก ทว่าและนี่คือประเด็น "อัตราส่วนหนี้สิน ต่อ GDP" ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
... เนื่องจากยังมีการขาดดุล และการเติบโตซึ่งเล็กน้อยมาก ไม่เพียงพอที่จะลดอัตราส่วนนั้นลง อเมริกายังคงอยู่บนเส้นทางเดียวกับกรีซหรือญี่ปุ่น แม้ว่าระยะ หลังอัตราส่วนจะชะลอตัวลงบ้างแล้วก็ตาม
***... ในท้ายที่สุด "เงินเฟ้อกำลังจะเอาชนะในการแข่งขันชักเย่อต่อเงินฝืด" ( ... ตราบใดที่อเมริกาเป็นลูกหนี้ และมหาอำนาจโลก )
... เพราะความอดทนของเฟดต่อเงินฝืดนั้นต่ำมากและผลที่ตามมาของ เงินฝืดก็ร้ายแรงนัก เฟดต้องการเงินเฟ้อและจะทำ “ทุกวิถีทาง” ตาม คำพูดของ มารีโอ ดรากี” เพื่อให้บรรลุเงินเฟ้อ อาจต้องใช้เวลาและ พิมพ์เงินอีกหลายรอบ ตลอดจนใช้มาตรการทิศทางนโยบายการเงิน
... แต่กระนั้น มันจะเกิดขึ้นในที่สุด "เงินเฟ้อนั้นจะเป็นตัวเร่งให้เกิดอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงติดลบ" คล้ายช่วง QE และการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของราคาทองคำเป็นเงินดอลลาร์ ( วันนั้น คนชักคะเย่อเงินเฟ้อก็จะพังลง หลังชนะเงินฝืดมา )
.
...... หนังสือ "THE NEW CASE FOR GOLD" เจมส์ ริคคาร์ด : เขียน
ชลลดา ไพบูลย์สิน : แปล
ที่มา : Jeerachart Jongsomchai
โฆษณา