25 เม.ย. เวลา 09:25 • หุ้น & เศรษฐกิจ

ตลท. เพิ่มมาตรการชุดใหญ่

งัด Uptick rule - Circuit Breaker ใช้รายตัว หวังคุมเข้มหุ้นราคาร้อนแรง - ดึงความเชื่อมั่นนลท.
ตลาดหลักทรัพย์ฯ เตรียมใช้ Uptick rule ป้องกันการขายชอร์ตกดราคาหุ้น เล็งเพิ่ม Circuit Breaker รายหุ้น ลดความผันผวนของราคา คาดเห็นความชัดเจนในไตรมาส 2/67 พร้อมเพิ่มมาตรการ Auction คุมเข้มเลเวล 2 รวมถึงกำหนด HTF ลงทะเบียนเปิดเผยข้อมูล
นายรองรักษ์ พนาปวุฒิกุล รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานกฎหมาย และหัวหน้ากลุ่มงานเลขานุการองค์กรและกำกับองค์กรในฐานะโฆษก ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ มีมติเห็นชอบในหลักการเรื่อง "มาตรการยกระดับความเชื่อมั่น เรื่อง short selling และ program trading รวมถึงมาตรการเพิ่มการเปิดเผยข้อมูลแก่สาธารณชน"
ซึ่งแบ่งเป็น 3 เรื่องหลัก คือ 1.มาตรการเกี่ยวกับการลดความผันผวนที่ผิดปกติของราคาหลักทรัพย์ 2.มาตรการเกี่ยวกับการกำกับดูแลพฤติกรรมการซื้อขายที่ไม่เหมาะสม และ 3. มาตรการที่เป็นการเพิ่มความคุ้มครองผู้ลงทุน
ทั้งนี้ หลังจากจบขั้นตอนการทำ Public Hearing คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ เห็นชอบการกำหนดรายละเอียดเพิ่มเติมในส่วนของ การเพิ่ม Uptick ทุกหลักทรัพย์ โดยการขายชอร์ตในทุกหลักทรัพย์ยังสามารถทำได้ แต่ต้องเป็นระดับราคาที่สูงกว่าราคาซื้อขายครั้งสุดท้าย (Uptick rule) ซึ่งปัจจุบันให้ขายชอร์ตได้ที่ราคาเท่ากับหรือสูงกว่าราคาซื้อขายครั้งสุดท้าย (Zero-plus Tick) เพื่อป้องกันการกดราคาหุ้น คาดจะเห็นความชัดเจนภายในไตรมาส 2/67
อีกทั้งยังมีการเพิ่ม Circuit Breaker รายหุ้น (Dynamic Price Band) โดยกำหนดกรอบการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นที่แคบกว่า Ceiling และ Floor เอาไว้ เพื่อไม่ให้ราคาผันผวนเร็วเกินไป ปัจจุบันอยู่ระหว่างการหารือเกี่ยวกับรายละเอียดระดับราคาที่ปรับลงควรจะอยู่ที่เท่าไหร่ และจะใช้มาตรการนี้ในช่วงเวลาไหน คาดเห็นความชัดเจนปลายไตรมาส 2/67
รวมถึงเพิ่มมาตรการ Auction หุ้นที่อยู่ในมาตรการกำกับการซื้อขาย Level 2 เพื่อยกระดับการกำกับดูแลในหุ้นที่มีความร้อนแรงสูง โดยแนวทางการดำเนินการ หากหุ้นดังกล่าวเข้าสู่มาตรการกำกับการซื้อขาย Level 2 การซื้อขายยังคงใช้บัญชีแคชบาลานซ์ และจะเปิดให้จับคู่ซื้อขายหุ้นวันละ 3 รอบ (Pre-open 1, Pre-open 2 และ Pre-close)
ซึ่งเป็นการจับคู่สุ่มเวลาเหมือนปกติ และในช่วง No-matching 1 และ No-matching 2 จะไม่เปิดให้ส่งคำสั่งซื้อขาย แต่สามารถอัพเดทและยกเลิกคำสั่งซื้อขายได้ โดยเชื่อว่ามาตรการที่เพิ่มเติมเข้ามานี้จะสามารถลดการสร้างราคาหุ้นได้ คาดเห็นความชัดเจนในไตรมาส 3/67
และเพื่อกำกับดูแลพฤติกรรมการซื้อขายที่ไม่เหมาะสม ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้กำหนดเวลาขั้นต่ำของคำสั่งซื้อขายก่อนที่จะสามารถแก้ไขหรือยกเลิกคำสั่ง (Minimum Resting Time) ไว้ที่ 250 milliseconds ทั้งนี้ คำสั่งซื้อขายที่มีการแก้ไขหรือถูกยกเลิกก่อนเวลาดังกล่าวจะถูก reject โดยระบบ ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนในไตรมาส 4/67
นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะให้บริษัทสมาชิกและลูกค้าที่ใช้โปรแกรมเทรดที่สร้างและส่งคำสั่งซื้อที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ต้องยื่นคำขอและ filing ข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้สามารถเห็นข้อมูลผู้ลงทุนในระดับ Sub-Account ของ Omnibus Account ได้ โดยคาดว่าจะเห็นความชัดเจนของมาตรการนี้ราวไตรมาส 2/67
อย่างไรก็ตาม ตลาดหลักทรัพย์ฯ มาตรการต่างๆ ผ่านการหารือกับบริษัทสมาชิกและสำนักงาน ก.ล.ต. มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ตอบโจทย์กับนักลงทุนมากที่สุด โดยหวังว่ามาตรการที่ออกมาจะสร้างความเชื่อมั่นและไว้วางใจให้กับนักลงทุนได้
โฆษณา