25 เม.ย. เวลา 11:22 • หุ้น & เศรษฐกิจ

DXYZ ETF - กองที่พานักลงทุนเข้าถึง startup นอกตลาดหุ้น

บริษัท Private Equity และ Venture Capital มักจะเข้าถึงการลงทุนที่นักลงทุนทั่วไปเข้าถึงไม่ได้
ทำไมน่ะเหรอ?
ก็เพราะกองทุนเหล่านี้ระดมทุนจากบุคคลที่มีทรัพย์สินสูงมาก (Ultra high net worth) ซึ่งเรียกว่า Accredited Investors (นักลงทุนที่ได้รับการรับรอง)
บริษัทลงทุนขนาดใหญ่เหล่านี้จึงสามารถเข้าถึงโอกาสที่หาไม่ได้ตามตลาดหลักทรัพย์ทั่วไป ข้อแม้คือการลงทุนเหล่านี้มีความเสี่ยงสูงมาก จึงเปิดเฉพาะกับนักลงทุนที่มีระดับรายได้หรือมูลค่าทรัพย์สินถึงตามกำหนด
ถึงกระนั้น การลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพก็ยังน่าสนใจอย่างมาก
ตอนนี้มีกองทุนรวมที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ (ETF) ใหม่ชื่อว่า Destiny Tech100 (NYSE: DXYZ) ซึ่งเกิดมาเพื่อนักลงทุนรายย่อยที่ต้องการลงทุนแบบ Venture Capital หรือลงทุนในสตาร์ทอัพที่ยังไม่เข้าตลาดหลักทรัพย์นั่นเอง
คำว่า "Unicorn" แปลว่า บริษัทเอกชนที่มีมูลค่าอย่างน้อย $1 พันล้านดอลลาร์
แน่นอนว่า Unicorn มักเป็นโอกาสลงทุนที่น่าสนใจ โดยปกติแล้วการเข้าถึงการลงทุนเหล่านี้จะทำได้เฉพาะผู้ที่ร่ำรวยมากๆ เท่านั้น นักลงทุนส่วนใหญ่ไม่มีโอกาสได้เข้าร่วมจนกว่า unicorn จะเริ่ม IPO เข้าตลาดหลักทรัพย์
ตรงนี้แหละที่กองทุน Destiny Tech100 (NYSE: DXYZ) เข้ามามีบทบาท
ตามเอกสารของบริษัท ผู้จัดการกองทุน DXYZ มีเป้าหมายระยะยาวในการลงทุนบริษัทเทคโนโลยีที่ระดมทุนจาก Venture Capital เป็นจำนวน 100 บริษัท (ปัจจุบัน กองทุนพึ่งได้ลงทุนไปเพียง 23 ธุรกิจ จากเป้าหมาย 100)
มี Unicorn เด่นๆใน ETF DXYZ มากมาย รวมถึงบริษัทสตาร์ทอัพด้าน Fintech อย่าง Klarna, Revolut, Plaid, Public.com, Brex และ Stripe
นอกจากนี้ ETF DXYZ ยังลงทุนใน Epic Games ผู้พัฒนาวิดีโอเกม Fortnite
แต่สิ่งที่น่าตื่นเต้นที่สุดคือเงินก้อนโตที่สุดของกองทุน อยู่กับ SpaceX ของ Elon Musk !!
ข้อสำคัญที่ควรตระหนักไว้คือ Destiny Tech100 เป็นกองทุนแบบปิด หมายความว่า จะไม่มีการออกหุ้นใหม่
ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2022 มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ของสินทรัพย์ถือครองในกองทุน คือ $52.6 ล้าน ปัจจุบันมูลค่าตลาด (Market Cap) ของกองทุนอยู่ที่ประมาณ $363 ล้าน แสดงว่านักลงทุนจ่าย $6.90 ต่อมูลค่า NAV $1
พูดอีกอย่างก็คือ มูลค่าของพอร์ตการลงทุนจะต้องเพิ่มขึ้น 6.9 เท่า ก่อนที่นักลงทุนที่ซื้อในราคาปัจจุบันจะเท่าทุนและเริ่มทำกำไร แม้ว่าการประเมินมูลค่า (Valuation) ของสตาร์ทอัพสามารถพุ่งขึ้นได้อย่างมาก แต่ก็อาจใช้เวลานานในการกำไรที่คุ้มค่า
มีประเด็นสำคัญสองสามอย่างที่ต้องมาพูดถึง อย่างแรก ความผันผวนของ Destiny Tech100 ชี้ให้เห็นว่าการลงทุนประเภทนี้มีความเสี่ยงสูงมาก อีกข้อที่สำคัญคือ แม้ว่าสตาร์ทอัพจะมีสถานะเป็น Unicorn ก็ไม่ได้หมายความว่ามันเป็นการลงทุนที่ปลอดภัย
ทั้ง Klarna และ Stripe มีมูลค่าที่ลดลงอย่างมากตลอดสองสามปีที่ผ่านมา ทั้งสองบริษัทดำเนินการในภาค Fintech และอ่อนไหวต่อเศรษฐกิจมหภาค เมื่อเจอกับภาวะเงินเฟ้อสูงและอัตราดอกเบี้ยที่เป็นประเด็นหลักในเศรษฐกิจตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา จึงสมเหตุสมผลว่าธุรกิจเหล่านี้จะได้รับผลกระทบด้านลบ
ประเด็นสุดท้ายที่ควรทราบคือค่าธรรมเนียมการจัดการสำหรับกองทุน Destiny Tech100
ด้วยค่าธรรมเนียมอัตรารายปีที่ 2.5% ทำให้ค่าธรรมเนียมของ Destiny Tech100 สูงคล้ายคลึงกับกองทุน Venture Capital หรือ Private Equity ทั่วไป ในทางกลับกัน Invesco QQQ (ที่อิงดัชนี S&P500) มีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายเพียง 0.20%
โฆษณา